ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ นิยาย บท 25

“ซื่อจื่อ ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ? นานทีปีหนจะได้ออกมาสักครั้ง ยังไม่ยอมไปร่วมดื่มกับพวกข้าอีกรึ” สหายคนหนึ่งเดินถือแก้วเหล้าตรงเข้ามา พอก้มหน้าลงก็เห็นร้านเครื่องสำอางที่อยู่ชั้นล่างฝั่งตรงกันข้าม "เอ๋? นั่นไม่ใช่ลูกสาวของจวนแม่ทัพใหญ่หรอกรึ? มิน่าล่ะซื่อจื่อของพวกเราถึงได้ยอมละทิ้งสุราเลิศรส ที่แท้ก็ได้เจอคู่หมั้นเข้านี่เอง”

“คู่หมั้นอะไรของเจ้า ?” เรื่องดี ๆ ของคนอื่นก็ยังจุ้นไม่เข้าเรื่อง “ซื่อจื่อเป็นถึงทายาทเพียงคนเดียวของจวนซีผิงโหวเชียวนะ อยู่เหนือผู้คนโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ จะหมั้นหมายเร็วขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?”

“คู่หมั้นคู่หมายก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นลูกสาวภรรยาเอกจวนแม่ทัพใหญ่ของพวกเรา คุณหนูผู้มีพรสวรรค์เป็นอันดับหนึ่งแห่งต้าหลี่ ชาติกำเนิดสูงส่งเทียมกัน ทั้งรูปร่างหน้าตาและพรสวรรค์เป็นเลิศ ก็ไม่ได้ทำให้ซื่อจื่อฉินเจี่ยนของพวกเราขายหน้าหรอก!"

ซื่อจื่อฉินเจี่ยน ทายาทสายตรงแห่งจวนซีผิงโหวยกยิ้มจาง ๆ เป็นรอยยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงดวงตา "ล้วนเป็นข่าวที่เขาเล่าลือกันในเมืองทั้งนั้น ถือเป็นเรื่องจริงจังไม่ได้หรอกนะ สหายหลี่อย่าได้พูดไปจนทำให้คุณหนูหยุนต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง”

สหายหลี่ตกใจจนผงะ “เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้นรึ?”

"แน่นอนว่านั่นเป็นแค่ข่าวลือ" ฉินเจี่ยนพูดอย่างใจเย็น "ถ้าพวกเจ้ายังพูดอะไรเหลวไหลอีก แล้วท่านแม่ทัพมาได้ยินเข้า เกรงว่าคงได้โกรธยกใหญ่แน่ ๆ"

ทุกคนหวนนึกถึงแม่ทัพหยุนผู้สุดจะอารมณ์ร้อน ต่างเกิดความขยาดจนไม่กล้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก "ก็จริงอยู่นะ คุณหนูตระกูลหยุนมีทั้งชาติกำเนิดที่ดี มีทั้งพรสวรรค์อันโดดเด่น ไม่แน่ว่าอาจเป็นดาวหงส์ที่ผู้คนกำลังร่ำลือกันอยู่ก็ได้! ช่างคงมีโชควาสนาไม่น้อยเลย!"

"ก็นั่นน่ะสิ!"

ฉินเจี่ยนยิ้มอย่างให้ความร่วมมือ ยกแก้วเหล้าขึ้นมา สายตาทิ้งลงไปมองหยุนหรั่นเฉินที่ชั้นล่าง ซึ่งเวลานี้ยังคงแสดงท่าทางอ่อนแอน่าสงสาร ในสมองอดคิดถึงภาพแม่ที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายไม่ได้

“ลูกเอ๋ย เมื่อวานนี้ฮูหยินของท่านแม่ทัพมาเยือนถึงจวนเราเองเลย บอกว่าคุณหนูรองยังเด็กนัก ขอให้สัญญาหมั้นหมายตบแต่งสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้.....ลูกเอ๋ย แม่มันใช้ไม่ได้ การแต่งงานนี้เป็นความตั้งใจที่ท่านพ่อของเจ้าตอนยังมีชีวิตอยู่เป็นคนกำหนดให้เจ้า แต่แม่กลับยับยั้งไว้ไม่ได้ แม่ต้องขอโทษเจ้าเหลือเกินแล้ว!"

ที่ว่ายังเด็กนั่นเท็จ แต่ใจที่หมายมั่นอยากปีนไต่ขึ้นไปให้สูงนั่นจริง!

คุณหนูรองแห่งตระกูลหยุนผู้ทรงเกียรติ แน่นอนว่าย่อมไม่เห็นผู้ที่ไม่มีคนใหญ่คนโตหนุนหลังอย่างเขาอยู่ในสายตา เป็นเพียงซื่อจื่อ ทายาทแห่งจวนโหวผู้ตกต่ำคนหนึ่ง!

แววตาของฉินเจี่ยนเย็นชา ดื่มเหล้าในแก้วแบบรวดเดียวหมด ของเหลวรสชาติเผ็ดร้อนตกลงไปในกระเพาะ เผาไหม้แสบร้อนไปจนถึงกระดูก!

หยุนหรั่นเฟิงเดินเตร่ไปตามท้องถนนเกือบครึ่งค่อนวัน แต่ก็ไม่พบเบาะแสใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับดาวหงส์เลย นี่จึงเป็นสิ่งยืนยันได้ว่า นางไม่มีคุณสมบัติในการเป็นนักสืบเลยจริง ๆ

เมื่อหาเบาะแสใด ๆ ไม่ได้ สุดท้ายจึงทำได้แค่ต้องกลับจวน ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปในจวนองค์ชายแปด ก็รู้สึกว่ารอบ ๆ นั้นเงียบสงบจนเกือบจะถึงขั้นแปลกประหลาดเลยทีเดียว บรรดาคนรับใช้เห็นนาง ก็ทำท่าราวกับเห็นงูพิษไม่ก็สัตว์ร้ายก็ไม่ปาน ต่างพากันหลบเลี่ยงนางด้วยท่าทางหวาดกลัวกันหมด!

ดวงตาของนางสาดประกายวาบ สุ่มคว้าตัวสาวใช้ที่หน้าตาดูคุ้นเคยคนหนึ่งเข้ามาถามทันที "นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"

สาวรับใช้มองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก ลดเสียงลงก่อนจะพูดอย่างร้อนใจว่า "พระชายา ท่านโปรดรีบกลับไปที่เรือนจือชุนเถิดเจ้าค่ะ พี่หลินหลังแทบจะถูกตีตายอยู่แล้ว..... "

แววตาของหยุนหรั่นเฟิงคมปลาบขึ้นมาทันที!

นางรีบเร่งฝีเท้าไปที่เรือนจือชุนทันที ยังไม่ทันจะเข้าประตูเรือนไป ก็ได้ยินเสียงร้องอันชวนเวทนาของหลินหลังดังแว่วมาแล้ว "ข้าไม่รู้.....คุณหนูไม่มีทางตีคนแน่....คุณหนูไม่มีทาง....."

หยุนหรั่นเฟิงโกรธจนระงับไม่อยู่ เงื้อเท้าขึ้นเตะประตูเรือนจนเปิดผาง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าหลินหลังถูกมัดติดไว้กับเก้าอี้ยาว หลังส่วนล่างอาบนองไปด้วยเลือดจนชุ่มโชก ลมหายใจรวยรินจนแทบไม่รู้สึกแล้ว

เซียวจิ่นหมิงยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าราบเรียบ ในขณะที่ใบหน้าของฉีซินจื่อเจือไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความลำพองใจ

ชายหญิงชาติหมาคู่นี้ ช่างเป็นการจับคู่ที่สวรรค์สั่งนรกสร้างซะจริง ๆ!

มีเสียงคนร้องอุทานเบา ๆ ที่ข้างหู แต่หยุนหรั่นเฟิงทำเป็นหูหนวก เงื้อเท้าได้ก็เตะคนรับใช้คนที่กำลังลงทัณฑ์โบยตีด้วยไม้กระดานออกไป มองไปที่เซียวจิ่นหมิงด้วยสายตาเย็นเฉียบ " หลินหลังเป็นคนของข้า เจ้าอาศัยอะไรมาทุบตีนาง?!"

สีหน้าของเซียวจิ่นหมิงเย็นชาไม่ต่างกัน หันไปมองหยุนหรั่นเฟิงอย่างเฉยเมย "ทำไมข้าถึงทุบตีนาง เจ้าไม่รู้จริง ๆ รึ?"

ฉีซินจื่อยิ้มก่อนจะพูดว่า "พี่สาวอย่าได้โกรธไป เป็นเพราะศิษย์พี่สั่งให้เฝ้าประตูอย่างเข้มงวด ไม่อนุญาตให้ใครเข้าออกตามอำเภอใจ สาวใช้คนนี้ทั้งที่ก็รู้เรื่องนี้ดี แต่กลับไม่ยอมยับยั้งองค์ชาย ย่อมควรถูกลงโทษ" หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง นางก็เหลือบมองไปทางเซียวจิ่นหมิง จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นอีกครั้งว่า "พี่สาว เจ้าทำเช่นนี้ มันทำให้ข้ากับศิษย์พี่ต้องลำบากใจเหลือเกินแล้ว"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์