ขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้ประตูเขาก็ได้ยินเสียงบอดี้การ์ดที่คุมอารมณ์ไม่ได้และกรีดร้องออกมา “ผมบอกแล้วไงว่านายท่านของผมโดนฆ่าตาย! ทำไมพวกคุณไม่เชื่อผม?”
“เพราะว่ามันไม่มีหลักฐานว่าห้องคุณโดนบุกรุกเข้ามา แล้วบนร่างกายของเจ้านายคุณก็ไม่มีร่องรอยอย่างอื่นด้วย การกล่าวอ้างของคุณนั้นมันไม่มีหลักฐานอะไรเลย แล้วจะให้พวกเราเชื่อคุณได้ยังไง?”
“ผมเห็นกับตาตัวเอง ผมถึงกับสู้กับหมอนั่นอยู่พักนึงด้วย” บอดี้การ์ดอธิบาย “เขาเป็นขโมย แล้วเขาก็เอาของมีค่าของเจ้านายผมไป”
“ของมีค่าอะไรล่ะที่เขาเอาไป?”
ดวงตาของบอดี้การ์ดฉายแววบางอย่างขึ้นมาชั่วขณะเมื่อเขารู้ตัวว่าได้พูดเรื่องที่ไม่ควรออกไป เขาก้มหน้าลงและเงียบไม่พูดอะไร
เจย์รู้ได้ทันที ขโมยคนนั้นไม่ได้มาเพื่อเอาชีวิตของนายท่านคนนี้ แต่ว่าเขามาเพื่อสมบัติ
เขายกมือขึ้นกุมหน้าอกซ้ายโดยสัญชาตญาณ ป้ายเครื่องหมายที่แม่ของเขาให้มาน่าจะอยู่ในกระเป๋าด้านในของเสื้อเชิ้ตเขา
ขณะที่เจย์ควานหา สีหน้าเขาก็ค่อย ๆ ซีดเผือด
ป้ายหายไปแล้ว
มีคลื่นอารมณ์ก่อตัวขึ้นในใจของเจย์ เขาค่อย ๆ ปะติดปะต่อเรื่องราว ป้ายโดนขโมยไปตอนไหน? ใครเป็นคนเอาไป?
หลังจากนั้นความคิดเขาก็หยุดที่จังหวะตอนที่พวกเขาลงจากเครื่องบิน ตอน ‘ชาย’ ปริศนาคนนั้นเข้ามาชนเขา
ดวงตาเจย์เย็นเยียบขณะที่เขากำหมัดแน่น เขาบอกกับตัวเองว่า “แกหวังไว้เลยนะว่าแกจะไม่มาเจอฉันอีกในอนาคตน่ะ”
ภายในห้องจู่ ๆ บอดี้การ์ดก็คลั่งขึ้นมาเมื่อหมอจะย้ายร่างของผู้ตายออกจากห้อง บอดี้การ์ดหยุดพวกเขาไว้และบอกว่า “พวกคุณจะพาเขาไปไหน? เขาไปไหนไม่ได้นะ ผมต้องพาเขากลับบ้านของเขา พ่อของเจ้านายผมกำลังรอเขาอยู่ที่บ้าน”
“แต่ว่าเขาป่วยด้วยโรคติดต่อ เราต้องเอาร่างเขาไปเพื่อที่จะได้ทำการชันสูตร เราต้องทำความสะอาดศพด้วย”
บอดี้การ์ดโมโหมากจนเส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปน “ไม่ได้ ผมไม่ยอมให้คุณพาเขาไป”
ทุกคนต่างก็พากันแยกย้ายเหมือนนกแตกรังเมื่อได้ยินว่าเป็นโรคติดต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส!