รักต่างวัยของเจ้านายจอมเก๊ก นิยาย บท 19

พระอาทิตย์สาดแสงสีทองรับอรุณในยามเช้าของวันใหม่ ทำให้หญิงสาวที่นอนอยู่ภายใต้ร่างของคนตัวโต พยายามขยับพลิกกายออก เธอเริ่มปรือตาขึ้นช้าๆ เพื่อปรับรับกับแสงที่แยงมา มือของชายหนุ่มยังคงกอดที่เอวคอดของเธอ หญิงสาวค่อยๆ จับมือเขาออก แต่ก็ช้ากว่าชายหนุ่มที่เขารู้สึกตัวก่อนหน้าแล้ว คนตัวโตคว้าตัวเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง

"ลุง ปล่อยได้แล้วนาราจะเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวจะไปทำอาหารเช้าสาย" ผมไม่ได้หูฝาดใช่ไหมเธอเรียกแทนตัวเองว่านารา เธอนี่ช่างน่ารักอะไรแบบนี้ เด็กคนนี้จะทำให้ผมหลงไปถึงไหนกัน

"เธอเรียกแทนตัวเองว่าอะไรนะ หูฉันไม่ได้ฝาดใช่ไหม"

"ถ้าลุงไม่ชอบเดี๋ยวจะ.."

"ชอบ ชอบ ชอบมากด้วย ทุกอย่างที่เป็นเธอ ฉันชอบหมดแหละ" ก่อนที่ฉันจะพูดอะไรต่อเขารีบพูดแทรกขึ้นทันที ตาลุงนี่ชักจะเอาใหญ่แล้ว

“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยนาราได้แล้ว เดี๋ยวจะไปทำอาหารเช้าให้ทาน"

"ไม่ต้องเลย แม่คำสายกับคำหล้าคงทำเสร็จแล้วป่านนี้"

"คำหล้าคือใครเมื่อวานทำไมไม่เห็น"

"คำหล้าเป็นลูกสาวของแม่คำสาย พึ่งมาตอนเย็นคำหล้าต้องมาช่วยงานบ้านแม่คำสาย เราอยู่กันหลายคนแม่สายทำคนเดียวไม่ไหวหรอก" ผมอธิบายให้เธอเข้าใจ เพราะถึงยังไงนาราก็ต้องอยู่ที่นี่อีกนาน ซึ่งบางทีเธอก็อาจจะได้อยู่ที่นี่เป็นการถาวรเลยใครจะไปรู้

วันเวลาผ่านไป จากวันเป็นเดือนความสัมพันธ์ของฉันกับเขามันเริ่มก่อตัวขึ้นทุกวัน จนฉันเริ่มมั่นใจว่างเขาจะไม่มีวันทำให้ฉันเสียใจ ตอนนี้ฉันเปิดใจรับเขาเข้ามาจนเต็มหัวใจ อนาคตจะเป็นอย่างไร ขอแค่ตอนนี้มีเขาอยู่ข้างๆ แบบนี้สำหรับฉันมันก็เพียงพอ

"คุณนารา! " ฉันหันไปตามเสียงคนที่เรียกไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคำหล้า ที่ตัวมาก่อนเสียง

"มีอะไรคำหล้า"

“ไปทานข้าวได้แล้วเจ้า"

"แล้วพ่อเลี้ยงตะวันละ" คนที่นี่เขาเรียกพ่อเลี้ยงตะวันเสียจนชินปาก ฉันก็เลยต้องเรียกตามเขา วันนี้ฉันไม่ได้ออกไปที่ไร่ เพราะรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยเลยรอเขาอยู่ที่บ้าน

"พ่อเลี้ยงออกไปธุระกับคุณฟ้ามุ่ยเจ้า เห็นว่าแม่เลี้ยงป๋ายฟ้าแม่ของคุณฟ้ามุ่ยให้มาตามเจ้า"

"ขอบคุณนะคำหล้า มีอะไรก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการหาอะไรกินเอง"

"เจ้า" คำหล้าเดินออกไปฉันก็นั่งเบื่อๆ อยู่คนเดียว เพราะแม่เขากับนับดาวและคุณอาทิตย์กลับไปนานแล้ว ฉันจึงรู้สึกเหงาไม่ค่อยมีเพื่อนคุยเท่าไร เพราะพ่อเลี้ยงตะวันก็ยุ่งอยู่กับงานที่ไร่

ผมเดินทางไปที่ไร่ของแม่เลี้ยงป๋ายฟ้า เพราะที่ไร่ของเธอกำลังประสบกับปัญหาโรคราน้ำค้าง ซึ่งเป็นโรคที่กำลังระบาดรุนแรงในไร่องุ่นเวลานี้ พอมาถึงไร่ผมก็พอเดาออกว่ามันรุนแรงมากพอสมควร ผมจึงสั่งให้คนงานจัดการกับกิ่งใบที่เป็นโรคนำไปฝังและเผาให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการระบาดไปที่แปลงอื่น

"ขอบคุณพ่อเลี้ยงตะวันมากนะ ที่มาธุระช่วยจัดการให้" ความจริงปัญหาแค่นี้ แม่เลี้ยงสั่งคนงานจัดการเองก็ได้ แต่นางอยากให้ฟ้ามุ่ยได้ใกล้ชิดกับพ่อเลี้ยงตะวันมากกว่า จึงตามเขามาจัดการให้ที่ไร่ โดยให้ฟ้ามุ่ยไปรับพ่อเลี้ยงตะวันถึงไร่เอง

"ไม่เป็นไรครับแค่นี้เองผมยินดีครับ"

"พ่อเลี้ยงไปทานข้าวก่อนนะคะ คุณแม่ลงมือทำอาหาร เพื่อเป็นการขอบคุณพ่อเลี้ยงโดยเฉพาะเลยนะคะ" ผมคงเลี่ยงไม่ได้และต้องทานอาหารที่นี่ ความจริงผมกะว่าจะมาแป๊บเดียวแล้วจะรีบกลับ ป่านนี้นาราคงรอผมแย่ แถมผมยังติดรถฟ้ามุ่ยมาอีก เมื่อทานข้าวเสร็จแม่เลี้ยงก็ชวนคุยโน่นนี่ ส่วนฟ้ามุ่ยก็คอยบริการเครื่องดื่มผลไม้ป้อนผมพัลวัน

"อีกสองวันไร่เราจะจัดงานเลี้ยงฉลองที่ฟ้ามุ่ยจบถึงดอกเตอร์ จากเมืองนอกเมืองนา หวังว่าพ่อเลี้ยงคงให้เกียรติมาร่วมงานนะ"

"ด้วยความยินดีครับแม่เลี้ยง"

"นาราเปิดประตู นารา นาราเปิดประตูหน่อยสิ นารา" ผมยืนเคาะเรียกเธอประมาณสิบนาที เธอก็ไม่ยอมเปิด ผมเลยไปหยิบกุญแจสำรองมาเปิดเข้าไป ปรากฏว่าเธอหลับแล้ว หลับทั้งที่มีคราบน้ำตาผมเอามือปาดน้ำตาออกจากแก้มใสให้เธอเบาๆ คำหล้าบอกว่าเธอยังไม่ทานอะไรเลยตั้งแต่มื้อเที่ยง ผมรู้สึกผิดที่ทำให้เธอต้องรอ ผมเลยลงมาในครัวแล้วทำข้าวไข่เจียวให้เธอ ถึงมันจะเป็นเมนูง่ายๆ แต่มันก็พิเศษเพราะผมใส่ใจลงไปด้วย ก่อนจะเอาขึ้นมาให้กับเธอ

"นาราลุกมาทานข้าวก่อนเร็ว ทานข้าวแล้วค่อยนอน" ผมพูดพร้อมทั้งเขย่าที่ตัวของเธอเบาๆ

“อืม!” เธอครางออกมาจากลำคออย่างรำคาญ

"ลุกมา ถ้าไม่ลุกฉันจะจับเธอปล้ำเดี๋ยวนี้เลย จะลุกไหม" เมื่อเธอไม่ตอบผมเลยเดินเข้าใกล้แล้วแกล้งทำเป็นล้มตัวลงนอนข้างเธอ นารารีบติดตัวลุกขึ้นทันที ผมตลกกับท่าทีของเธอที่งอนผมอยู่ แต่ก็กลัวว่าจะถูกปล้ำด้วย

ความจริงฉันจะลุกนานแล้ว หิวก็หิว แล้วกลิ่นไข่เจียวนั่นมันได้หอมตลบอบอวลไปทั่วห้อง ฉันก็แค่กลัวเสียฟอร์มก็เลยแกล้งหลับต่อ แต่เมื่อเขาพูดแบบนั้นฉันก็เลยรีบลุกขึ้น แล้วหยิบจานข้าวมานั่งกินที่โซฟา

ก่อนที่เขาจะหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ฉันนั่งทานข้าวต่อแต่มันก็อร่อยดี หรือเป็นเพราะฉันหิวก็ไม่รู้มันเป็นไข่เจียวที่อร่อยที่สุดในโลก ที่ฉันเคยกินมาเลย ฉันรับประทานจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือข้าวสักเม็ด จากนั้นตาลุงนั่นก็เดินออกมาจากห้องน้ำ

"ทานข้าวเสร็จแล้วก็วางจานไว้ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องเก็บมันดึกแล้ว" ฉันไม่ได้พูดตอบอะไรเขาไป แต่ได้เดินตรงไปที่เตียง จังหวะที่ฉันกำลังจะล้มตัวลงนอน เสียงทุ้มของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง

"อย่าเพิ่งนอนเพิ่งทานข้าวเสร็จอาหารยังไม่ย่อยมาคุยกันก่อน" ฉันลุกนั่งพิงกับหัวเตียงอยากรู้เหมือนกันเขาจะคุยอะไรกับฉัน

"อีกสองวันจะพาไปงานเลี้ยงเตรียมตัวเอาไว้" ฉันนึกว่าเขาจะพูดเรื่องวันนี้เสียอีก ไปกับคุณฟ้ามุ่ยมาทั้งวัน ทำไมไม่ชวนเขาไปก็ไม่รู้ไม่ต้องมาชวนฉันเลย

"ไปในฐานะอะไร" ที่ฉันพูดออกไปแบบนั้นเพราะยังงอนเขาอยู่

"ในฐานะเมียของพ่อเลี้ยงตะวัน" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมาก ตอนนี้หัวใจฉันมันเริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ที่ฉันไม่อยากบอกใครว่าฉันเป็นอะไรกับเขา ก็แค่อยากแน่ใจว่าเขาพร้อมที่จะรับฉันเข้ามาในชีวิตของเขาหรือยัง ไม่ใช่เป็นแค่เพียงเมียในข้ออ้าง ที่ตีตราในทะเบียนสมรส เพราะกระดาษแผ่นเดียวมันการันตีความสัมพันธ์ของคู่ชีวิตไม่ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักต่างวัยของเจ้านายจอมเก๊ก