สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 10

บทที่ 10 ส่งกลิ่นเหม็นไร้ยางอาย

บทที่ 10 ส่งกลิ่นเหม็นไร้ยางอาย

มู่ซืออวี่หัวเราะเยาะหนึ่งทีก่อนจะเลียนแบบน้ำเสียงตะโกนของมู่ซือเจียว “เข้ามาหาเรื่องเองนะ แล้วข้าด่าเจ้าไม่ได้งั้นรึ รีบไปฟ้องท่านย่าสิ ฟ้องแม่เจ้าด้วย เจ้ายังไม่หย่านมนี่!”

มู่ซือเจียวกรีดร้องพร้อมปรี่เข้ามาหา “ข้าจะฉีกปากเหม็น ๆ ของเจ้าออก นังคนต่ำช้า!”

มู่ซืออวี่เบี่ยงตัวหลบ

เสียง ‘ตึง!’ พลันดังขึ้นมา

ปรากฏว่ามู่ซือเจียววิ่งชนกำแพง

กำแพงทำจากฟางข้าวและโคลนตม มู่ซือเจียวจึงต้องกินโคลนตมเข้าไปในปากไปไม่น้อย

“แหวะ! แหวะ!” มู่ซือเจียวถ่มโคลนที่อยู่ในปากออกมาก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วมองไปทางมู่ซืออวี่ด้วยความโกรธแค้น “วันนี้เจ้ากินยาผิดรึ? ท่านย่าเรียกให้ข้ามาตามเจ้า!”

มู่ซืออวี่เข้าใจว่าเหตุใดมู่ซือเจียวจึงดูแปลกใจ ถึงแม้เจ้าของร่างเดิมมักจะชอบทำตัวโอ้อวด แต่ก็ไม่สามารถเชิดหน้าชูตาเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนในตระกูลของแม่ได้ หากคนในตระกูลมู่สั่งให้นางไปทางทิศตะวันออก นางจะไม่มีทางไปทิศตะวันตก ถ้าตระกูลมู่ขอให้นางกินอึ นางก็ไม่กล้าปฏิเสธ

เจ้าของร่างเดิมเป็นลูกสาวคนที่สองที่ไม่เป็นที่รัก ทว่ามู่ซือเจียวผู้เป็นพี่สาวคนโตนั้นเป็นที่รักของแม่เฒ่าเจียง แม้แต่นิ้วเดียวนั้นมู่ซืออวี่ก็ยังลังเลที่จะสัมผัสพี่สาวผู้นี้

แต่ในที่สุดวันนี้มู่ซืออวี่ก็กล้าที่จะทำแบบนี้กับมู่ซือเจียว

คนขี้ขลาดอย่างมู่ซืออวี่กล้าโกรธนางเช่นนี้ จะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไร

ลู่ฉาวอวี่ยังคงยืนมองอยู่เงียบ ๆ

ในใจเขาราวกับมีกระแสน้ำอุ่นพรั่งพรูออกมา แต่ก็ยับยั้งไว้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ไม่นานนักเขาก็กลับมาสงบเยือกเย็นดังเดิม

ลู่จื่ออวิ๋นกอดคอของมู่ซืออวี่พลางกะพริบตาอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา นางมองไปที่มู่ซืออวี่ด้วยความชื่นชม

ไม่อยากจะเชื่อ! ท่านแม่ช่างเก่งกาจเหลือเกิน

“หากไม่มีธุระก็ไม่ต้องมา บอกข้ามาตามตรง เจ้าต้องการจะทำอะไร!” มู่ซืออวี่กอดร่างกายที่อ่อนแอของลู่จื่ออวิ๋นไว้ไม่ยอมปล่อย

ดวงตากลมโตของลู่จื่ออวิ๋นน่ารักราวกับกระต่ายน้อย ไม่น่าแปลกใจเลยที่นางจะแต่งงานทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการร่ำเรียน ทุกคนต่างเสียดายเมื่อนางไปเป็นภรรยาอย่างเต็มตัวแล้วให้กำเนิดลูกชาย ว่ากันว่าเด็กน้อยเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดในโลก โดยเฉพาะสาวน้อยผู้น่ารักราวกับตุ๊กตาคนนี้

ลู่จื่ออวิ๋นรู้สึกว่าสายตาของมู่ซืออวี่ดูแปลกไป มันไม่ใช่สายตาที่ระอุไปด้วยความเกลียดชังอีกแล้ว ถึงแม้ว่านางจะยังเด็ก แต่นางก็สามารถแยกแยะระหว่างเจตนาดีและเจตนาร้ายได้

“ไม่ใช่ว่าเจ้าได้รับไก่มาใหม่สามตัวแล้วรึ ท่านย่าให้ข้ามาเอาไก่กลับไป” มู่ซือเจียวปัดโคลนบนร่างกายทิ้งพร้อมทั้งกัดฟันสั่ง

“อ้อ เพราะไก่ของข้านี่เอง” มู่ซืออวี่ขำแห้ง “ถือว่าได้รับข่าวดี ข้าได้รับไก่สามตัวจากแม่นางหวังแล้ว ข้าเอามาเพราะต้องบำรุงรักษาเสี่ยวอวิ๋นต่างหาก”

มู่ซือเจียวมองมู่ซืออวี่อีกครั้งด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “นี่เป็นคำสั่งของท่านย่า ไม่คิดว่าเจ้าจะไม่ทำ เจ้าอยากทำให้ท่านย่าโกรธงั้นรึ?”

ลู่ฉาวอวี่คอยเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ข้าง ๆ มู่ซืออวี่มาโดยตลอด พอเห็นแววตาที่ลังเลของมู่ซืออวี่ เขาก็คิดว่านางกำลังหวั่นไหว ความผิดหวังจึงฉายผ่านแววตาของเด็กชาย

เขาแอบหัวเราะอยู่ในใจ ในสายตาของผู้หญิงคนนี้ก็มีเพียงตระกูลมู่ คนในตระกูลมู่บอกว่าพวกเขาเป็นเด็กชั่วร้าย อย่าไปสนใจพวกเขา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้นางจึงไม่สนใจพวกเขา นางควรจะหยุดทำเช่นนี้ได้แล้ว เพราะตระกูลมู่ปฏิบัติกับนางราวกับหมาตัวหนึ่ง ถึงนางจะทำตามคำสั่งเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนตระกูลมู่ แต่เวลาก็ล่วงผ่านไปนานแล้ว นางยังจะยินยอมอยู่อีกหรือ?

มู่ซือเจียวเห็นมู่ซืออวี่ลังเลใจจึงจองหองขึ้นมาอีกครั้ง

คนต่ำช้าคนนี้ไม่กล้าขัดคำพูดของท่านย่า นางถูกท่านย่าดุและเฆี่ยนตีมาตั้งแต่ยังเด็ก ท่านย่าพูดอะไรนางก็ไม่กล้าขัดขืนหรอก

“พวกเจ้านี่นอกจากจะตัวเหม็นแล้วยังไร้ยางอายไม่เปลี่ยน” มู่ซืออวี่พูดขึ้นในที่สุด “ข้าโง่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่งของกินเข้าปากพวกเจ้ามาตั้งนาน ไม่เห็นหรือ ลูกทั้งสองของข้ากำลังรอกิน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย