นางเงยหน้าขึ้นมองเซียวจิ่นหมิงโดยตรง นัยน์ตาเย็นชาสุดขีด "เซียวจิ่นหมิง พวกเจ้าสองคน คนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ กัดหลินหลังจมเขี้ยวไม่ยอมปล่อย ไม่ใช่เพราะคิดจะตบหน้าข้าหรอกรึ! ทำไม? มาตอนนี้เจ้าถือสาแล้ว? เริ่มจะไม่มีความสุขแล้วสินะ?”
เซียวจิ่นหมิงหรี่ตาคมกริบลงน้อย ๆ "หยุนหรั่นเฟิง เรื่องมาจนถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังคิดจะเอาสีข้างเข้าถูอีกรึ? เจ้ายังคู่ควรกับการเป็นพระชายาอยู่หรือไม่?!"
"พระชายา?" หยุนหรั่นเฟิงทำหน้าเหมือนได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในใต้หล้าก็ไม่ปาน ใบหน้าอันงดงามเต็มไปด้วยแววเสียดสี “เซียวจิ่นหมิง นี่เจ้าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับดาวหงส์จุติอะไรนั่น ในที่สุดก็รู้สึกว่าที่แต่งกับข้ามันไม่คุ้มค่าแล้วสินะ? ตอนนี้เลยจะคิดหาเหตุผลที่ไม่มีมูล เพื่อจะได้หาทางหย่าให้จบ ๆ ไป?”
เซียวจิ่นหมิงโกรธจัด "หยุนหรั่นเฟิง นี่เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร!"
"ข้าพูดเรื่องเหลวไหล?" หยุนหรั่นเฟิงแค่นยิ้มเย้ยหยัน เดิมทีนางก็มีใบหน้าที่งดงามมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ดวงตาของนางกลับดูเหมือนลุกโชนด้วยเปลวไฟ สว่างไสวจนน่าหวาดหวั่น "เซียวจิ่นหมิง เจ้าบอกว่าข้าทุบตีหลี่เฟิง มีพยานมีหลักฐานหรือไม่? เจ้าลองไปตรวจสอบดูหรือยัง? ตรงจุดเฝ้าประตูนั่น ไม่ต้องพูดถึงแค่คนในจวน บนถนนหนทางก็มีคนมากมาย ลองสุ่มหาคนที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าสักคนก็ยังได้ แต่เจ้ากลับไม่สนใจไยดี แค่ฟังความข้างเดียวแล้วก็เชื่อตามนั้น ไม่ใช่เพราะอยากจะกดหัวข้าไว้ใต้ฝ่าเท้าหรอกรึ?! "
หัวใจของเซียวจิ่นหมิงถึงกับกระตุกน้อย ๆ ความโกรธที่พลุ่งพล่านในตอนแรกก็ค่อย ๆ ลดลง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "แน่นอนว่าข้าย่อมสั่งให้คนไปตรวจสอบแล้ว"
"ตรวจสอบแล้ว?" หยุนหรั่นเฟิงเอียงหน้าเล็กน้อย เห็นว่าในดวงตาของฉีซินจื่อสาดประกายแห่งความลำพองใจเต็มที่ นางยกยิ้มอย่างเย็นชา "เจ้าไปด้วยตัวเองหรือสั่งให้คนอื่นไป?"
คำถามที่ดูไม่สะทกสะท้านของนาง ทำให้สีหน้าของเซียวจิ่นหมิงหนักอึ้งจมดิ่งลงอีกครั้ง "หยุนหรั่นเฟิง เจ้ามันช่างไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ! ไปพาคนมา!"
คนที่ถูกพามาคือเด็กรับใช้คนหนึ่ง เป็นบ่าวชายที่อายุยังไม่มากนัก ประมาณสิบเจ็ดสิบแปดเห็นจะได้ สีหน้าตื่นตระหนกและประหม่าอย่างยิ่ง ทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
หยุนหรั่นเฟิงชำเลืองมองแวบหนึ่ง "เจ้าเห็นข้าทุบตีคนรึ?"
"ใช่ ใช่ขอรับ!"
"ข้าตีอย่างไรบ้าง?"
“ท่าน ท่านวางยาพิษเขาก่อน เพื่อให้พี่ใหญ่หลี่เฟิงสติไม่ครบถ้วน จากนั้นท่านก็ไปเอาท่อนไม้มาทุบตีเขา!”
“ข้าใช้มือข้างไหน?”
"มือซ้าย ไม่ ไม่ใช่! มือขวา....." เด็กรับใช้พูดอย่างร้อนรน "ข้าซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า ข้าเห็นชัดเลย เป็น เป็นมือข้างขวาที่ถือท่อนไม้! แล้วหวดลงไปแบบนั้นเลย! "
ทันใดนั้นหยุนหรั่นเฟิงก็ยกยิ้มทันที "เจ้าแน่ใจหรือว่าเห็นชัดเจนจริง ๆ ว่าตามจริงข้าไม่ใช่คนถนัดซ้ายหรอกรึ? เจ้าบอกว่าซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า แต่กระทั่งเรื่องแบบนี้ก็ยังมองผิด แค่ฟังดูก็รู้แล้วว่าโกหกทั้งเพ! "
เด็กรับใช้ตกตะลึง รีบเปลี่ยนคำให้การทันที "ถ้า... ถ้าอย่างนั้นข้าคงมองผิดไป ที่จริงแล้วคือ....."
"พี่สาว ทำไมข้าถึงไม่รู้มาก่อนเลยล่ะว่าเจ้าเป็นคนถนัดซ้าย?" จู่ ๆ ฉีซินจื่อก็พูดขึ้นอย่างกะทันหัน ตัดบทคำพูดของเด็กรับใช้!
หยุนหรั่นเฟิงยกยิ้มเย็นชา "เจ้ามาคอยปรนนิบัติข้ากินข้าว หรือมาคอยปรนนิบัติข้าเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือว่าไปซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้ากับเขาแอบดูข้าทุบตีคนล่ะ? ไม่อย่างนั้นเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ใช่คนถนัดซ้าย ?”
ฉีซินจื่อพลันตื่นตระหนก ในที่สุดก็รู้ว่าตัวเองตกหลุมพรางของหยุนหรั่นเฟิงเข้าให้แล้ว!
แท้ที่จริงแล้วหยุนหรั่นเฟิงไม่ใช่คนถนัดซ้ายอะไรหรอก นางจงใจพูดแบบนั้นก็เพื่อจะหลอกปั่นหัวพวกเขา ให้พวกเขาเผยช่องโหว่ต่อหน้าศิษย์พี่ก็เท่านั้น!
ฉีซินจื่อกับเซียวจิ่นหมิงเติบโตมาด้วยกัน ย่อมรู้มาตลอดว่าศิษย์พี่เป็นคนที่ละเอียดถี่ยิบราวกับเส้นผมบนศีรษะ ไม่อย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ จนได้กลายมาเป็นเทพแห่งสงครามเลือดเหล็กอย่างที่ผู้คนพากันยกย่องชื่นชมในวันนี้!
เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเกิดข้อสงสัยขึ้นมา......
หัวใจของนางปั่นป่วนขึ้นเรื่อย ๆ เงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว บังเอิญเผชิญเข้ากับดวงตาเย็นเยือกอึมครึมและมืดมนของเซียวจิ่นหมิง หัวใจถึงกับกระตุก จิตใต้สำนึกฝืนให้พยายามบีบเค้นรอยยิ้มออกมา แต่ก่อนที่นางจะทันได้พูดอะไร เซียวจิ่นหมิงก็ย้ายสายตาไปจากนางแล้ว ไม่หันมามองนางอีกเลย
ฉีซินจื่อตื่นตระหนกอย่างสมบูรณ์
ศิษย์พี่ นี่คือ.....ไม่เชื่อนางแล้วสินะ!
ดวงตาที่ลึกล้ำ ทว่าเย็นชาของเซียวจิ่นหมิงสบเข้ากับเด็กรับใช้หนุ่ม ในน้ำเสียงราบเรียบนั้นคล้ายจะแฝงความกระหายเลือด เป็นเสียงที่ราวกับเทพมรณะผู้มาเยือนจากสนามรบอันห่างไกล!
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ถ้ามีคำพูดโป้ปดมดเท็จแม้เพียงคำเดียว ตาย!”
ร่างกายของเด็กรับใช้พลันอ่อนยวบ สองขาสั่นระริก หวาดกลัวจนฉี่แทบราดแล้ว "ข้าน้อย ข้าน้อยผิดไปแล้ว! ข้าน้อยรู้ความผิดแล้วจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ! ล้วนเป็นเพราะหลี่เฟิง เขาบอกให้ข้าพูดแบบนี้!"
หลี่เฟิงเงยหน้าขึ้นทันที ตะเบ็งเสียงดังลั่น "ข้าบอกให้เจ้าพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?! เจ้าพูดโกหกเอง ยังคิดจะมาใส่ร้ายข้าอีก!"
“เจ้าสัญญากับข้าว่าจะให้เงินข้ายี่สิบตำลึง ข้าถึงได้ยอมพูด เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นเพราะเจ้าไม่ให้เกียรติพระชายา พระชายาถึงได้อบรมสั่งสอนเจ้า! นางไม่ได้แตะต้องตัวเจ้าเลยแม้แต่นิ้วเดียว บาดแผลบนร่างกายของเจ้าเห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นเจ้าเองที่ทำมันขึ้นมา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ...
รอตอนต่ออยู่นะค่ะ...
รบกวนอัพเดทตอนใหม่ให้ด้วยนะคะ รอรอรอ...
สนุกมาก รอตอนใหม่อยู่ค่ะ...
รอการอัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ😭...
รอการอัพเดทอยู่นะคะ...
❤❤❤...
รออ่านเรื่องนี้ตั้งหลายวันนนน...