ทันทีที่พ่อลูกทั้งสองจากไป ก็พาคนในเรือนไปด้วยจึงว่างเปล่าไปมากกว่าครึ่ง หยุนหรั่นเฉินหมอบอยู่ที่พื้นไม่ขยับ เหมือนเสียใจจนเป็นบ้าไปแล้ว ชุดสีขาวทั้งตัวก็เต็มไปด้วยฝุ่นนานแล้ว เหมือนดอกไม้ที่ร่วงโรยถูกบดเป็นโคลน จนไม่สามารถยืดตัวตรงได้อีกเช่นนั้น
ฮูหยินเฒ่าชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง ในตาเป็นความเวทนาสงสารแวบผ่าน “ไปเถอะ”
แม่นมด้านข้างก็กล่าวเบาๆ “ฮูหยินเฒ่า คุณหนูรองนาง.......”
“หากว่านางยืนหยัดรับมือขึ้นมา บางทีอาจจะกลายเป็นหงส์ที่เด็ดเดี่ยวได้ หากว่าล้มลงแล้วลุกไม่ได้อยู่ตรงนี้ ก็เป็นเช่นนี้เถอะ หาคนที่จิตใจสงบเงียบไม่ก่อเรื่อง ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ก็นับว่าได้ตอบแทนไม่กี่ปีนี้ที่ลู่ซื่อที่ได้ดูแลปรนนิบัติข้าแล้ว”
เสียงของฮูหยินเฒ่าดังผ่านมาตามลมไม่ดังและไม่เบา เหมือนดั่งมีดแทงเข้าไปในจิตใจของหยุนหรั่นเฉินเช่นนั้น
นางกำหมัดขึ้นช้าๆ ปลายนิ้วแหลมๆแทงเข้าไปที่ฝ่ามือ ความแหลมคมทิ่มแทงจนเจ็บปวด!
“หยุน หรั่น เฟิง!”
......
หยุนหรั่นเฟิงประคองหยุนโม่กลับไปที่ห้องหนังสือ เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้น แม้ว่าจะเป็นหยุนโม่ก็รับไม่ไหว ราวกับว่าคนทั้งคนแก่ลงไปหน่อยแล้ว
เขามองไปที่หยุนหรั่นเฟิง มองดูใบหน้าลูกสาวที่เหมือนกับภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว รู้สึกปวดใจขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้ “เฟิงเอ๋อ หลายปีมานี้ เจ้าโดนรังแกอะไรมาบ้าง?”
หลายปีมานี้เขาทำศึกตลอดทั้งปี คิดมาตลอดว่าลู่ซื่อจะดูแลหยุนหรั่นเฟิงเป็นอย่างดีที่สุด แต่กลับมาคราวนี้ ก็เกิดเรื่องขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจึงตระหนักขึ้นมาได้ทันที เหมือนว่าลู่ซื่อจะไม่ได้ปฏิบัติต่อเฟิงเอ๋อด้วยความเมตตา
เขาเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ!
หยุนหรั่นเฟิงรินชาให้หยุนโม่ แล้วยิ้ม “ท่านพ่อ มีแต่คนเป็นหัวขโมยพันปี ไม่มีเหตุผลที่จะต้องป้องกันหัวขโมยเป็นพันปีหรอกเจ้าค่ะ เรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”
หยุนหรั่นเฟิงรู้ความเอาอกเอาใจขนาดนี้ หยุนโม่จึงรู้สึกผิดมากขึ้น “หลายปีมานี้เจ้าโดนรังแกอะไร เจ้าพูดออกมา พ่อจะตัดสินให้เจ้า!”
หยุนหรั่นเฟิงหัวเราะทันที “ท่านลืมไปแล้วหรือว่าข้านิสัยยังไง? บอกว่าบ้าอำนาจเอาแต่ใจล้วนเป็นการพูดให้น่าฟัง คนที่รังแกข้า ก็ไม่ได้มีจุดจบดีอะไร” ชะงักเล็กน้อย นางเหลือบมองไปทางหยุนโม่ กล่าวเบาๆ “ท่านพ่อ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้จบวันนี้เถอะเจ้าค่ะ”
วันนี้สั่งสอนลู่ซื่อ ไม่เพียงแค่แสดงให้เห็นความยุติธรรมสองคำนี้อย่างชัดเจนเท่านั้น แต่ยิ่งเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ลู่ซื่อโง่เขลา หยุนหรั่นเฉินถึงจะเป็นดอกไม้พิษที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของลู่ซื่อ หวังเพียงแค่หยุนหรั่นเฉินจะได้สติตื่นมาได้ทันเวลา อย่าได้บังคับให้นางต้องลงมืออีก!
ลู่ซื่อแค่คนเดียวก็ทำลายพลังชีวิตของหยุนโม่ไปมากมายแล้ว หากว่าพัวพันไปถึงหยุนหรั่นเฉินอีก หยุนโม่ให้ความสำคัญกับความรักความผูกพัน เกรงว่าจะยิ่งรับไม่ได้เข้าไปอีก
หยุนโม่ปกป้องนางด้วยใจจริง นางก็จะปกป้องหยุนโม่ ปกป้องตระกูลหยุนอย่างจริงใจเช่นกัน!
ลู่ซื่อถูกส่งเข้าไปที่คุกเซิ้นเจี้ยซือ พร้อมทั้งคนที่ปรนนิบัติรับใช้ข้างกายของนางบ้างถูกทุบตีบ้างถูกขาย ลู่ซื่อกุมอำนาจมากว่าสิบปี ทันทีที่นางจากไป สรรพสิ่งในจวนก็ไร้คนจัดการดูแล เกิดความวุ่นวายขึ้นมาทันที
เดิมทีหยุนโม่ก็เป็นผู้ชายหยาบกระด้าง จะรู้เรื่องการดูแลจัดการเรื่องในบ้านเช่นนี้ได้อย่างไร รับมือจัดการต่อสองวันก็หัวหมุนหัวปั่นทำอะไรไม่ถูก คิดจะเชิญให้ฮูหยินเฒ่าออกมารับภาระ แต่กลับถูกฮูหยินเฒ่าปฏิเสธในคำเดียว “ข้าอายุมากแล้ว ดูแลจัดการเรื่องในบ้านไม่ไหว เจ้าไปเชิญคนอื่นเถอะ”
หยุนโม่รู้ว่าฮูหยินเฒ่ากำลังโกรธอยู่ในใจ จึงพูดได้เพียง “ในเมื่อท่านแม่ไม่สบาย ก็ให้เฉินเอ๋อจัดการ นางติดตามแม่ของนางได้เห็นและรับรู้จนคุ้นเคยมานานขนาดนี้ ก็ควรจะเรียนรู้มาได้บ้าง”
“นางก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะเรื่องแม่ของนาง นางก็เสียใจจนป่วยแล้ว ไม่ง่ายกว่าจะดีขึ้น เจ้าก็ให้นางทำงานหนักเป็นทุกข์ใจอีก มีคนที่เป็นพ่อแบบเจ้าด้วยหรือ?”
ฮูหยินเฒ่ากล่าวช้าๆ “ยิ่งไปกว่านั้นลูกผู้หญิงหน้าบาง เรื่องแม่ของนางเพิ่งจะหยุดไปได้ไม่กี่วัน นางจะมีหน้าออกมาพบเจอผู้คนที่ไหนกัน เลื่อนไปอีกหน่อยเถอะ”
“งั้นเรื่องในบ้านนี่......”
“ก็ให้เฟิงเอ๋อจัดการสิ นางก็เป็นคนที่เคยเป็นพระชายาขององค์ชายมาก่อน”
หยุนโม่อึ้งไปทันที “ห๊ะ เฟิงเอ๋อจะจัดการได้อย่างไร?”
“โลกนี้ไม่มีเรื่องอะไรยาก ขอเพียงแค่มีใจ อนาคตนางจะต้องเป็นนายหญิงของตระกูล เรียนรู้อยู่ในบ้านก็ดี ทำเรื่องน่าขันในบ้านก็ยังดีกว่าอนาคตออกไปแล้วทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะ”
พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว หยุนโม่จึงไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ทำได้เพียงจากไปอย่างไม่สบอารมณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ...
รอตอนต่ออยู่นะค่ะ...
รบกวนอัพเดทตอนใหม่ให้ด้วยนะคะ รอรอรอ...
สนุกมาก รอตอนใหม่อยู่ค่ะ...
รอการอัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ😭...
รอการอัพเดทอยู่นะคะ...
❤❤❤...
รออ่านเรื่องนี้ตั้งหลายวันนนน...