วันนี้ผมอยู่ที่ไร่ของเมืองรามทั้งวัน เพื่อปรึกษาเรื่ององุ่นที่มีสารเคมีตกค้าง แถมลืมหยิบโทรศัพท์มาด้วยผมไม่ได้วกกลับไปเอา เพราะคิดว่าจะคุยธุระกับเมืองรามไม่นาน แต่แล้วก็คุยกันจนมืดค่ำ พอมาถึงบ้านก็เกือบสองทุ่มแล้ว ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ปรากฏว่ามีสายเรียกเข้าหลายสาย ซึ่งเป็นเบอร์แปลกที่ผมไม่คุ้นเลย แสดงว่าคนโทรต้องตั้งใจโทรมาผมแน่เลย ผมจึงตัดสินใจโทรกลับไป
“ฮัลโหลสวัสดีครับ"
"สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าเบอร์ใครครับ เห็นโทรมาช่วงเช้าหลายสาย"
“ผมบาสครับ แต่วันนี้ผมยังไม่ได้โทรหาใครเลยนะ อ๋อ..รู้แล้วนารา ต้องเป็นนาราแน่ๆ เลย เพราะเธอใช้โทรศัพท์ของผมในตอนเช้า" แค่ผมรู้ว่าเป็นเบอร์ของใครและคนที่โทรมาคือนารา มันยิ่งทำให้ใจผมมันสั่น ทำไมนาราถึงต้องเอาโทรศัพท์ไอ้หมอนี่โทรมาด้วย
ผมยกโทรศัพท์ออกจากหู ก่อนจะหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดต่ออีกครั้ง เพื่อลดความฉุนเฉียวที่เกิดขึ้นภายในใจของผมที่มีในเวลานี้
"ผมขอพูดกับนาราได้ไหม"
"แป๊บหนึ่งนะครับเดี๋ยวเรียกให้นาราอยู่บนห้อง" พอผมได้ฟังแค่นี้อารมณ์ผมมันก็มาเต็มมาก ไอ้หมอนี่มันชักจะมากไปแล้ว มันเข้าออกห้องนอนเมียผมได้เป็นว่าเล่น สงสัยแม่ยายของผมคงจะให้ท้ายอีกเป็นแน่ ถึงได้กล้าแบบนี้
"นารามีคนโทรมาหาเธอ นอนหรือยัง บาสเข้าไปนะ"
"เข้ามาสิเรายังไม่ได้นอน" นั่นไงเมียผมก็เป็นกับเขาด้วย ให้มันเข้าไปในห้องเฉยเลย แทนที่จะเดินออกมาเดี๋ยวได้เจอดีแน่
"นี่โทรศัพท์สงสัยจะเป็นคนที่นาราโทรหาตอนเช้า" นาราฉีกยิ้มกว้าง เมื่อรู้ว่าปลายสายที่โทรมาคือคนที่เธอกำลังเฝ้ารอและคิดถึงเขาอยู่ในเวลานี้
"ขอบใจมากนะบาส ออกไปก็ปิดประตูให้นาราด้วยนะ" บาสยื่นโทรศัพท์ให้กับนารา ก่อนจะเดินออกไปและเขาก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้กับเธอ
"ฮัลโหลโทรไปตอนเช้าทำไมไม่รับ ไปไหนมา ทำอะไรอยู่ อย่าให้รู้นะว่าไปอ่อยสาวที่ไหน แม่จะตามไปฉีกอกให้หมดเลย" เธอแย่งซีนผมเฉยเลย อยู่ๆ วิญญาณเมียหลวงเข้าสิงเธอหรือไงเนี่ย ผมสมควรจะเป็นคนต่อว่าเธอมากกว่า แต่กลับเป็นเธอที่เป็นฝ่ายต่อว่าผมเสียเอง
“เงียบไปเลยนะยัยจุ้น ไร่องุ่นมีปัญหาบางล็อตส่งออกไม่ได้ แล้วเนี่ยใครใช้ให้เธอเอาโทรศัพท์คนอื่นมาโทร โดยเฉพาะของผู้ชายแถมยังให้เขาเข้าห้องอีกด้วย เธอจะโดนไม่ใช่น้อยเลยนะ"
"แม่ยึดโทรศัพท์ไม่ให้ติดต่อกับลุง นาราเลยยืมโทรศัพท์ของบาสโทรหา คนที่ลุงควรขอบคุณคือบาส ไม่ใช่มาโวยวายต่อว่าเขาแบบนี้"
"แล้วทำไมแม่ต้องยึดโทรศัพท์ด้วยล่ะ ทำไมถึงไม่ให้เราติดต่อกัน"
"นาราก็ไม่รู้แม่คงมีเหตุผลของแม่ นาราเองก็ไม่อยากเซ้าซี้เดี๋ยวแม่จะโกรธเอา"
"แล้วทำไมไม่ซื้อใหม่แป๊บนะ"
"ฮัลโหล! ..ฮัลโหลลุง! อะไรเนี่ยโทรศัพท์บาสนะเกรงใจเขาคุยนานไม่ได้นะ"
“อืม แค่นี้แหละรักนะ เดี๋ยวเสร็จธุระจะรีบโทรหา"
“อืม” "อืม..อะไร" "อืม..แค่นี้แหละลุงเกรงใจเขา" ฉันวางสายจากตาลุงนั่นแล้วเดินลงบันไดมา เพื่อเอาโทรศัพท์ไปคืนบาส
"นารา!" แม่ร้องออกมาด้วยเสียงที่ดังมาก จนทำให้ฉันตกใจรีบเดินตรงไปหาแม่นั่งอยู่ทันที โดยมีบาสนั่งอยู่ข้างๆ ที่โซฟาตัวยาว
"บาสนาราเอาโทรศัพท์มาคืน แล้วแม่เป็นอะไรบาส ทำไมต้องร้องเรียกนาราเสียงดังขนาดนั้น" แม่ไม่พูดอะไร แต่ยื่นโทรศัพท์ของฉันมาให้ ฉันหยิบขึ้นมาดูแค่นั้นแหละ เข้าใจเลยว่าทำไม แม่ต้องร้องออกมาเสียงหลงขนาดนั้น
"โอนเงินเข้าบัญชีให้แล้วนะร้อยล้าน เอาไปซื้อโทรรศัพท์เครื่องใหม่ซะนะยัยจุ้น" ฉันอ่านข้อความในโทรศัพท์ พร้อมทั้งสลิปที่เขาส่งแนบมาด้วย ตาลุงนี่กำลังเล่นบ้าอะไรอยู่ ถ้าแม่ของฉันหัวใจวายตายขึ้นมาจะทำยังไง โอนมาทำไมเยอะแยะก็ไม่รู้
"แม่อุตส่าห์ยึดโทรศัพท์หนูก็ยังหาทางติดต่อกับเขาจนได้นะ แล้วโทรศัพท์นั่นก็เอาคืนไปซะนะ ไม่ต้องไปซื้อใหม่ ให้มันเปลืองตังค์คนอื่นเขา"
"แม่ค่ะ" ฉันพูดเสียงออดอ้อน เมื่อผู้เป็นแม่ทำท่าทางไม่ค่อยพอใจ ที่ตาลุงนั่นโอนเงินเข้ามาให้ฉัน
"ที่แม่ทำแบบนี้ก็เพื่อหนู ผู้ชายที่มีพร้อมทุกอย่างแบบเขา แม่คิดว่าเขาไม่มีทางจริงจังกับลูกสาวของแม่หรอก อีกอย่างเงินนั่นหนูก็โอนคืนเขาไปซะนะ"
"ค่ะแม่ นาราจะโอนเงินคืนไปให้เขาค่ะ"
"แม่ก็คือแม่ของหนู แม่คือคนที่หวังดีและรักลูกมากที่สุด ความสุขของลูกสำคัญที่สุด สำคัญมากกว่าเงินทองพวกนั้น ผู้ชายที่แม่อยากฝากให้ดูแลลูกไม่จำเป็นต้องรวย ขอแค่เขารักและซื่อสัตย์กับลูกของแม่ แม่ก็พอใจแล้ว หนูอายุยังน้อยและต้องเผชิญโลกกว้างนี้อีกมากมาย"
"ขอบคุณนะคะแม่"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักต่างวัยของเจ้านายจอมเก๊ก