สรุปเนื้อหา บทที่ 27 เป็นข้าที่ทำเอง เจ้าตีข้าเลยสิ ~ – ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ โดย เธอเป็นดาวของฉัน
บท บทที่ 27 เป็นข้าที่ทำเอง เจ้าตีข้าเลยสิ ~ ของ ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ ในหมวดนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เธอเป็นดาวของฉัน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
หยุนหรั่นเฟิงพยุงหลินหลังกลับไปที่เรือนเหอซิน หลินหลังทนความเจ็บปวดไม่ไหวจนสลบไปนานแล้ว โชคดีที่หยุนหรั่นเฟิงมียาอยู่ หลังจากใส่ยาให้หลินหลังอย่างระมัดระวังแล้ว เห็นว่าหว่างคิ้วของเด็กสาวที่เดิมทีขมวดมุ่นเพราะความเจ็บปวด ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงได้ในที่สุด ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง
จากนั้นนางก็หันหลังแล้วเข้าไปในช่องว่าง เมื่อออกจากช่องว่างมาแล้ว ในมือก็มีของบางอย่างเพิ่มขึ้นมา
นางจ้องมองยาในมือตาเขม็ง แววตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอบอุ่นใด ๆ ปรากฎให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
เหตุการณ์ที่เกิดวันนี้ ไม่ใช่แค่เพราะเซียวจิ่นหมิงฟังความข้างเดียว แล้วเชื่อเป็นตุเป็นตะเท่านั้น แต่ยังมีฉีซินจื่อที่คอยเสี้ยมคอยขัดขาด้วยอีกคน!
ใครไม่ล่วงเกินข้า ข้าย่อมไม่ล่วงเกินใคร พวกเขาสองคนคอยหาเรื่องเหยียบย่ำนางครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะฉะนั้น ก็อย่ามาโทษว่านางไร้ความปรานีก็แล้วกัน!
.......................
อีกด้านหนึ่ง เรื่องที่เซียวจิ่นหมิงสั่งให้จุยเฟิงไปตรวจสอบมาก็ได้ความกระจ่างแล้ว
จุยเฟิงพูดเสียงเบาว่า "เดิมทีหลี่เฟิงเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ ทั้งไม่มีญาติพี่น้อง ดังนั้นหลังเกษียณจากกองทัพแล้วจึงมาทำงานในจวน เขาเป็นคนที่ทำงานรอบคอบ ปฏิบัติต่อคนอื่นก็ไม่เลว เป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้าง"
“ข้าจำได้ว่าเขากำลังจะแต่งงานแล้วไม่ใช่รึ?”
จุยเฟิงแสดงสีหน้า 'กำลังรอให้ท่านถามอยู่พอดี' ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า "องค์ชายช่างความจำดียิ่ง ข้าไปตรวจสอบมาแล้ว อีกฝ่ายเป็นสาวใช้คนหนึ่งในจวน สาวใช้คนนั้นก็เกิดจากทาสในจวนนี้เช่นกัน พื้นเพครอบครัวไม่เคยกระทำผิด ทำงานอยู่ใน......ในเรือนจือชุนของพระชายารอง ข้าน้อยก็ไม่รู้ว่าจะถือเป็นเรื่องบังเอิญได้หรือไม่”
บังเอิญรึ?
เซียวจิ่นหมิงคลุกคลีอยู่ในสนามรบมาหลายปี ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเชื่อคำว่าเรื่องบังเอิญ
การกระทำของซินจื่อ ยิ่งนับวันก็ยิ่งบ้าคลั่งไม่มีเหตุผลมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว!
“องค์ชาย ? ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้.....”
ภาพจำใบหน้าที่ดูอ่อนแอแก่ชราของอาจารย์ ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซียวจิ่นหมิง อารมณ์อันซับซ้อนฉายวาบขึ้นในดวงตาดำขลับคู่นั้น เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "เก็บกวาดให้เรียบร้อย อย่าปล่อยให้หยุนหรั่นเฟิงคว้าจับร่องรอยอะไรได้"
นิสัยของหยุนหรั่นเฟิงทั้งเย่อหยิ่งจองหองชอบวางอำนาจ ทั้งยังมุทะลุอุกอาจอยู่หลายส่วน อีกทั้งยังมีแม่ทัพใหญ่หยุนกับไทเฮาคอยให้ท้าย เกิดถ้าไล่ตามสืบสาวจนได้เรื่องราวขึ้นมาจริง ๆ แม้จะมีเขาคอยปกป้อง แต่ซินจื่อก็คงตกอยู่ในสภาพไม่เหลือชิ้นดีเท่าไหร่แน่ ๆ
จุยเฟิงรู้ว่าเซียวจิ่นหมิงทำแบบนี้ก็เพื่อจะปกป้องฉีซินจื่อ ในใจพาลรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าหนักอึ้งดำทะมึนของเซียวจิ่นหมิง ก็รีบกลืนคำพูดที่ขึ้นมาถึงลำคอแล้วกลับลงไปทันที
คนอื่นมักจะพูดกันว่าองค์ชายเป็นพวกหลงใหลอนุ ละเลยภรรยา เป็นพวกมักมากในตัณหา แต่กลับไม่เคยรู้เลยว่าผู้อาวุโสซวนซานพ่อแท้ ๆ ของพระชายารองฉี เคยให้ความช่วยเหลือองค์ชายเอาไว้มากมายขนาดไหน!
แม้ว่าเซียวจิ่นหมิงจะเป็นองค์ชาย แต่มารดาผู้ให้กำเนิดเขาก็มีฐานะเป็นแค่เหม่ยเหรินเท่านั้น ตระกูลของมารดาก็ไม่มีอำนาจบารมีใด ๆ แม้ว่าจางเหม่ยเหรินจะได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ แต่ความโปรดปรานนั้นก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ดั่งดอกถานที่เบ่งบานในยามเช้า แล้วเหี่ยวเฉาในยามเย็นเท่านั้น เพียงไม่นานก็ถูกองค์ชายลืมเลือนไปโดยปริยาย
เดิมทีจางเหม่ยเหรินก็เป็นคนที่มีนิสัยอ่อนแอไม่สู้คนอยู่แล้ว ด้วยเพราะนางได้รับความโปรดปรานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในตอนแรก จึงเป็นการสร้างศัตรูไว้มากมาย ถ้านางให้กำเนิดองค์หญิงก็ยังพอจะนับว่าแล้ว ๆ กันไปได้ แต่นางดันให้กำเนิดองค์ชายที่สามารถแย่งชิงบัลลังก์ได้ออกมาคนหนึ่ง จนกลายเป็นหนามยอกอกของคนอื่นมานาน สองคนแม่ลูกดิ้นรนหลบหนีจากความตายมาได้หลายครั้ง เดิมคิดว่าคงจะเหลือแค่ทางตายสายเดียวเท่านั้นแล้ว แต่ครั้งหนึ่งขณะที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันสิ้นหวัง กลับบังเอิญได้พบกับท่านผู้อาวุโสซวนซานเข้า
ผู้อาวุโสซวนซานมีสายตาที่เฉียบแหลม มองเห็นอัญมณีเม็ดงามที่ยังไม่ได้เจียระไน เขาไปเกลี้ยกล่อมฮ่องเต้เพื่อขอพาองค์ชายกลับไปร่ำเรียนศาสตร์วิขาบนภูเขา ไม่เพียงปกป้ององค์ชายอย่างรอบด้าน ยังปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นลูกแท้ ๆ คนหนึ่ง ถึงขั้นสอนทักษะความรู้ทั้งหมดของเขาให้จนหมดไส้หมดพุงอีกด้วย!
องค์ชายรอดตายอย่างหวุดหวิดออกมาจากสนามรบ ได้กุมอำนาจทางการทหารไว้ในมือ จนวันนี้ในที่สุดเขาก็มีเบี้ยที่จะใช้ต่อรอง เพื่อปกป้องความปลอดภัยของพวกเขาแม่ลูกได้!
และความสามารถในการกุมเบี้ยเหล่านี้ ก็ล้วนได้รับมาจากผู้อาวุโสซวนซานทั้งสิ้น!
ถ้าไม่มีผู้อาวุโสซวนซาน องค์ชายก็คงจะตายอยู่ในวังที่กลืนกินคนทั้งคน ไม่คายแม้แต่เศษกระดูกนั่นไปตั้งนานแล้ว!
องค์ชายดูเหมือนคนเย็นชาไร้หัวใจ แต่แท้ที่จริงแล้ว เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคุณธรรมน้ำมิตรเป็นที่สุด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าผู้อาวุโสซวนซานต้องมาตายทางอ้อมเพราะองค์ชาย เดิมทีองค์ชายก็รู้สึกผิดจนเป็นแผลในใจอยู่แล้ว พระชายารองฉีเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวของผู้อาวุโสซวนซาน แล้วองค์ชายจะปล่อยให้พระชายารองฉีเกิดเรื่องได้อย่างไรล่ะ?
พระชายารองฉีทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความคิดโง่เขลาตื้นเขิน กระทั่งเขาก็ยังมองออกแล้ว องค์ชายที่หูตาละเอียดยิบราวกับเส้นผมบนศีรษะ ทำไมจะมองไม่ออกล่ะ?
แค่เพราะเขาเห็นแก่บุญคุณของอาจารย์ จึงไม่สนใจเอาเรื่องเอาราวอะไรต่างหาก
จุยเฟิงนึกปลงอนิจจังในใจเงียบ ๆ ว่าพระชายารองฉีช่างเลือกครรภ์มาเกิดได้ดีจริง ๆ ก่อนจะออกไปทำตามคำสั่ง เพิ่งจะเดินไปถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงเซียวจิ่นหมิ่งพูดว่า "รอเดี๋ยว"
"ศิษย์พี่ ศิษย์พี่โปรดช่วยข้าด้วย! ท่านจะเห็นแก่บุญคุณของพ่อข้า ยื่นมือมาช่วยข้าสักครั้งก็ได้! ข้าจะตายอยู่แล้ว! ข้าทนไม่ไหวแล้ว!" ฉีซินจื่อคร่ำครวญไม่หยุด หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ ๆ ไหลอาบลงมาตามริมสองแก้มของนาง เห็นได้ชัดว่านางเจ็บปวดมากจริงๆ
แววตาของเซียวจิ่นหมิงหนักอึ้งลงมาเล็กน้อย รีบสั่งให้หมอหลวงดูแลอย่างใกล้ชิดทันที จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินตรงไปที่เรือนเหอซิน
หยุนหรั่นเฟิงกำลังรอเขาอยู่นานแล้ว นางสวมชุดสีแดงฉานไปทั้งร่าง คิ้วโก่งงอนดวงตางดงามหยาดเยิ้ม ทั้งเนื้อทั้งตัวดูมีเสน่ห์ขึ้นมาอีกระดับ ทั้งเรือนร่างอันงามระหงดูร้อนแรงเหมือนเปลวไฟที่แค่มองดวงตาก็พาลเจ็บปวดเกินต้าน ในดวงตาคู่นั้นมีแววเย้ยหยันอยู่ในที ใช้สายตาที่เหมือนมองคนแปลกหน้าจ้องมองไปที่เซียวจิ่นหมิง
เซียวจิ่นหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
แม้ว่าก่อนหน้านี้หยุนหรั่นเฟิงจะก่อเรื่องวุ่นวายไม่เคยขาด แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังค่อนข้างคุ้นเคยกับกริยาท่าทางของนางอยู่หลายส่วน แต่กับหยุนหรั่นเฟิงในตอนนี้ กลับดูเหมือนเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่งจริง ๆ
ในใจของเซียวจิ่นหมิง เกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
จุยเฟิงก็ตกใจไปเล็กน้อยด้วยเช่นกัน "องค์ชาย....."
หยุนหรั่นเฟิงแค่นยิ้มเย้ยหยัน "ที่แท้องค์ชายแปดก็รู้จักกลัวแล้วรึ? แค่มาเยือนยังเรือนหลังน้อย ๆ ของข้า ยังถึงขั้นต้องมีคนคอยคุ้มกันด้วย?"
เซียวจิ่นหมิงส่งสัญญาณให้จุยเฟิงรั้งอยู่ข้างนอก ส่วนตนเองเดินเข้าไปในเรือนเพียงลำพัง มองไปที่หยุนหรั่นเฟิงที่กำลังเอนหลังพักผ่อน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อยว่า "เจ้ารู้อยู่นานแล้วสินะว่าข้าจะต้องมา?"
หยุนหรั่นเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ "ก็แค่เตรียมป้องกันไว้ล่วงหน้า ทุกครั้งที่ฉีซินจื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา เจ้าก็จะต้องแจ้นมาสร้างปัญหาให้ข้า เป็นธรรมดาที่ข้าก็ต้องเตรียมตัวป้องกันเอาไว้ล่วงหน้าสิ"
เซียวจิ่นหมิงแค่นยิ้มเย็นชา "ทำไม? หรือเจ้าจะบอกว่าอาการปวดท้องของซินจื่อ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าเลย?"
“เป็นฝีมือข้าเองแหล่ะ” หยุนหรั่นเฟิงยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน “นางมันพวกอวดโอ้ว่าตัวเองสูงส่งเป็นผู้ดี ทุกวันเป็นต้องไปเก็บดอกไม้มาแช่น้ำอาบไม่เคยขาด ที่ข้าต้องทำก็แค่ต้องโรยยาพิษเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงบนกลีบดอกไม้ แล้วพิษนั้นก็จะซึมซาบเข้าสู่ร่างกายของนางได้อย่างลื่นไหลไม่รู้สึกตัว ข้ายังกะปริมาณยาให้เป็นพิเศษด้วยนะ เมื่อไหร่ที่พิษกำเริบ ก็ต้องทำการรักษา จากนั้นก็ต้องมาหาข้าถึงหน้าประตูเรือน ข้าถึงขั้นคำนวณให้ด้วยซ้ำว่าเจ้าจะมายามอะไร ก็ไม่ใช่ว่ามาแล้วจริง ๆ หรอกรึ”
แม้ว่าก่อนจะมาที่นี่ เซียวจิ่นหมิงก็พอจะเดาได้หลายส่วนแล้วจริง ๆ แต่พอหยุนหรั่นเฟิงเอ่ยปากเล่าการกระทำผิดได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนไม่มีตกหล่นขนาดนี้ คิ้วของเขาก็ถึงกับกระตุก ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นในใจจนเกินระงับ "หยุนหรั่นเฟิง เจ้าอย่ามาทำเป็นได้คืบจะเอาศอกที่นี่นะ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ...
รอตอนต่ออยู่นะค่ะ...
รบกวนอัพเดทตอนใหม่ให้ด้วยนะคะ รอรอรอ...
สนุกมาก รอตอนใหม่อยู่ค่ะ...
รอการอัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ😭...
รอการอัพเดทอยู่นะคะ...
❤❤❤...
รออ่านเรื่องนี้ตั้งหลายวันนนน...