ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ นิยาย บท 41

หยุนโม่ได้ยินคำถามแบบไม่ไว้หน้าของหยุนหรั่นเฉิน ราวกับถูกคนตบหน้าอย่างรุนแรงฉาดหนึ่ง ทั้งคนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น เขามองไปยังแม่ลูกที่กอดกันร้องไห้อยู่ในเวลานี้ นัยน์ตาเป็นความผิดหวังที่ไม่สามารถปกปิดได้ “เห็นได้ชัดว่าแม่ของเจ้าวางยาพิษทำร้ายคน เจ้ากลับยังจะตำหนิข้าและเฟิงเอ๋ออีก ข้าสั่งสอนชี้แนะเจ้ามาหลายปีนี้ แลกมาด้วยประโยคหนึ่งของเจ้าว่า ‘ข้าทำลายเจ้า’ เฉินเอ๋อ เจ้าช่างทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”

หยุนหรั่นเฉินรู้ว่าตัวเองเผลอหลุดปากไป แต่คำพูดเมื่อพูดออกไปแล้วก็ไม่สามารถเก็บคืนมาได้ ทำได้เพียงกอดลู่ซื่อร้องไห้ “ท่านแม่ ลูกจะไปที่ว่าการพร้อมท่าน ไม่ว่าท่านจะไปไหน แม้ว่าจะต้องเข้าคุก ลูกก็จะอยู่เป็นเพื่อนท่าน!”

เสียงร้องไห้ดังไปทั้งผืน หยุนโม่ขมวดคิ้ว บรรยากาศหยุดนิ่งไปชั่วขณะ

ทันใดนั้น ฮูหยินเฒ่าของตระกูลหยุนก็ถือไม้เท้าเข้ามาด้วยความรีบร้อน นางได้ฟังเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปทั้งหมดจากสาวใช้แล้ว เวลานี้เห็นหยุนหรั่นเฉินและลู่ซื่อกอดกันร้องไห้ ก็ทั้งร้อนใจและรำคาญ “ยังจะมีหน้าร้องไห้อีก! คิดไม่ถึงว่าจะเล่นสกปรกในข้าวพระที่ข้าไปขอมา เจ้าต้องถูกฟ้าผ่าตาย! ลู่ซื่อ ยังไม่รีบไปคุกเข่ารับโทษในห้องโถงบรรพชน ขอขมาต่อพระพุทธเจ้าอีก! หรั่นเฉิน เจ้าก็ไปเป็นเพื่อนแม่ของเจ้า ทั้งสองคนนี้ช่างทำให้หนักใจจริงๆ”

แววตาของหยุนหรั่นเฟิงกะพริบ เหลือบมองไปทางฮูหยินเฒ่าหยุนอย่างจดจ้อง

คำพูดเหล่านี้ดูเหมือนเป็นการลงโทษลู่ซื่อแม่ลูก แต่ความจริงนั้นคือทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่แต่ปล่อยให้ผ่านไปอย่างง่ายดาย โทษวางแผนฆ่าลูกสาวคนโต คิดจะใช้การคุกเข่าในห้องโถงบรรพชนแค่อย่างเดียวเพื่อหลอกให้ผ่านไป นี่ฮูหยินเฒ่าต้องการจะปกป้องลู่ซื่อและหยุนหรั่นเฉินเหรอ!

เทียบกับการส่งไปที่ว่าการ ไปคุกเข่ารับโทษที่ห้องโถงบรรพชนก็แค่เรื่องเล็กน้อย ลู่ซื่อและหยุนหรั่นเฉินล้วนเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ ลู่ซื่อรีบโขกศีรษะ “ได้ ข้าจะไปแน่นอน! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!”

หยุนโม่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ได้! เช่นนี้ไม่ยุติธรรม!”

“ข้าบอกว่าได้ก็ได้!” ฮูหยินเฒ่ากล่าวด้วยสีหน้าดุดัน “หลายปีนี้เจ้าทำศึกอยู่ภายนอก เคยดูแลจัดการเรื่องงานบ้านหรือ? หากไม่ใช่เพราะนางดูแลจัดการงานบ้านทั้งภายในภายนอก ดูแลข้าที่แก่ชราเพียงนี้อย่างละเอียด เจ้าก็ต้องกลับบ้านมาพบกับงานศพต้องไว้ทุกข์นานแล้ว! ใช่ นางทำเรื่องเลอะเทอะ แต่ก็เป็นความรักของมารดา คิดสู้เพื่ออนาคตที่ดีของลูกสาวตัวเอง”

“สู้เพื่ออนาคตที่ดีของลูกสาวตัวเอง จึงเอาชีวิตของเฟิงเอ๋อมาเดิมพัน!” หยุนโม่โกรธถึงขีดสุด “แม่แบบนางเช่นนี้มีที่ไหนกัน?”

“เจ้ายังลำเอียงกับลูกตัวเองได้ นับประสาอะไรกับนาง! หยุนหรั่นเฟิงก่อความวุ่นวายเช่นนี้ออกมา ถูกหย่าต้องกลับมาบ้านไม่ว่า ยังจะขวางทางน้องสาวอีก คนเป็นแม่ใครจะไม่ปวดใจ! นางรนหาที่เอง ดูจากเหตุการณ์ก็พอที่จะให้อภัยได้!”

หยุนโม่ถูกคำพูดนี้ทำให้โกรธจนแข็งทื่ออยู่กับที่ มองไปทางฮูหยินเฒ่าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ: “ท่านแม่ ท่านว่าเฟิงเอ๋อเช่นนี้ได้อย่างไร!”

ฮูหยินเฒ่าเหลือบมองหยุนโม่แวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจอีกครั้ง “แม้ว่าเจ้าจะโกรธที่นางเลอะเลือน แม้ว่าเจ้าจะไม่สนใจหรั่นเฉิน แต่เจ้าจะไม่สนใจหรั่นเฟิงแล้วหรือ? หากว่านางแต่งงานอีก ก็เป็นการแต่งงานครั้งที่สอง เรื่องนี้เผยแพร่ออกไป นางจะแต่งงานกับคนดีๆได้อีกอย่างไร?”

คำพูดของฮูหยินเฒ่าแทงโดนจุดอ่อนของหยุนโม่พอดี หยุนโม่มองไปทางหยุนหรั่นเฟิงอย่างอดไม่ได้ ดวงตาแข็งกร้าวไม่อ่อนข้อเมื่อครู่กลับมีความลังเลเล็กน้อย

หยุนหรั่นเฟิงมองความลังเลใจของหยุนโม่ออกเป็นธรรมดา ดวงตาอันงดงามเฉียบคมขึ้นเล็กน้อย นางจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ง่ายๆแน่นอน ทำร้ายนางแล้วยังจะให้นางยอมให้ทุกอย่างอีก ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าวันนี้ฮูหยินเฒ่าเอ่ยปาก แม้ว่าฮ่องเต้จะเป็นคนเอ่ยปากก็ไม่ได้

เห็นร่างกายนางหมุนอย่างฉับพลัน เข้าไปใกล้ชิดติดอยู่เบื้องหน้าของลู่ซื่อด้วยความรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด มือยกขึ้น มีดสั้นบางๆก็ค้ำอยู่ที่คอของลู่ซื่อ เหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทำให้ลู่ซื่อตกใจจนร้องขึ้นอย่างน่าอนาถ!

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป หยุนหรั่นเฉินร้องเสียงแหลม “หยุนหรั่นเฟิง เจ้าทำอะไร?”

หยุนโม่ก็กลัวว่าหยุนหรั่นเฟิงจะทำเรื่องผิดลงไป จึงรีบกล่าวด้วยความตระหนกว่า: “เฟิงเอ๋อ เจ้าอย่าร้อนใจ พ่อจะตัดสินใจให้เจ้าแน่นอน!”

หยุนหรั่นเฟิงมองไปยังฮูหยินเฒ่าเพียงอย่างเดียว “ก่อนหน้านี้ที่ฮูหยินเฒ่าพูด เอาจริงหรือไม่?”

“เอาจริงไม่เอาจริงอะไร เจ้ารีบวางมีดลงให้ข้าซะ!”

“ผู้ใดที่ดูจากเหตุการณ์แล้วพอที่จะให้อภัยได้ ผู้นั้นก็สามารถรับการอภัยให้ได้ เช่นนั้นข้าซึ่งเป็นผู้ที่ถูกทำร้ายโดนวางยาพิษผู้นี้ เห็นว่าลู่ซื่อไม่เพียงพ้นโทษได้อย่างราบรื่น ทั้งยังมีลูกหลานเต็มบ้านอีก ข้ารู้สึกโกรธและขัดใจ เป็นโรครุมเร้าจิตใจอย่างหนัก แน่นอนว่ามีเหตุผลที่จะเอาชีวิตนางยิ่งกว่า! ท่านว่าเวลานั้น ข้าฆ่านาง ก็สามารถพูดประโยคหนึ่งได้ว่าดูจากเหตุการณ์แล้วพอที่จะให้อภัยได้เหมือนกันรึเปล่า?”

ร่างกายของหยุนโม่สะท้านทันที!

ฮูหยินเฒ่ากลับไม่มีคำจะโต้แย้ง เคาะไม้เท้าด้วยความโกรธสองสามครั้ง สุดท้ายก็มองหยุนหรั่นเฟิงด้วยท่าทางโหดเหี้ยมน่ากลัว กัดฟันกล่าว: “เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?”

“เรื่องหนึ่งก็เป็นเรื่องหนึ่ง วันนี้นางทำร้ายข้า วันนี้นางก็ต้องได้รับโทษที่สมควรได้รับ คลี่คลายผ่านไป ก็ยังสามารถฝืนเป็นแม่ลูกที่ดีคู่หนึ่งได้ หากว่าคลี่คลายไม่ได้......ฮูหยินเฒ่า ข้าใจแคบ นิสัยใจร้อน เวลาผ่านไปนานแล้ว ก็ไม่รู้จริงๆว่าตัวเองจะทำเรื่องอะไรออกมา”

ฮูหยินเฒ่าทั้งโกรธและกระวนกระวาย “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าขู่ข้า!”

“ไม่กล้าขู่ท่านเป็นแน่ เพียงแค่พูดความจริงเท่านั้น” น้ำเสียงของหยุนหรั่นเฟิงเย็นชาและหนาวเหน็บ ทุกคำทุกประโยค น้ำเสียงมีพลัง “ความไม่ยุติธรรมในโลก ก็ต้องมีคนทวงความยุติธรรมเป็นธรรมดา หากทุกคนทำผิดแล้วคิดจะหลบหนีกันหมด เช่นนั้นกฎหมายจะอยู่ที่ใด! ความยุติธรรมจะอยู่ที่ใด!”

ฮูหยินเฒ่าเป็นใบ้ไร้คำพูด หอบถี่อยู่ครู่หนึ่ง แล้วกัดฟันกล่าว “เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไร? ตั้งใจจะไม่สนใจหน้าตาตระกูลหยุนของเรา ไม่สนใจหน้าตาพ่อของเจ้าจริงแล้วหรือ? พ่อเจ้ารักเจ้า เจ้าจะทำร้ายเขาเช่นนี้รึ!”

ดวงตาของหยุนหรั่นเฟิงกลอกเล็กน้อย กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ไม่ส่งตัวไปที่ว่าการก็ได้ งั้นก็ส่งไปคุกเซิ้นเจี้ยซือ เดิมทีในนั้นก็เป็นสถานที่คุมขังผู้หญิงในครอบครัวที่ทำผิดในเมืองหลวง ปิดปากแน่นที่สุด เข้าไปอยู่สักหนึ่งปี ก็ได้รู้แล้วว่าอะไรคือจรรยาบรรณ!”

กินเจท่องพระคัมภีร์ห้องโถงบรรพชน ลู่ซื่อก็ได้เปรียบเกินไปแล้ว!

คุกเซิ้นเจี้ยซืออยู่ชานเมืองของเมืองหลวง คล้ายๆกับสถานที่ที่ผู้หญิงสูงศักดิ์ต้องทำงานเพื่อกลับเนื้อกลับตัว ไม่ว่าจะฐานะอะไรเข้าไปก็ล้วนต้องตัดฟืนหาบน้ำทำงานเป็นลูกจ้าง ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการทำโทษฝ่ายหญิงในครอบครัวที่กระทำผิดจริงๆ

การจัดการเช่นนี้ทั้งได้ลงโทษลู่ซื่อ และได้รักษาชื่อเสียงของจวนแม่ทัพไว้โดยสมบูรณ์ แม้ว่าเป็นฮูหยินเฒ่าก็ไม่มีคำพูดจะโต้แย้งในชั่วขณะ

แต่สีหน้าของลู่ซื่อกลับเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยิน นางใช้ชีวิตอย่างสูงส่งสุขสบายมาหลายปี จะยอมไปตกระกำลำบากได้อย่างไร “ข้าไม่ไป! ท่านให้นางมาดูหมิ่นข้าขนาดนี้ได้อย่างไร!”

แม้ว่าคุกเซิ้นเจี้ยซือจะไม่แพร่ข่าว แต่คนกันเองจะต้องรู้เป็นแน่ แล้วนางจะมีหน้าดูแลครอบครัวต่อไปได้อย่างไร?

หยุนโม่ไม่เคลื่อนไหว สีหน้าเย็นชา “เอาป้ายชื่อของข้า ส่งฮูหยินเข้าไป”

“แม่ทัพ!” ก้นบึ้งในจิตใจของลู่ซื่อเจ็บปวดจนสิ้นหวังและงุนงงอย่างฉับพลัน

นางอยู่ข้างกายหยุนโม่มายี่สิบปี ตั้งแต่วัยสาวประมาณสิบสามปีจนผมเริ่มขาว รักเดียวใจเดียว ยังตกอยู่ในจุดจบเช่นนี้......สุดท้ายแล้วนางก็ยังสู้กับคนตายผู้หนึ่งไม่ได้......

ลู่ซื่อหลับตาลง ไม่สนใจความสับสนที่แวบผ่านไปในดวงตาของหยุนโม่ ปล่อยให้หญิงชราสองสามคนฝืนลากตัวออกไปด้วยความห่อเหี่ยวใจ

“ท่านแม่! ท่านแม่!” หยุนหรั่นเฉินต้องการจะไล่ตามไปด้วยความร้อนใจ ทันทีที่เท้าโซเซ ก็ล้มลงที่พื้น “ท่านพ่อ! ท่านพ่อทำแบบนี้ไม่ได้!”

หยุนโม่มองดูนาง ในดวงตาเป็นความรู้สึกหดหู่ใจ ท้ายที่สุดก็ถอนหายใจออกมา “เฉินเอ๋อ เจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดี” และมองไปทางหยุนหรั่นเฟิงอีกครั้ง “เฟิงเอ๋อ ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนพ่อ”

หยุนหรั่นเฟิงเก็บแววตาของหยุนโม่ไว้ในสายตา รู้ว่ายังไงหยุนโม่ก็ใจอ่อนแล้ว

หยุนโม่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในครอบครัว เป็นสามีภรรยายี่สิบปี ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะยังคงมีความผูกพันอยู่บ้าง หากครั้งนี้ต้องส่งลู่ซื่อไปที่ว่าการเพื่อให้ความยุติธรรมแก่นาง วันหน้าเมื่อคิดถึงก็ยากที่จะรับรองได้ว่าจะไม่รู้สึกเศร้าใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหยุนหรั่นเฉินยัยดอกบัวขาว(ผู้หญิงที่ภายนอกเหมือนบริสุทธิ์แต่แท้จริงแล้วความคิดชั่วร้าย)อยู่อีกคน ก็กลับเป็นการง่ายต่อการทำร้ายความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาว

แทนที่จะเป็นเช่นนี้ ก็รอจะดีซะกว่า รอจนเขาตัดใจจากแม่ลูกคู่นี้โดยสมบูรณ์ ถึงจะเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะจัดการพวกนาง!

นางประคองหยุนโม่ “ได้เจ้าค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์