ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ นิยาย บท 22

เซียวจิ่นหมิงขมวดคิ้ว "เจ้าคือ?"

เฟยหรันยังไม่ทันได้ตอบ เซียวจิ่นหยูกลับหัวเราะแล้วพูดว่า "เขาเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักหอดูดาวหลวง เป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น ทั้งมีความสามารถในการทำนายดวงชะตา เจ้าไปเป็นผู้นำกองทัพอยู่ข้างนอกมานาน เป็นธรรมดาที่เจ้าจะไม่รู้จักเขา” หลังจากหยุดไปชั่วครู่ ก็ใช้สายตาที่เก็บซ่อนความหมายลึกซึ้งมองเซียวจิ่นหมิง “เสด็จพ่อให้ความสำคัญกับเขาอย่างยิ่ง”

แน่นอนว่าเซียวจิ่นหมิงย่อมฟังคำพูดแฝงนัยยะของเซียวจิ่นหยูออก ดวงตาดำขลับลึกล้ำขึ้นเล็กน้อย จ้องไปที่เฟยหรันตาเขม็ง "สามารถคลายความกังวลแทนเสด็จพ่อได้ ย่อมดีกว่าอะไรทั้งหมด"

"ขายหน้าองค์ชายแปดแล้ว" เฟยหรันยิ้มน้อย ๆ สีหน้าสงบนิ่ง

เซียวจิ่นหยูก็ยิ้มแล้วพูดว่า "การที่เฟยหรันเข้าวัง แปลว่าต้องถูกเสด็จพ่อเรียกตัวเป็นการด่วนแน่ เจ้ารีบไปเถอะ"

เฟยหรันกลับรู้พิธีรีตองเป็นอย่างดี ถอยหลังไปหนึ่งก้าว เปิดทางแล้วพูดว่า"ขอเชิญองค์ชายห้าและองค์ชายแปดก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ"

เซียวจิ่นหมิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เข็นเซียวจิ่นหยูออกไป

สายตาของเฟยหรันมองตามเงาแผ่นหลังที่ทอดยาวของเซียวจิ่นหมิงไป ภายใต้แสงแดดที่ทอดเงาชัดเจนเจิดจ้า รูม่านตาใสกระจ่างดั่งแก้วหลิวหลีสะท้อนแสงแวววาว ส่องประกายสว่างแต่กลับราบเรียบ ดูเป็นอิสระจากเรื่องทางโลก ไม่เปรอะเปื้อนฝุ่นธุลีแม้แต่น้อย

เขายิ้มแย้มเจิดจ้า หันหลังกลับ ก่อนจะเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม

เป็นไปตามที่เซียวจิ่นหยูคาดการณ์ไว้ ข่าวเรื่องดาวหงส์แพร่กระจายออกไปทั่วเมืองหลวงแคว้นต้าหลี่รวดเร็วดั่งติดปีกบิน แม้ว่าพ่อบ้านหลิวจะเฝ้าจับตาคนในจวนอย่างเคร่งครัด แต่ข่าวลือก็ยังพัดกระหน่ำราวกับสายลมซัดโหมมาถึงจวนองค์ชายแปดจนได้ ——

".....คุณหนู ท่านยังไม่รู้สินะเจ้าคะ ตอนนี้ผู้คนต่างก็เล่าลือกันว่าผู้ที่ได้ครอบครองดาวหงส์จะเป็นผู้ที่ได้ครอบครองใต้หล้า ลือกันจนฟังดูเหลือเชื่อไปหมด ใคร ๆ ก็คาดเดากันใหญ่ว่าดาวหงส์ที่ว่านี้จะไปจุติกับผู้หญิงบ้านไหน"

หลินหลังถือค้อนขนาดเล็กด้ามหนึ่งไว้ในมือ ช่วยเคาะเปลือกวอลนัทให้หยุนหรั่นเฟิงกิน พลางพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณหนู ท่านว่าจะเป็นใครหรือเจ้าคะ? จะเป็นคุณหนูรองของบ้านเราหรือไม่?”

"ก็แค่ดาวดวงเดียวเอง ต้องถึงขั้นแปะป้ายชื่อดาวหงส์อะไรไร้สาระขนาดนี้ด้วยรึ? แถมยังให้ชี้ออกมาอีกว่าเป็นใคร ดูน่าไม่อายไปหน่อยแล้วมั้ง?" หยุนหรั่นเฟิงกินวอลนัทอย่างไม่ยี่หระ "เจ้าออกไปข้างนอกก็อย่าพูดอะไรไร้สาระเข้าล่ะ อย่าลดคุณค่าของเรือนเหอซินเราให้ต่ำลง "

หลินหลังพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง "คุณหนูวางใจเถอะเจ้าค่ะ บ่าวแค่ฟังเฉย ๆ ไม่พูดออกไปแน่ พวกคนข้างนอกนั่นปากเสียจริง ๆ กล้าพูดว่าน่าเสียดายที่องค์ชายแต่งท่านมาเสียแล้ว น่ากลัวว่าคงจะไม่มีโอกาสได้ครอบครองดาวหงส์แน่แล้ว"

หยุนหรั่นเฟิงแค่นเสียงหัวเราะเย้ยหยัน "ถ้าเซียวจิ่นหมิงเชื่อเรื่องนี้ด้วยก็คงจะดีหรอก จะได้ใช้โอกาสนี้เป็นขออ้างให้เขาหย่ากับข้า ข้าจะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองสติปัญญาอยู่แบบนี้"

น่าเสียดาย ตามความเข้าใจที่นางมีต่อเซียวจิ่นหมิง ไอ้ผู้ชายนิสัยหมานั่นคงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้แน่ ๆ

“คุณหนู!” หลินหลังยังคงหวังว่าคุณหนูของตัวเองจะได้นั่งในตำแหน่งพระชายารัชทายาทอย่างมั่นคง “ตอนนี้องค์ชายเองก็ปฏิบัติต่อท่านดีขึ้นมากแล้ว ครั้งก่อนท่านทรมานเขาตั้งขนาดนั้น ยังไม่เห็นว่าเขาจะโกรธเลย นอกจากนี้พ่อบ้านหลิวยังบอกด้วยว่า องค์ชายรับสั่งไว้แล้ว ว่าอย่าปากยื่นยาวพูดเรื่องซุบซิบนินทาในจวน เพื่อเรื่องนี้แล้ว ในจวนยังถึงกับขายสาวใช้ออกไปสองคนเลยนะเจ้าคะ เห็นได้ชัดว่าองค์ชายยังเห็นคุณค่าของคุณหนูไม่ใช่น้อย ๆ เลย! "

“ไม่ใช่ว่าเขาเห็นคุณค่าของข้าหรอก เขาแค่กลัวว่าไฟจะลามมาถึงตัวมากกว่า” หยุนหรั่นเฟิงหัวเราะเยาะเย้ย ก่อนจะผุดลุกขึ้น “ข้าจะไปนอนสักหน่อย อย่ารบกวนล่ะ”

ในช่วงหลายวันมานี้ นางบังเอิณพบสมุนไพรหายากหลายชนิดในป่าไผ่หลังภูเขา พอลองนับเวลาดู นี่ก็ควรจะถึงเวลากลั่นให้บริสุทธิ์แล้วล่ะนะ

หลินหลังตกใจจนผงะ “จะนอนหลับอีกแล้วหรือเจ้าคะ?”

เวลาที่คุณหนูของนางนอนหลับยิ่งนับวันก็ยิ่งนานขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ถ้านางยังนอนต่อไปแบบนี้ ไม่น่าจะเป็นการดีแล้วกระมัง?

นางรีบดึงหยุนหรั่นเฟิงกลับมาทันที "คุณหนู วันนี้ข้างนอกอากาศดีนัก อย่างไรพวกเราออกไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้กันดีกว่าเจ้าค่ะ เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทั้งวัน อุดอู้เกินไปจะไม่ดีนะเจ้าคะ!"

ในห้องทดลองนั้นของนาง ไม่ว่าต้องการอะไรล้วนมีครบหมด น่าเดินดูเดินชมกว่าสวนแห่งนี้ตั้งหลายเท่า หยุนหรั่นเฟิงกำลังคิดจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นแววตาห่วงใยใสแป๋วดั่งลูกกวางน้อยของเจ้าหญิงบาร์บี้ของนางเข้า หัวใจก็พลันอ่อนยวบ "งั้นก็ไปกันเถอะ"

เรือนเหอซินตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจวนรัชทายาท หลังจากเดิน ๆ หยุด ๆ มาตลอดทาง ก็มาถึงสวนด้านหลังโดยไม่รู้ตัว

ในฐานะคนยุคใหม่ที่มีความรู้รอบตัวมากมาย หยุนหรั่นเฟิงก็ยังต้องยอมรับว่าสวนดอกไม้ของจวนองค์ชายแปดยังนับว่าควรค่าแก่การชมดูอยู่หลายส่วน รั้วแกะสลักจากหยก เส้นทางเดินคดเคี้ยว ทอดสู่ใจกลางสวนอันเงียบสงบ ทางเดินจากศาลารับลมทะลุถึงกันล้วนมีทางเดินเป็นของตัวเอง บรรยากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย

"ตบ! ตบปากตัวเองให้ข้าเดี๋ยวนี้!" ทันใดนั้นเสียงแหลมสูงที่แผดลั่นด้วยโทสะก็ดังขึ้น "เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ข้าจะเก็บเจ้าไว้ให้เกะกะลูกตาทำไม!"

ฟังดูแล้วเหมือนว่าจะเป็น..... เสียงของฉีซินจื่อ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์