ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ นิยาย บท 30

หยุนโม่ปกป้องชายแดนมานานหลายปี แม้ว่าเขาจะซื่อสัตย์ภักดี แต่ก็ได้ปลูกฝังคนสนิทเอาไว้มากมายทั้งในทางตรงและทางอ้อม ถ้าหยุนโม่ยังคงจงรักภักดีเช่นนี้เรื่อยไป ทุกคนก็จะมีความสุข แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเกิดหยุนโม่ต่อต้านเขาขึ้นมา.....

การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ลูกชายลูกสาวของสองฝ่าย ย่อมสามารถใช้เป็นสิ่งควบคุมและยับยั้งหยุนโม่เอาไว้ได้ อีกทั้งจิ่นหมิงก็เป็นองค์ชายที่มีพรสวรรค์อันโดดเด่น ซึ่งหาได้ยากยิ่งในหมู่มวลองค์ชายทั้งหมด ถ้าให้เวลาสักหน่อย ไม่แน่ว่าบางทีเขาอาจจะยึดครองดินแดนของหยุนโม่มาไว้ในมือได้อย่างเงียบ ๆ.....

ไม่ว่าเซียวจิ่นหมิงจะเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายเขาก็ยังแซ่เซียว!

ด้วยเหตุนั้น ในตอนแรกที่หยุนหรั่นเฟิงยืนกรานจะแต่งงานกับเซียวจิ่นหมิงให้ได้ แม้ว่าฮ่องเต้เฉียนคังจะรู้ดีว่าเซียวจิ่นหมิงไม่เต็มใจ แต่ก็ยังเข็นเรือไปตามน้ำ ตอบรับเรื่องการแต่งงานครั้งนี้แต่โดยดี เดิมคิดว่าทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว แต่นี่เพิ่งจะผ่านไปได้เท่าไหร่เอง ก็เกิดเรื่องวิบัติขนาดนี้ขึ้นเสียแล้ว!

ที่ผ่านมาเซียวจิ่นหมิงมั่นคงหนักแน่น จู่ ๆ จะทำเรื่องน่าอัปยศแบบนี้ได้อย่างไรกัน?!

ฮ่องเต้เฉียนคังหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะปรายมองไปที่เซียวจิ่นหมิงด้วยสายตาล้ำลึก "จิ่นหมิง เจ้ายังมีอะไรที่อยากจะพูดอีก?!"

ความสามารถในการควบคุมตัวเองของเซียวจิ่นหมิง ร้ายกาจจนน่าประหลาดใจเสมอ ในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ เขาก็ฟื้นคืนความสงบนิ่งได้ หันไปมองผู้หญิงที่นั่งคุกเข่าหันหลังให้เขาด้วยสายตาราบเรียบ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ทุกสิ่งที่หยุนหรั่นเฟิงพูดมา ล้วนเป็นเรื่องที่นางแต่งขึ้นทั้งสิ้น หากเสด็จพ่อไม่เชื่อ ก็ทรงตรวจสอบบาดแผลบนร่างของนางดูได้พ่ะย่ะค่ะ”

แม้ว่าเขาจะไม่พอใจกับการแต่งงานครั้งนี้ แต่ในเมื่อเขาแต่งนางมาแล้ว ทั้งสองคนย่อมสมควรอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขเป็นธรรมดา แต่เป็นเพราะหยุนหรั่นเฟิงเอาแต่วางแผนเล่นไม่ซื่อครั้งแล้วครั้งเล่า จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะไม่สนเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับนาง!

หยุนหรั่นเฟิงตัวแข็งเล็กน้อยจนแทบจะมองไม่เห็น หันหน้าไปช้า ๆ นัยน์ตาผุดประกายวาบ คล้ายมีร่องรอยตื่นตระหนกแวบเข้ามาสายหนึ่ง "เซียวจิ่นหมิง นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร?"

เซียวจิ่นหมิงจ้องมองนาง ก่อนจะเค้นคำพูดออกมาทีละคำ ๆ "หยุนหรั่นเฟิง บาดแผลบนร่างเจ้าเป็นของจริงหรือไม่?"

ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์จอมแผนการเป็นที่สุด มีหรือที่นางจะยอมตัดใจลงมือทำร้ายตัวเองจนได้รับบาดเจ็บขนาดนี้?

หยุนหรั่นเฟิงยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา หยุนโม่ก็โกรธจัดจนแผดเสียงตวาดดังลั่น "เซียวจิ่นหมิง นี่เจ้ายังคิดว่าเฟิงเอ๋อหาเรื่องใส่ร้ายเจ้าอีกอย่างนั้นรึ!"

“พูดปากเปล่าย่อมเชื่อถือไม่ได้” สายตาของเซียวจิ่นหมิงดูราบเรียบเฉยเมย ดวงตาสีดำขลับเต็มไปด้วยความเย็นชาสาดประกายคมกริบ ยืดหลังเหยียดตรง เหมือนราชาหมาป่าที่อยู่บนยอดผาสูงมองลงมายังเบื้องล่าง

หยุนหรั่นเฟิงเหมือนได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างถึงที่สุด ใบหน้าซีดเผือดจนไม่มีสีเลือดให้เห็น เอนตัวไปข้างหลังราวกับทนรับคำพูดนี้ไม่ได้ เผยให้เห็นรอยแผลเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนองที่ลำคอรอยหนึ่ง!

หยุนโม่ระงับโทสะในใจไว้ไม่ได้อีกต่อไป ทำท่าจะโจมตีใส่โดยไม่คำนึงถึงมารยาทเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์ แต่หยุนหรั่นเฟิงกลับคว้ามือเขาเอาไว้ "ท่านพ่อ!"

“เฟิงเอ๋อ เจ้ายังคิดจะปกป้องเขาอีกรึ?!”

หยุนหรั่นเฟิงหลับตาลงช้า ๆ บนใบหน้าเผยรอยยิ้มโศกเศร้ารันทดขึ้นมาสายหนึ่ง "เขาพูดถูกแล้ว พูดปากเปล่าไม่มีหลักฐานย่อมเชื่อถือไม่ได้ ไม่ว่าข้าจะพูดมากแค่ไหน เขาก็ไม่มีวันยอมรับหรอก"

ไทเฮายิ่งรู้สึกห่วงใยและเป็นทุกข์ขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ยื่นมือออกมาดึงนางไปกอด "เด็กดี ไม่ต้องกลัวนะ ข้าเชื่อเจ้า!" จากนั้นก็หันไปจ้องมองเซียวจิ่นหมิง "จิ่นหมิง เจ้ารู้ว่าผิดก็ยังไม่สำนึก ยังมีหน้ามาพูดวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นอีกรึ? ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษเฟิงเอ๋ออีก!”

แววตาของเซียวจิ่นหมิงหนักอึ้งจมดิ่ง ไม่ยอมถอยให้แม้เพียงครึ่งก้าว "หากข้าผิดจริง ข้าก็พร้อมจะยอมรับความผิด แต่หากข้าไม่ผิด เหตุใดข้าถึงต้องยอมรับความผิดนั้นด้วยล่ะ!"

“เจ้า!” ไทเฮาถูกเขาทำให้โกรธจนพูดไม่ออก แม้ว่าฮ่องเต้เฉียนคังจะไม่เชื่อเท่าไหร่ ว่าลูกชายของตนจะทำเรื่องต่ำช้าอย่างการทุบตีผู้หญิงจริง ๆ แต่เมื่อเห็นว่ากำลังจะเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาอีกครั้งแล้ว พระองค์ก็ตวาดลั่น "เจ้าช่างสามหาวนัก!"

แต่หยุนหรั่นเฟิงกลับคุกเข่าลงอีกครั้ง โขกหัวคำนับเสียงดังสนั่นไปทางฮ่องเต้เฉียนคังกับไทเฮา "ฝ่าบาท ไทเฮา ในเมื่อเซียวจิ่นหมิงบอกว่าข้าพูดปากเปล่าเชื่อถือไม่ได้ ข้าให้พิสูจน์ดูก็ได้เพคะ!"

หยุนโม่หน้าซีดด้วยความตกใจ "เฟิงเอ๋อ! ไม่ได้นะลูก!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์