ฉันมาถึงก็ค่ำมืดแล้ว โดยมีแม่กับบาสมารับ แม่ฉันขับรถตอนค่ำไม่ได้ตาไม่ค่อยดี เลยให้บาส เพื่อนสมัยเรียนของฉัน ซึ่งบ้านเราอยู่ติดกันขับมาให้
"สวัสดีค่ะแม่" ฉันพูดพร้อมกับวิ่งเข้าไปสวมกอด ก่อนจะหอมแก้มมารดาซ้ายขวา ฉันคิดถึงแม่ที่สุดในโลกเลย และที่ฉันไม่โทรหาแม่ เพราะหากได้ยินเสียงแม่ มันทำให้ฉันยิ่งคิดถึงมากขึ้น
"คิดถึงหนูที่สุดในโลกเลย ไปกลับบ้านเรา"
"นาราสบายดีนะ" บาสกล่าวทักทายทายขึ้น
"สบายดี ขอบใจมากนะบาส ที่ขับรถพาแม่มารับนารา"
"ไม่เป็นไรหรอก นาราก็เพื่อนเรา แค่นี้เองเรายินดี" ฉันส่งยิ้มบางๆ ให้กับบาสไป ฉันรู้มาตลอดว่าบาสคิดกับฉันมากกว่าเพื่อน แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับบาสมากไปกว่านั้น ฉันจึงพยายามเลี่ยงเขามาตลอด สักพักรถก็แล่นเข้ามาถึงบ้าน ฉันรีบเก็บของเข้าบ้าน ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย มีแค่เพียงกระเป๋าใบเดียวและของใช้อีกนิดหน่อยเท่านั้นเองที่ติดตัวมา
"แม่คะ นาราเอาของไปเก็บก่อนนะ"
"รีบเอาไปเก็บรีบมาทานข้าว บาสทานข้าวด้วยกันก่อนนะ"
"ครับคุณน้า" ฉันรีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง วางกระเป๋าและเก็บของให้เรียบร้อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือมาโทรหาตาลุงนั่น ป่านนี้คงรอฉันโทรหาแย่แล้วมั้ง
ผมเดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้านหลายรอบ ไลน์ไปก็ไม่มีสัญญาณ โทรไปก็ไม่รับผมหงุดหงิดมาก อะไรของเธอเนี่ย นี่ก็ปาไปเกือบจะสองทุ่มแล้ว นารายังไม่ติดต่อมาเลย ผมเริ่มใจคอไม่ดีเป็นห่วงเธอมาก แล้วอยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ผมรีบกดรับทันที
"นี่ฉันบอกแล้วไงว่าถึงแล้วให้รีบโทรมา โทรไปก็ไม่รับชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย แล้วถึงนานหรือยัง ใครไปรับ ถึงกี่โมง ตอนนี้อยู่ที่ไหนกับใคร"
"โอ๊ย! ลุง ถามมาเป็นชุดเลยนะ"
"ก็คนมันคิดถึงเมียนี่นา คิดถึง คิดถึง คิดถึง..คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย เป็นห่วงมากด้วย!"
"คิดถึงเหมือนกัน"
"คิดถึงมากกว่า คิดถึงเมียที่สุดของที่สุดเลย!"
"โอ๊ย!! ลุง อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ ไม่ต้องมาพูดแบบนี้เลย ฟังดูแล้วมันขัดๆ ยังไงไม่รู้อ่ะ”
"นาราแม่ให้มาตามไปกินข้าว"
"แป๊บหนึ่งนะบาส เดี๋ยวตามลงไป"
"นั่นมันเสียงผู้ชายนี่! บาสเนี่ยใคร"
"เอ๋อบาส.." อ้าว! สงสัยแบตหมด ยังไม่ได้ตอบตาลุงนั่นเลยว่าบาสเป็นใคร จากนั้นฉันเลยเดินไปชาร์จแบต
ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง เพื่อรับประทานอาหาร เสร็จแล้วค่อยขึ้นมาไลน์คุยกับลุงต่อ ซึ่งอาหารมื้อนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในโลกเลย เพราะฉันไม่ได้รับประทานฝีมือมารดามานาน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ฉันรีบเดินขึ้นไปที่ห้องทันที แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งใจว่าจะไลน์หาลุงหน่อย
“นารา"
"อ้าว! แม่ตามหนูขึ้นมามีอะไรคะ" ฉันถามออกไปด้วยความสงสัยเพราะว่าปกติแม่จะนอนชั้นล่าง
"แม่ขอโทรศัพท์หนูด้วย"
"ทำไมคะแม่ คือหนู.."
"แม่ห้ามหนูติดต่อกับเขาอีก!" แม่หยิบโทรศัพท์ไปจากมือของฉัน ฉันยังคงยืนงง แม่คิดจะทำอะไร แล้วฉันจะติดต่อกับตาลุงนั่นได้ยังไง
ผมไม่สามารถข่มตานอนให้หลับลงได้ ยิ่งติดต่อกับนาราไม่ได้เลย ผมยิ่งกระวนกระวายใจเป็นสองเท่า ไหนจะไอ้ผู้ชายที่ชื่อบาสนั่นโผล่มาอีก เขาไม่ใช่พี่น้องของนาราแน่ เพราะนารามีน้องชายเพียงคนเดียวคือนาที ใช่แล้วนาที ผมบ่นพึมพำคนเดียวเบาๆ เมื่อนึกถึงนาที ผมตัดสินใจวิ่งลงมาจากบ้าน แล้วขับรถออกไปทันที จุดมุ่งหมายของผม คือคอนโดที่ผมยกให้นาที แน่นอนนาทีน่าจะต้องรู้เรื่องนี้ดี
เมื่อขับรถมาถึงผมรีบตรงดิ่งไปยังชั้นที่นาทีอยู่ทันที ผมคุ้นเคยกับคนที่นี่ใคร ต่างก็รู้จักผมดีและผมก็มีคีย์การ์ดสำรองอยู่แล้ว จึงสามารถเปิดประตูห้องเข้าไปได้ทันที ผมพึ่งเข้าใจกับคำว่า พลังแห่งความรักมันช่างมีอานุภาพร้ายแรง ยิ่งกว่านิวเคลียร์หลายร้อยเท่า
"นาที.นาทีอยู่ไหม นาทีอยู่ในห้องหรือเปล่า" ผมร้องเรียกนาทีทันที เมื่อเปิดประตูเข้ามา ผมคิดว่านาทีน่าจะนอนอยู่ในห้อง ดึกป่านนี้แล้วเขาไม่น่าจะออกไปไหน
“ใครวะ! " นาทีลุกขึ้นงัวเงีย เมื่อมีคนเรียกจากข้างนอกห้อง ที่สำคัญคือเขาแปลกใจใครกัน แล้วจะเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง
"นาทีฉันเอง สามีพี่สาวเธอ" เมื่อได้ยินดังนั้น นาทีจึงลุกออกมาจากห้องนอน เปิดประตูออกมาทันที ก่อนจะพบว่าพี่เขยของเขานั่งรออยู่ที่โซฟาตรงหน้าแล้ว
"พี่มาได้ไง พี่หายตัวเข้ามาเหรอ นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะพี่"
"นี่นายมาเรียนหมอมาเพื่อรักษาคนไข้ หรือเรียนมาเพื่อเป็นหมอผีถามอะไรแปลกๆ ฉันขับรถมานะสิ แล้วเนี่ยคีย์การ์ดของฉัน" ผมพูดพร้อมกับวางคีย์การ์ดลงบนโต๊ะ
"แล้วเจ๊ล่ะไม่มาด้วยเหรอ"
"อาทิตย์ไปจัดการให้หน่อยสิ"
"แค่บริษัทกับโรงงานผมก็แทบจะแยกร่างอยู่แล้ว เมียไม่หายไปไหนหรอกน่า เดี๋ยวค่อยตามไปก็ได้ไม่กี่วันเอง" สรุปผมต้องขึ้นเหนือไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่รู้ว่ากี่วันจะเสร็จ ต้องหาสาเหตุอีกหลายอย่าง
ฉันตื่นเช้ามาอากาศดีมาก ฉันเปิดหน้าต่างมองไปยังท้องทุ่งที่มันโล่งเตียน หลังเก็บเกี่ยวทำให้นึกถึงใครบางคนป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง โทรศัพท์แม่ก็ยึดไว้ ไม่เห็นหน้าลุงแค่วันเดียวฉันก็คิดถึงจะแย่แล้ว
"นาราเข้าเมืองไปซื้อของให้แม่หน่อย ตื่นหรือยังสายแล้วนะ" เสียงของแม่ดังแว่วมาจากด้านล่าง ฉันกะว่าจะนอนพักสักหน่อยคงไม่ได้แล้วแหละ
"ค่ะแม่เดี๋ยวหนูลงไป แป๊บหนึ่งค่ะ" ฉันอาบน้ำแต่งตัวสักพักแล้วจึงเดินลงมาข้างล่าง พบว่าแม่กำลังจัดของอยู่ โดยมีบาสช่วยยกโน่นยกนี่ให้
"แม่จะให้นาราไปซื้ออะไรบ้างจ๊ะ"
"รายการทั้งหมดอยู่ที่บาสแล้ว เดี๋ยวให้บาสขับรถไปให้"
"ไม่เป็นไรค่ะแม่ เดี๋ยวนาราขับไปเองเกรงใจบาส"
"จะเกรงใจทำไม ไปได้แล้วเดี๋ยวเราขับรถให้" ฉันยืนเก้ๆ กังๆ ไม่ชอบเลยเวลาออกไปไหนกับบาส เพื่อนบางคนก็ชอบล้อว่าเราเป็นแฟนกัน
"ไปทานข้าวก่อน บาสด้วยมาช่วยแม่ตั้งแต่เช้าแล้ว นาราไปสิตักข้าวให้บาสด้วย"
"ค่ะแม่" ฉันทานข้าวไปบาสก็ชวนคุยไปเรื่อย เขามีเรื่องสารพัดจะคุยกับฉัน แต่ฉันสิไม่อยากคุยกับเขาเลยสักนิด กว่าจะทานข้าวเสร็จก็ปาไปเป็นชั่วโมงแล้ว บาสจึงพาฉันขับรถเข้าไปในเมือง ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง ก่อนจะช่วยกันเลือกซื้อของที่แม่เขียนรายการมาให้ ส่วนมากจะเป็นของไปขายที่ร้านทั้งนั้น
"นาราขอถ่ายรูปหน่อย" "ไม่เอาบาสนาราไม่ชอบถ่ายรูป"
"รูปเดียวเองนะ" ฉันพยายามเลี่ยงแต่บาสก็เซ้าซี้ จนในที่สุดฉันก็ต้องยอมถ่ายรูปคู่กับบาส
"นาราสวยจัง" ฉันเพียงแค่ส่งยิ้มให้บาส ไม่ได้เขินอะไรเลย ก่อนจะนึกอะไรได้ ใช่สิฉันมีวิธีติดต่อกับลุงแล้ว
"บาสนาราขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ"
"ได้สินาราจะโทรหาใครแฟนเหรอ"
"อืม" เมื่อบาสยื่นโทรศัพท์ให้ ฉันก็เดินเลี่ยงออกมาโทรที่ด้านนอก ฉันโทรไปหลายครั้งแต่ก็ไม่มีคนรับสาย เขาไปไหนของเขานะ ในเมื่อเขายังไม่พยายามจะติดต่อกลับมา ฉันก็ไม่ควรจะติดต่อกลับไป เหมือนที่แม่เคยว่าเอาไว้ ฉันรู้จักเขาดีแค่ไหน หรือเป็นฉันคนเดียวที่เป็นฝ่ายวิ่งหาเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักต่างวัยของเจ้านายจอมเก๊ก