ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ นิยาย บท 39

แต่บรรดาผู้คนจะตามทันความเร็วของสาวใช้ได้อย่างไร ทำได้เพียงมองดูนางปีนขึ้นไปบนแท่นของบ่อน้ำ ปีนไปพลางด่าทอไปพลาง “ทั้งหมดเป็นเพราะคุณหนูใหญ่หยุนหรั่นเฟิงบีบให้ข้าตาย! นางเป็นหญิงเลวหลายใจ ข้าเปิดโปงการมีชู้ของนาง นางจึงต้องการบีบให้ข้าตาย!”

ทุกคนเสียงดังเกรียวกราว ฝีเท้าชะงักอย่างอดไม่ได้ มีเพียงหลินหลังที่พุ่งเข้าไปอย่างกล้าหาญไม่กลัวตาย กอดขาของสาวใช้ไว้แน่น “เจ้าลงมาให้ข้า!”

สาวใช้พยายามถีบหลินหลังอย่างสุดชีวิต แต่ทำอะไรไม่ได้หลินหลังนิสัยดื้อรั้นตั้งแต่เกิด ถูกเตะจนจมูกช้ำหน้าบวมก็ไม่ยอมปล่อยมือ สาวใช้ทั้งโกรธทั้งโมโห คว้าหินก้อนหนึ่งข้างบ่อได้ก็ต้องการจะทุบลงไป!

เพิ่งจะยกหินขึ้นเหนือศีรษะ ร่างกายของสาวใช้ก็แข็งทื่อไปทันที และล้มลงพื้นอย่างแรง!

บนแขนของนาง มีเข็มสีเงินบางๆที่คุ้นตาเป็นที่สุดอันหนึ่งปักอยู่!

หลินหลังตกตะลึง รีบฉวยโอกาสขณะที่คนอื่นยังไม่ได้เข้ามา ดึงเข็มเงินออก แล้วแอบชำเลืองมองไปตรงหัวมุมแวบหนึ่ง เห็นหยุนหรั่นเฟิงถือหน้าไม้ยืนอยู่ตรงนั้นดังคาด ส่งภาษามือมาที่นาง จากนั้นก็จากไปเงียบๆ

มีคุณหนูลงมือด้วยตัวเอง หลินหลังก็รู้สึกมั่นใจในทันที ร่างกายก็ไม่เจ็บปวดแล้ว พูดพร่ำเสียงดังว่า “คิดไม่ถึงว่านางยังคิดจะฆ่าตัวตายอีก นี่พยายามจะใส่ร้ายป้ายสีให้คุณหนูของข้ามีราคีน่ะสิ พวกเราเอานางไปส่งเบื้องหน้าท่านแม่ทัพ ให้ท่านแม่ทัพตัดสิน! ท่านแม่ทัพใหญ่จะต้องให้รางวัลกับพวกเราเป็นแน่!”

ทุกคนกรูเข้าไปทันที รีบมัดสาวใช้ไว้อย่างหนาแน่นและหามขึ้นมา กำลังจะส่งไปที่แม่ทัพใหญ่ทางนั้น ก็เห็นลู่ซื่อรีบเข้ามาด้วยความรีบร้อน ลู่ซื่อตะโกนกล่าว “เอะอะโวยวาย นับว่าเป็นการปฏิบัติตัวเช่นไรกัน! หรูอวี้เป็นสาวใช้ใหญ่ในเรือนของข้า ก็เป็นคนที่พวกเจ้าจะมัดไว้ได้รึ ยังไม่รีบปล่อยตัวให้ข้าอีก!”

ทุกคนมองหน้ากัน หลินหลังคุกเข่าลงตุบเสียงหนึ่ง กล่าวเสียงดัง “ฮูหยินเจ้าคะ! หรูอวี้แอบวางยาลงในหม้อซุปคุณหนูของข้า พยานหลักฐานมีครบเจ้าค่ะ!”

หนังตาของลู่ซื่อกระตุกเล็กน้อย กวาดตามองไปทางหรูอวี้ที่ยังมึนงงอยู่ด้วยความดุดัน จึงได้กล่าวขึ้นว่า “บังอาจ! นางเป็นคนในเรือนของข้า เป็นตัวแทนเป็นหน้าตาของข้า นางจะทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร! พยานหลักฐานอะไรกัน ข้าเห็นอยู่ว่าเจ้ากำลังพูดจาเพ้อเจ้อ!”

“เป็น เป็น......ข้าที่เห็นด้วยตัวเอง ยังมีห่อยาอีกเจ้าค่ะ ห่อยาก็อยู่ที่ข้าตรงนี้! ฮูหยินไม่เชื่อ ท่านก็หาหมอมาตรวจดูทุกอย่างก็จะกระจ่างแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ!”

“บังอาจ! ข้าเป็นนายเจ้าเป็นบ่าว ตรงนี้มีที่ให้เจ้าพูดด้วยรึ! ให้คนมา ยังไม่รีบลากทาสเจ้าเลห์รังแกนายผู้นี้ออกไปอีก!” ลู่ซื่อกล่าวด้วยความโกรธ ฝ่ามือหนึ่งพลิกสะบัดเข้าไป หลินหลังคิดถึงที่หยุนหรั่นเฟิงกำชับไว้ ถอยหลบฝ่ามือนั่นไปด้านหลังด้วยสัญชาตญาณ!

ลู่ซื่อล้มลงไปอย่างไม่ทันได้ระวัง อับอายโมโหพาลโกรธขึ้นมา “จับนังทาสสารเลวนี่ให้ข้า!”

เสียงอันสดใสของผู้หญิงดังขึ้นอย่างฉับพลัน “ข้าดูซิว่าใครจะกล้า!”

หยุนหรั่นเฟิงรีบเดินเข้ามา ไม่แม้แต่จะมองลู่ซื่อ เหลือบมองไปทางหลินหลังก่อน “เสียเปรียบแล้ว?”

หลินหลังรีบส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ! คุณหนูวางใจ คำที่ท่านพูด ข้าไม่ลืมเจ้าค่ะ!”

นางไม่อยากไปวิ่งรอบบนถนนใหญ่หรอกนะ!

รอยยิ้มของหยุนหรั่นเฟิงแวบผ่านไปเล็กน้อย “นับว่าเจ้าความจำดี”

หลินหลังกะพริบตาด้วยความน้อยใจ “คุณหนูใหญ่ พวกเราจับคนวางยาพิษได้ ฮูหยินยังบอกว่าเป็นความผิดของข้าอีก! บอกว่าต้องการจะจัดการข้าเจ้าค่ะ!”

“ไม่ต้องกลัว ข้ามาแล้ว”

เมื่อลู่ซื่อเห็นหยุนหรั่นเฟิงไม่ไว้หน้านางต่อหน้าบรรดาผู้คน ก็รู้สึกทั้งหวั่นใจและโมโหทันที กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือว่า “หยุนหรั่นเฟิง! ในตาของเจ้ายังเห็นข้าที่เป็นแม่ใหญ่ผู้นี้หรือไม่! เจ้าคนไม่เจียมตัว!”

หยุนหรั่นเฟิงมองไปทางลู่ซื่อด้วยความเฉยเมย นัยน์ตาเต็มไปด้วยประกายเย็นยะเยือกเฉียบคม “มีคนวางยาพิษในอาหาร พยานหลักฐานมีพร้อม ฮูหยินไม่จัดการด้วยความยุติธรรม กลับมาตำหนิทุบตีหลินหลัง ไม่ได้เป็นการดูถูกข้างั้นรึ! ฮูหยินไม่ได้ปฏิบัติกับข้าเป็นลูกสาว ข้าจะเห็นท่านเป็นแม่ใหญ่ได้อย่างไร!”

สีหน้าของลู่ซื่อเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก พูดโพล่งออกไปว่า “เดิมทีเจ้าก็ไม่ได้เห็นข้าเป็นแม่แท้ๆ จะพูดให้น่าฟังทำไม!”

ระหว่างนั้นหางตาของหยุนหรั่นเฟิงกวาดมองไปด้านหลังแล้วเปลี่ยนสีหน้าทันที “ทำไมข้าจะไม่ปฏิบัติต่อท่านเหมือนแม่แท้ๆ สามเทศกาลสี่พิธีการ ทุกครั้งที่ออกนอกบ้านก็คิดถึงท่าน นำของขวัญมาให้ท่านอยู่บ้าง ข้ารู้ว่าท่านรักและเอ็นดูหยุนหรั่นเฉินมากกว่า นางเป็นลูกที่ท่านให้กำเนิด ข้าเทียบไม่ได้ ข้าก็ไม่ได้โกรธเคืองใดๆ แต่ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่า ในใจของท่านความสำคัญของข้าจะเทียบไม่ได้กับสาวใช้ผู้หนึ่ง!”

ลู่ซื่อสีหน้าเย้ยหยัน “หรูอวี้เป็นสาวใช้ใหญ่ของข้า เป็นคนที่ข้าดูมาตั้งแต่เล็กจนโต นางนิสัยโอนอ่อนผ่อนตาม จะไม่ทำเรื่องวางยาพิษแบบนั้นเป็นแน่! สาวใช้คนนี้ของเจ้าพูดพร่ำว่าหรูอวี้วางยาพิษ ก็ไม่ได้เป็นการบอกว่าข้าวางยาพิษหรือ! เจ้าเด็กสารเลว ไม่ใช่เพราะอาศัย......”

“ท่านแม่!” เสียงอันอ่อนโยนของหญิงสาวดังขึ้นด้วยความร้อนใจ หยุนหรั่นเฉินสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว คว้าจับข้อมือของลู่ซื่อไว้ เอ่ยขึ้นด้วยรีบร้อน “ท่านแม่! ไม่ว่าจิตใจของท่านจะร้อนรนเพียงใด ก็ไม่สามารถพูดคำเช่นนี้ออกมาได้! ในปกติท่านก็คิดถึงท่านพี่ เพื่อสาวใช้คนหนึ่งทำให้ท่านพี่เข้าใจท่านผิด เช่นนี้ดีแล้วหรือ!”

พูดพลาง ขยิบตาบอกใบ้ลู่ซื่อไปพลาง

ลู่ซื่อรู้ว่าโดยปกติแล้วลูกสาวคนนี้มีความคิด ตะลึงเล็กน้อย ฝืนกลืนคำพูดที่มาถึงปากลงไป

แล้วหยุนหรั่นเฉินก็มองไปทางหยุนหรั่นเฟิงอีก กล่าวขอร้องเสียงอ่อน “ท่านพี่ แม่ของข้าร้อนใจไปชั่วขณะ ท่านอย่าได้โกรธเคืองเลย เรื่องนี้พวกเราค่อยๆสืบ จะต้องสามารถสืบความจริงออกมาได้แน่!”

สายตาของหยุนหรั่นเฟิงจับจ้องไปยังเงาร่างด้านนอกเงานั้นที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นัยน์ตาเป็นประกายน้ำตาเล็กน้อย แต่กลับไม่พูดออกมาสักคำ สุดท้ายก็เป็นท่าทางที่น้อยอกน้อยใจจนถึงขีดสุดแต่กลับต้องอดกลั้นทนฝืนเอาไว้ ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าจะพูดออกมาเบาๆว่า “ข้าก็รู้ พวกท่านรังเกียจที่ข้าอยู่ที่บ้าน ถ่วงเวลาการแต่งงานของน้องสาว รู้สึกว่าข้าขวางทางของน้องสาว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พรุ่งนี้ข้าจะย้ายออกไป จะได้ไม่ขวางหูขวางตาพวกท่าน”

หยุนหรั่นเฉินเคยเห็นวิธีการเปลี่ยนสีหน้าของหยุนหรั่นเฟิง แต่เมื่อเห็นท่าทางการน้อยใจอย่างไร้เหตุผลจริงๆเช่นนี้ของหยุนหรั่นเฟิง ลมหายใจเฮือกหนึ่งก็จุกอยู่ที่ลำคอหายใจไม่ออก ทำให้ลู่ซื่ออดไม่ได้ยิ่งขึ้น “หากว่าเจ้ารู้ตัวดีมาตั้งนานแล้ว ทำไมยังหน้าไม่อายกลับมาอีก! ตอนที่ถูกหย่าก็ควรจะโกนผมไปเป็นแม่ชีแล้ว!”

หยุนหรั่นเฉินห้ามก็ห้ามไว้ไม่อยู่ “ท่านแม่!”

“ลู่จิ้งเหวิน!” หยุนโม่สาวเท้าก้าวใหญ่ออกมาจากฝูงชน ฝ่ามืออันแข็งแกร่งดั่งพัดใบปาล์มสะบัดไปบนหน้าของลู่ซื่ออย่างรุนแรง เขาเป็นทหาร ทั้งในใจก็ยังมีความโมโหอีก ฝ่ามือนี้ตบจนลู่ซื่อกระเด็นไปออกไปโดยตรง!

“ท่านแม่!” หยุนหรั่นเฉินทั้งตกใจทั้งร้อนใจ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปประคองลู่ซื่อ แค่รีบคุกเข่าลงต่อหน้าหยุนโม่เท่านั้น “ท่านพ่อ! แม่ข้าแค่โมโหไปชั่วขณะ ท่านก็รู้ ปกตินางเป็นคนพูดตรงปากไว แต่ไหนแต่ไรก็ไม่กล้ามีความคิดชั่วร้ายอะไร ทั้งหัวใจคิดทำเพื่อตระกูลหยุนของพวกเราเสมอนะเจ้าคะ!”

“นางคิดจะทำเพื่อตระกูลหยุน! ข้าว่านางคิดจะทำเพื่อเจ้าซะมากกว่า นางคิดวางแผนมากมายไล่เฟิงเอ๋อออกไป ก็ไม่ใช่เพื่อจะปูทางให้เจ้า ทำให้เจ้าแต่งงานกับคนดีๆหรอกหรือ?” หยุนโม่ตะคอก “จวนซีผิงโหวก็ยังไม่ถูกใจ เจ้ายังคิดจะแต่งงานไปที่ไหนอีก! ในวังหรือ!”

แม้ว่าหยุนโม่จะเป็นทหาร แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้ชายมุทะลุดุดันที่รู้จักแต่จะใช้กำลังพรรคนั้น

ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถปกป้องชายแดนมาได้ยี่สิบกว่าปี ก่อนหน้านี้ไม่สนใจ เพราะคิดเพียงแค่ว่าอย่างน้อยลู่ซื่อก็ไว้หน้าเขา เป็นธรรมดาที่จะปฏิบัติต่อเฟิงเอ๋อด้วยความเมตตา อีกทั้งคิดว่าเขาก้าวก่ายมากเกินไป จะไม่เป็นผลดีในการดำเนินการของลู่ซื่อที่มีอำนาจของแม่ใหญ่ เพื่อจะได้สั่งสอนเฟิงเอ๋อให้ดีๆ

คิดไม่ถึง เขายอมให้ทุกทาง กลับแลกมาด้วยลู่ซื่อที่ใจไม้ไส้ระกำเช่นนี้!

สีเลือดบนใบหน้าของหยุนหรั่นเฉินหายไปโดยสมบูรณ์ ร่างกายโซเซเหมือนจะล้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า “ท่านพ่อ ในสายตาของท่าน ลูกมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยจริงๆหรือเจ้าคะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์