สรุปตอน บทที่ 28 ไม่อันตรายอะไร แต่อับอายขายหน้าเป็นที่สุด – จากเรื่อง ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ โดย เธอเป็นดาวของฉัน
ตอน บทที่ 28 ไม่อันตรายอะไร แต่อับอายขายหน้าเป็นที่สุด ของนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติเรื่องดัง ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ โดยนักเขียน เธอเป็นดาวของฉัน เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
“ข้าได้คืบจะเอาศอก?” หยุนหรั่นเฟิงแค่นเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “เซียวจิ่นหมิง ข้าเคยบอกเจ้าแล้วนะ เจ้ากับข้าต่างคนต่างอยู่ แบบนั้นไม่ว่าใครก็จะได้อยู่อย่างสงบสุข แต่พระชายาสุดรักสุดดวงใจของเจ้าคนนั้น กลับเอาแต่หาเรื่องสร้างปัญหาให้ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ท้าทายขีดความอดทนของข้าไม่หยุด คิดว่าข้าเป็นพระอิฐพระปูนที่ไม่รู้จักโกรธจริง ๆ น่ะรึ? เรื่องของหลินหลังครั้งนี้ นางสมควรต้องชดใช้อย่างสาสม!"
เซียวจิ่นหมิงเองก็รู้ดีว่าเรื่องเมื่อวานนี้ ฉีซินจื่อทำเกินไปจริง ๆ ในใจรู้สึกละอาย จึงพยายามระงับความโกรธของนางเต็มที่ "แต่หลี่เฟิงก็ถูกโทษโบยด้วยกระบองทหารจนตายไปแล้วนี่!"
“หลี่เฟิงโกหกหลอกลวงหักหลังองค์ชาย ตายก็สมควรแล้วนี่ มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะ? นอกจากนี้เขาก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่ง คนวางหมากยังไม่ออกมายอมรับผิด เรื่องนี้ก็ไม่มีทางจบลงได้หรอก"
"เรื่องนี้แน่นอนว่าข้าย่อมมีคำอธิบายที่น่าพอใจให้เจ้า"
"ไม่จำเป็น!" หยุนหรั่นเฟิงเหยียดหางตาไปมอง "เซียวจิ่นหมิง ข้าดูแล้วเจ้ามันก็ไม่ต่างอะไรกับหมาหน้าโง่ตัวหนึ่งเลยนะ นี่เจ้าตาบอดไปแล้วรึ ? ถึงได้โอบอุ้มตัวโง่เง่าไร้สมองแบบนั้นไว้ในมือ คอยโอ๋คอยปกป้องเสียอย่างกับสมบัติล้ำค่า ดูไม่ออกเลยจริง ๆ นะว่าเจ้าจะเป็นพวกหลงผู้หญิงจนโงหัวไม่ขึ้นน่ะ!”
เส้นเลือดเขียวปัดผุดขึ้นที่หว่างคิ้วของเซียวจิ่นหมิง "หยุนหรั่นเฟิง ส่งยาถอนพิษออกมา ข้าบอกแล้วอย่างไรล่ะว่าเรื่องนี้ ข้าต้องมีคำอธิบายที่น่าพอใจให้เจ้าแน่"
“อาศัยเจ้าน่ะรึ? ไม่สู้ให้ข้าไปอาศัยความสามารถของหมาตัวหนึ่งยังจะดีซะกว่า! อย่างน้อยหมามันก็ยังรู้ว่าอะไรหอมอะไรเหม็น ยังไงก็ดีกว่าคนตาบอดอย่างเจ้า ทำไมเจ้าไม่พลัดตกส้วมตายไปเสียตั้งแต่ตอนที่เจ้ายังเด็กซะเลยล่ะ?"
เดิมทีในใจของเซียวจิ่นหมิงก็เต็มไปด้วยความโมโหร้อนรุ่มแทบแย่แล้ว มาตอนนี้เขาถูกหยุนหรั่นเฟิงยั่วยุจนโทสะพลุ่งพล่านโดยสิ้นเชิง หันกลับไปพุ่งตัวเข้าประชิดหยุนหรั่นเฟิง ยื่นมือออกไปคว้าคอของนางทันที "หยุนหรั่นเฟิง ส่งยาถอนพิษออกมาเดี๋ยวนี้!"
หยุนหรั่นเฟิงถูกคนบีบคอแน่น แต่กลับไม่ร้อนรนไม่แตกตื่น ยังถึงขั้นยิ้มแย้มได้ด้วยซ้ำ ริมฝีปากสีแดงสดส่องประกายดั่งเปลวไฟ รอยยิ้มที่เค้นออกมาดูมีเสน่ห์แต่กลับเฉื่อยชาไม่แยแส ราวกับดอกไม้งามสักช่อที่เบ่งบานอยู่ในกระถาง งดงามแต่กลับอาบเคลือบไปด้วยพิษร้าย
"เซียวจิ่นหมิง ในเมื่อข้าเดาได้ว่าเจ้าจะต้องมา แล้วเจ้าคิดจริง ๆ น่ะรึว่าข้าจะไม่มีการเตรียมป้องกันอะไรเอาไว้เลย?"
ในใจของเซียวจิ่นหมิงพลันเกิดสัญญาณเตือนภัยขึ้นมาวูบหนึ่ง เขาชักเท้าถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่มันก็สายเกินไปแล้ว กลิ่นหอมประหลาดโชยมาเข้าจมูก ร่างกายของเขาพลันหมดเรี่ยวแรงลงไปทันที มือที่คว้าจับหยุนหรั่นเฟิงอย่างแน่นหนาในตอนแรก ค่อย ๆ คลายออกอย่างควบคุมไม่ได้ จากนั้นร่างเขาก็ทรุดฮวบล้มลงไปกับพื้นอย่างแรง!
เซียวจิ่นหมิงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อต้านฤทธิ์ของยา ดวงตาลุกโชนดั่งเปลวไฟ ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนได้ หยุนหรั่นเฟิงก็คงถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว!
แต่น่าเสียดายที่สายตาไม่สามารถฆ่าคนได้ แล้วหยุนหรั่นเฟิงก็ไม่กลัวเลยสักนิดด้วย นางยื่นมือออกไปตบ ๆ ที่ใบหน้าของเซียวจิ่นหมิงเบา ๆ ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะยื่นมือออกไปถอดเข็มขัดของเขาออก
"ร้องเลย ต่อให้เจ้าร้องตะโกนจนดังถึงปลายฟ้า ก็ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก"
.....ไม่อันตรายอะไร แต่น่าอับอายขายหน้าเป็นที่สุด!
เซียวจิ่นหมิงโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมาให้ได้แล้ว แต่ร่างกายของเขาไม่สามารถต้านทานฤทธิ์ยาที่รุนแรงนี้ได้อีกต่อไป สติสัมปชัญญะตกลงไปในความมืดอย่างควบคุมไม่อยู่ ชั่วอึดใจก่อนที่สติจะตกสู่ความมืด คล้ายว่าเขาจะได้ยินเสียงหยุนหรั่นเฟิงกำลังหัวเราะ
เสียงหัวเราะนั้นฟังแล้วช่างเด็ดขาดรุนแรง ไร้ร่องรอยของความเห็นอกเห็นใจใด ๆ
“เซียวจิ่นหมิง เกมนี้พี่สาวไม่ขอเล่นกับเจ้าแล้ว!”
ในตอนที่เซียนจิ่นหมิงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดแล้ว ในเรือนมีโคมไฟเพียงดวงเดียวที่ส่องสว่างอยู่ เงาสะท้อนนั้นคลุมเครือมาก จนไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างรอบตัวได้ชั่วขณะ
เขายังคงเวียนหัวเล็กน้อย แต่อาศัยที่กระดูกของตัวเองแข็งถึกทนทาน พยายามฝืนลุกขึ้นนั่ง ลองขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าข้าง ๆ เขามีคนคนหนึ่งนอนอยู่
เสื้อผ้าสีแดงฉานเปล่งประกายราวกับเปลวไฟ เบ่งบานดุจดั่งดอกอิงซู่ (ดอกป๊อปปี้) ในความมืด เสื้อตรงส่วนหน้าอกหลุดรุ่ยเล็กน้อย แต่เสื้อผ้าทั้งชุดกระเจิดกระเจิงไม่เป็นระเบียบ แต่ผิวกายของร่างนั้นช่างเปล่งปลั่งผุดผาด ใสกระจ่างดั่งไข่มุกทอแสงนวลตา ไม่มีรอยตำหนิใด ๆ เลย
“ดูพอแล้วหรือยัง?” จู่ ๆ ร่างนั้นก็พูดขึ้นอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงเจือความรู้สึกเย็นชาอย่างยิ่ง “งามหรือไม่?”
จิตสำนึกที่ยังวุ่นวายเล็กน้อยของเซียวจิ่นหมิงค่อย ๆ กระจ่างขึ้นมา ในที่สุดก็จำสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนจะหมดสติไปได้ ทั้งได้เห็นว่าพวกเขาสองคนต่างก็มีสภาพที่ยุ่งเหยิงอย่างยิ่ง ความรู้สึกเย็นเยือกในร่างพลันแล่นปราดขึ้นมา จนแทบจะไม่อาจระงับยับยั้งใจไว้ได้!
หยุนหรั่นเฟิงเค้นสมองคิดวางแผนดักเขาจนแทบล้มประดาตาย ทั้งยังวางยาพิษทำให้เขามึนงงไม่มีสติ ก็เพื่อจะทำเรื่องพรรค์นี้น่ะรึ?
เสียงเส้นความยับยั้งชั่งใจในสมองของหยุนโม่ขาดสะบั้น!
เขากับฮูหยินฉินเซ่อรักใคร่ปรองดองกันฉันท์สามีภรรยามาเนิ่นนาน ใครจะรู้ว่าฮูหยินของเขากลับต้องมาตายจากไปเพราะคลอดยาก ทิ้งไว้เพียงลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจคนนี้ บวกกับเขาต้องไปรบทัพจับศึกตลอดทั้งปี ในใจรู้สึกอยู่เสมอว่าตัวเองติดค้างลูกสาวคนนี้เหลือเกิน ดังนั้นแม้ว่าตอนแรกเขาจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ แต่หยุนหรั่นเฟิงยืนยันเสียงแข็งว่าจะแต่งให้ได้ อีกทั้งคิดว่าเซียวจิ่นหมิงก็นับได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง จึงตอบตกลงในที่สุด!
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ลูกสาวสุดที่รักที่เขาทั้งโอ๋ทั้งประคองไว้ในฝ่ามือดั่งแก้วตาดวงใจคนนี้ กลับต้องมาใช้ชีวิตต้อยต่ำแบบนี้ในตระกูลเซียว! ไม่น่าแปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้ เฟิงเอ๋อเคยบอกว่าอยากออกไปจากตระกูลเซียว แต่ไม่อาจพูดถึงเหตุผลได้ ที่แท้เป็นเพราะเหตุผลนี้นี่เอง!
หยุนโม่ระเบิดโทสะ เงื้อมือขึ้นซัดเข้าใส่เซียวจิ่นหมิงเต็มแรง "ไอ้หน้าตัวเมีย!"
เซียวจิ่นหมิงรู้นานแล้ว ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกลอุบายของหยุนหรั่นเฟิง แต่ชั่วขณะนี้เขามีเวลาไม่พอจะหักล้างแผนการนี้ลงได้ บวกกับหยุนโม่ก็บุกเข้ามาแล้ว ตามองเห็นหยุนหรั่นเฟิงที่เสแสร้งแกล้งทำเป็นอ่อนแอ ในใจนึกโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้ว จึงพุ่งเข้าไปอย่างไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น!
ทั้งคู่ต่างก็โกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้ว โจมตีกันเต็มแรงผลัดกันรุกผลัดกันรับแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ พวกจุยเฟิงรีบวิ่งเข้ามาตั้งแต่ช่วงที่พวกเขาเริ่มตีกันแรก ๆ แล้ว แต่เพราะเซียวจิ่นหมิงไม่มีคำสั่ง พวกเขาจึงทำได้แค่เข้าไปล้อมอยู่ห่าง ๆ ไม่กล้าบุกเข้าไปซึ่ง ๆ หน้า
หลินหลังร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางช่วยจัดเสื้อผ้าให้หยุนหรั่นเฟิงจนเรียบร้อย ก่อนจะนำเสื้อคลุมขนาดใหญ่มาคลุมให้อีกชั้น ในที่สุดหยุนหรั่นเฟิงก็ "ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นช้า ๆ " เงยหน้าขึ้นมองสองคนที่เวลานี้แทบจะทุบทำลายเรือนนี้ไปเกือบครึ่งหลังแล้ว นางกระอักไอขึ้นมาเสียงหนึ่ง กดเสียงลงต่ำร้องเรียกเบา ๆ ว่า “ท่านพ่อ!”
หลินหลังร้องไห้ด้วยความดีใจสุดแสน “คุณหนูฟื้นแล้ว! คุณหนูฟื้นแล้ว!”
ทันทีที่หยุนโม่เห็นว่าหยุนหรั่นเฟิงฟื้นแล้ว เขาก็ทิ้งเซียวจิ่นหมิงไว้แล้วพุ่งเข้าไปหาลูกสาวทันที "เฟิงเอ๋อ!"
หยุนหรั่นเฟิงแสร้งฝืนทำเป็นยืนขึ้น แต่สองขาพลันอ่อนยวบ ล้มลงในอ้อมแขนของหลินหลังอีกครั้ง ร้องไห้พร้อมกับพูดว่า "พ่อ ลูกคงไม่อาจตอบแทนบุญคุณของท่านได้แล้ว หากมีชาติหน้า ข้าขอให้ได้เกิดมาเป็นลูกสาวของพ่ออีกครั้ง!"
ขอบตาของหยุนโม่พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ "เหลวไหล มีพ่ออยู่ทั้งคน พ่อจะดูซิว่าใครหน้าไหนมันจะกล้ารังแกเจ้า!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ...
รอตอนต่ออยู่นะค่ะ...
รบกวนอัพเดทตอนใหม่ให้ด้วยนะคะ รอรอรอ...
สนุกมาก รอตอนใหม่อยู่ค่ะ...
รอการอัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ😭...
รอการอัพเดทอยู่นะคะ...
❤❤❤...
รออ่านเรื่องนี้ตั้งหลายวันนนน...