บทที่ 21 องค์ชาย เชิญดื่มให้เต็มที่ – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชินีหงสาร้อยเล่ห์
ตอนนี้ของ ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ โดย เธอเป็นดาวของฉัน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 21 องค์ชาย เชิญดื่มให้เต็มที่ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
หยุนหรั่นเฟิงยิ้มจนตายิบหยีขณะหันไปมองเซียวจิ่นหมิง "องค์ชายแปด เจ้าจะรับมันไปเอง หรือจะให้ข้าปรนนิบัติเจ้าดีล่ะ?"
เซียวจิ่นหมิงยกถ้วยชาขึ้นมาด้วยท่าทางเคร่งเครียด
หยุนหรั่นเฟิงยิ้มก่อนจะเสริมว่า "เพื่อประสิทธิภาพของยา ปริมาณต้องมากพอ องค์ชาย เชิญดื่มให้เต็มที่!"
"....."
หลังจากดื่มชาจนหมดหม้อได้อย่างยากลำบากในที่สุด จุยเฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร หลินหลังก็เดินปิดจมูกเข้ามาพร้อมยก 'ชุดน้ำชา' มาให้อีกหนึ่งหม้อใหญ่ ๆ!
หยุนหรั่นเฟิงตบมือเบา ๆ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง "องค์ชาย เชิญดื่มให้เต็มที่!"
"....."
หลังจากดื่มชาจนหมดด้วยความยากลำบากอย่างสุดแสน จุยเฟิงก็รีบยื่นถ้วยชาล้างปากถ้วยหนึ่งให้เขา "องค์ชาย ท่านดื่มนี่ให้คลายเลี่ยนสักหน่อยเถอะ"
เซียวจิ่นหมิงปรายตามองไปที่ถ้วยใส่น้ำ ที่ลำคอเกิดความเคลื่อนไหวน้อย ๆ เขาผลักจุยเฟิงออกไปอย่างไม่รีรอ หันหลังกลับทำท่าจะเดินออกไปข้างนอก
หยุนหรั่นเฟิงทำท่าหยุดอีกฝ่ายไว้ทันที ดวงตากลมโตคู่งามกระพริบปริบ ๆ " นี่องค์ชายจะไปไหนรึ? ยังไม่ถึงยามอู่เลยแท้ ๆ ก็คิดจะไปแล้วหรือ? ถ้าท่านขมจนทนไม่ได้ก็บอกมาตรง ๆ เถอะ ข้าแค่ไปหาคนอื่นมาแทนก็ได้แล้วล่ะ "
เซียวจิ่นหมิงมองหญิงสาวที่แสดงสีหน้า "ข้าเปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมและใจกว้างอย่างยิ่ง" ตรงหน้า หนังตาถึงกับกระตุกขึ้นมาน้อย ๆ ก่อนจะเอ่ยปากพูดช้า ๆ ว่า "ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า"
“ได้ ! ข้าจะเตรียมของไว้รอเจ้า” หยุนหรั่นเฟิงพูดด้วยท่าทางห่วงใย “เจ้าต้องเร็ว ๆ หน่อยล่ะ”
"...." เซียวจิ่นหมิงหันหลังกลับแล้วเดินจากไปทันที แต่เงาร่างขณะเดินไปดูจะหนัก ๆ อยู่หลายส่วน
หลินหลังมีท่าทีกังวล "คุณหนูเจ้าคะ ท่านว่าองค์ชายจะยังกลับมาอีกหรือไม่เจ้าคะ?"
ยานี้นางเป็นคนเคี่ยวเอง ตัวนางเองยังแทบทนไม่ได้ นับประสาอะไรกับคนที่ต้องดื่มมัน!
หยุนหรั่นเฟิงยิ้มจนตายิบหยี "วางใจเถอะ เขาต้องมาแน่"
แม้ว่าไอ้ผู้ชายนิสัยหมาคนนี้จะมีด้านที่ไม่นับว่าเป็นของดีอะไร แต่ในแง่ของการรับปากอะไรไว้แล้วรักษาสัญญานั้นอย่างแข็งขัน ก็ยังนับว่าเป็นลูกผู้ชายพอ
“แล้วของที่ข้าสั่งให้เจ้าเตรียมล่ะ?”
"อยู่นี่เจ้าค่ะ!"
หลินหลังยกมือขึ้น ประกายแสงสีเงินเย็นเยียบชวนให้ใจหนาวเยือก!
เซียวจิ่นหมิงที่กลับมาหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ บังเอิญเห็นภาพฉากนี้เข้าพอดี ฝีเท้าพลันหยุดชะงักไปชั่วขณะ!
จุยเฟิงตกใจจนตาค้าง "แล้วนี่มันคืออะไรอีกล่ะเนี่ย?"
"เข็มเงิน ใช้สำหรับการฝังเข็ม!" หลินหลังพูดเสียงดัง
“ข้าย่อมรู้อยู่แล้วล่ะว่ามีไว้สำหรับการฝังเข็ม แต่การฝังเข็ม จำเป็นต้องใช้เข็มเงินจำนวนมากขนาดนี้เลยรึ?” จุยเฟิงหันไปมององค์ชายของตน ที่กำลังจะถูกเข็มแทงจนกลายเป็นเม่นอย่างนึกหวาดหวั่น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งจนแทบไม่ได้ยินว่า “คงจะไม่เกิดปัญหาอะไรใช่หรือไม่?”
"ศาสตร์ในด้านการฝังเข็มนั้นทั้งกว้างขวางและลึกซึ้ง คนที่เพิ่งดื่มยาเข้าไป จะอย่างไรก็ต้องกระจายคายความร้อนในร่าง ปล่อยให้สะสมเป็นเวลานาน ๆ มันจะไม่ดี" หยุนหรั่นเฟิงยิ้มน้อย ๆ ดวงตาหยักโค้งดูเหมือนแมวจอมเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง "องค์ชาย หม่อมฉันจะช่วยกระจายฤทธิ์ยาในร่างให้ท่านเอง ดีหรือไม่?"
นางก้มหน้าลงเล็กน้อย ปอยผมดำขลับช่อหนึ่งร่วงลงมาคลอเคลียบนใบหน้าของเซียวจิ่นหมิง เขาเอียงตัวไปข้าง ๆ โดยไม่รู้ตัว สองตาจับจ้องไปที่แก้มขาวนวลเนียนไร้ที่ติของนาง ผิวพรรณบอบบางละเอียดผุดผาดดั่งกระเบื้องเคลือบ ทันใดนั้นเขาก็หวนนึกถึงค่ำคืนวันแต่งงาน.....…
แม้จะรู้ดีว่าภายใต้รูปลักษณ์อันงดงามของนาง มีจิตใจที่ดุจดั่งปีศาจชั่วร้ายหลบซ่อนอยู่ แต่ในหัวใจกลับรู้สึกร้อนรุ่ม จนเหมือนจะควบคุมไม่ได้ขึ้นมาเล็กน้อย นัยน์ตาลึก ๆ มืดทะมึนไปชั่วขณะ
เขารวบรวมสติ ระงับอารมณ์ฟุ้งซ่านทั้งหมด แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า "แล้วแต่เจ้าเถอะ"
“องค์ชายช่างเป็นคนที่เด็ดขาดดีจริง ๆ!” หยุนหรั่นเฟิงวาดมุมปากยกโค้งเป็นรอยยิ้ม “หม่อมฉันจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน”
เข็มเงินส่องประกายวาบ แทงเข้าไปในขมับอีกฝ่ายอย่างแม่นยำเฉียบคม!
ร่างกายของเซียวจิ่นหมิงสั่นเทาเล็กน้อย!
หลังจากฝังเข็มเสร็จก็คือการแช่น้ำ ในอ่างแช่น้ำมีข้าวของแปลกประหลาดอยู่มากมาย ทันทีที่เข้าไปก็รู้สึกร้อนเหมือนโดนต้มอยู่ในน้ำมันเดือด ๆ เจ็บปวดรวดร้าวไปจนถึงกระดูก
แช่น้ำเสร็จก็เป็นอาหารเสริมแบบครบหมู่ จะงู หนอน หนู มด เอามา ทอด ผัด ต้ม นึ่งล้วนมีหมด และแน่นอนว่าเรื่องกลิ่นและสีสันต้องครบครันจัดเต็ม ต้องกึ่งสุกกึ่งดิบแบบมีเลือดซิบ ๆ ทุกจาน
หลังจากเสริมอาหารครบทุกหมู่ ก็ต่อด้วยนอนเตียงน้ำแข็งรักษาบาดแผล เตียงน้ำแข็งหนาขนาดสามฉื่อที่เย็นยะเยือกจนชวนใจสั่น หนาจนแค่มองเฉย ๆ ก็รู้สึกหนาวแล้ว
“วันนี้ลำบากองค์ชายแล้ว คงจะอ่อนเพลียแย่แล้วสินะ นี่ก็ดึกแล้ว ท่านรีบไปจัดที่ทางเข้านอนเร็ว ๆ เถอะ เตียงเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว หม่อมฉันมีคุณธรรมมากเลยใช่หรือไม่?”
"....."
สวรรค์มีนิมิต อาจเป็นพรชัยหรืออาจเป็นหายนะ ใบหน้าของเซียวจิ่นหมิงพลันดำทะมึน จู่ ๆ ในใจพลันปรากฏลางสังหรณ์ที่ชวนให้ไม่สบายใจขึ้นมาสายหนึ่ง
แน่นอนว่าพ่อบ้านหลิวก็ได้เห็นภาพฉากนี้เช่นกัน "กลางวันแสก ๆ แต่วันนี้กลับมีแสงจากดวงดาวส่องประกาย เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดไม่น้อย หรือบางทีทางสำนักหอดูดาวหลวงอาจจะเริ่มคำนวณชะตาเมืองอีกแล้ว?" เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า เซียวจิ่นหมิงไม่เคยเชื่อเรื่องที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์หรือการดูดาวทำนายชะตา จึงรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าน้อยพูดมากเกินไป ขอองค์ชายโปรดอภัยด้วย”
เซียวจิ่นหมิงเก็บสายตากลับ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า "หลังจากนี้ไปให้กำชับทุกคนในจวนอย่างเคร่งครัด ห้ามคนรับใช้พูดจาไร้สาระอะไรออกไปอย่างเด็ดขาด"
"รับทราบ!"
เป็นไปตามที่เซียวจิ่นหมิงคาดไว้ เมื่อเขาไปประชุมราชการเช้าในวันถัดมา สำนักหอดูดาวหลวงก็มีรายงานพิเศษ ว่าด้วยเรื่องของดาวประหลาดที่ปรากฎขึ้นอย่างกะทันหัน
เจ้าสำนักหอดูดาวหลวงพูดจาฉะฉานว่า "กระหม่อมได้ตรวจดูท้องฟ้าเมื่อยามค่ำ พบว่าดาวดวงนี้เป็นดาวที่พิเศษน่าอัศจรรรย์ใจอย่างยิ่ง กระหม่อมทั้งอ่านทั้งค้นคว้าจากในตำราโบราณ สามารถพิสูจน์ได้ว่าดาวที่ปรากฏเมื่อคืน คือดาวหงส์ที่หาได้ยากซึ่งมาจุติยังโลกมนุษย์ในรอบพันปี ดาวหงส์ไม่มาจุติบนโลกได้นับพันปีแล้ว เวลานี้กลับมาจุติยังต้าหลี่ของพวกเรา นี่พิสูจน์ได้ว่าพระบารมีของฝ่าบาทยิ่งใหญ่ไพศาลเหนือขึ้นไปถึงสรวงสวรรค์จรดลงมายังพื้นโลกา! ในตำราโบราณมีคำกล่าวว่า ผู้ที่ครอบครองดาวหงส์คือผู้ที่ครอบครองใต้หล้า แต่เพราะเมื่อวานเมฆหนามาก จึงไม่อาจตรวจสอบได้อย่างชัดเจนทันเวลา แต่ขอฝ่าบาทอย่าได้กังวลพระทัย กระหม่อมจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อค้นหาว่าดาวหงส์ดวงนั้นไปจุติอยู่ที่แห่งใด"
ฮ่องเต้ต้าหลี่ให้ความสนใจมากอย่างที่คิดจริง ๆ หลังเลิกการประชุมจึงสั่งให้เจ้าสำนักหอดูดาวหลวงอยู่ก่อน พูดคุยเรื่องนี้ต่ออย่างสุขสันต์ยินดี ถึงขั้นเปลี่ยนการประชุมเรื่องยุทโธปกรณ์ของทหารเพื่อมาพูดคุยเรื่องนี้โดยเฉพาะ เดิมทีองค์ชายห้าเซียวจิ่นหยูที่ควรจะเข้าร่วมการประชุมเรื่องยุทโธปกรณ์ทางการทหารด้วยกันกับเซียวจิ่นหมิง ต่างก็หันมามองหน้าประสานสายตากัน เซียวจิ่นหยูพูดขึ้นว่า "น้องแปด พวกเราพี่น้องไม่ได้เจอกันเสียนาน สุขสบายดีหรือไม่?"
เซียวจิ่นหยูมีปัญหาที่ขา จะเข้าจะออกล้วนต้องใช้รถเข็น เซียวจิ่นหมิงรู้ว่าเขามีบางอย่างจะพูดด้วย จึงถอยห่างออกจากฝูงชน ก่อนจะเข็นรถเข็นให้เขาด้วยตัวเอง
เซียวจิ่นหยูเหลือบมองเขา "น้องแปด เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?"
“ทฤษฎีนิมิตบนท้องฟ้า ก็แค่ภาพลวงตาที่มีอยู่แต่จับต้องไม่ได้” เซียวจิ่นหมิงพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย
ว่าตามความหมายแล้ว ก็คือเขาไม่เชื่อ
“ถึงเจ้าจะไม่เชื่อ แต่เรื่องนี้มันสร้างความแตกตื่นขึ้นมาแล้ว เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แน่ โชคดีที่เจ้ากับข้าล้วนแต่งงานแล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้โดนลากเข้าไปพัวพันด้วยแน่ ๆ ” เซียวจิ่นหยูพูดพลางแอบหัวเราะขบขัน
"ก็แค่เรื่องโหราศาสตร์เท่านั้นเอง..... "
เซียวจิ่นหมิงยังพูดไม่ทันจบ จู่ ๆ ก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังแว่วมา "โลกใบนี้กว้างใหญ่ มีสิ่งมหัศจรรย์มากมาย พลังของมนุษย์ช่างเล็กจ้อย ไม่มากพอจะเอาไปเทียบกับพลังแห่งสรวงสวรรค์ ทฤษฎีโหราศาสตร์พูดไปอาจคลุมเครือ แต่กลับไม่ใช่สิ่งลึกลับ.... ชะตาชีวิตมีเส้นทางของมันเอง เราย่อมพบสิ่งที่ใช่ในความมืด"
เสียงนี้ไม่ได้เป็นของใครในสองคนที่อยู่ตรงนี้ เป็นเสียงเอื่อย ๆ ที่แผ่วเบาราวสายน้ำไหล เต็มไปด้วยความสง่าผ่าเผย
เซียวจิ่นหมิงกับเซียวจิ่นหยูเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน ที่มุมด้านหน้าของพวกเขา มีชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลคนหนึ่งค่อย ๆ หันกายกลับมา รูปร่างสูงโปร่งงามสง่า บนใบหน้าเจือไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาดำขลับดูบริสุทธิ์เปี่ยมเมตตา ทำให้ใครที่ได้เห็นอดคิดถึงสีของเครื่องเคลือบหลิวหลีไม่ได้ มันใสสะอาดกระจ่างตา ไม่มีสิ่งเจือปนมลทินใด ๆ แม้แต่น้อยนิด
"เฟยหรันคารวะองค์ชายห้า องค์ชายแปด"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ...
รอตอนต่ออยู่นะค่ะ...
รบกวนอัพเดทตอนใหม่ให้ด้วยนะคะ รอรอรอ...
สนุกมาก รอตอนใหม่อยู่ค่ะ...
รอการอัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ😭...
รอการอัพเดทอยู่นะคะ...
❤❤❤...
รออ่านเรื่องนี้ตั้งหลายวันนนน...