สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 1128

บทที่ 1128 ตอนพิเศษ (30)

บทที่ 1128 ตอนพิเศษ (30)

แน่นอนว่าชายหนุ่มในหมู่บ้านที่พึ่งมาหาหลิ่วจินเปยต่างรู้สึกขอบคุณที่ไม่ถูกหลอก ทว่าครอบครัวของชายหนุ่มที่เข้าร่วมกองทัพไปแล้วกลับเริ่มกังวลขึ้นมา

ถึงแม้จะไม่ได้เห็นรอยแผลบนตัวหลิ่วจินเปยด้วยตาตนเอง แต่ก็มีชาวบ้านจำนวนมากในที่เกิดเหตุ แต่ละคนล้วนช่างจำนรรจา หลังจากใส่สีตีไข่ลงไปจากรอยแผลก็กลายเป็นถูกตัดนิ้ว

“ตอนไม่เห็นนิ้วกลางของหลิ่วจินเปย ข้าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากไปเพียงไม่กี่วัน เหตุใดนิ้วหายไปนิ้วหนึ่งแล้วเล่า ในความคิดข้า เขาไม่ได้เป็นทหารตั้งแต่แรกแล้ว” ป้าหลี่บรรยายสถานการณ์ของหลิ่วจินเปยด้วยน้ำเสียงเกินจริง

“ป้าหลี่ ตอนนั้นท่านไม่ได้อยู่ที่นี่ เหตุใดดูเหมือนกำลังพูดสิ่งที่ตาเห็นเล่า?”

“ข้าจะไม่อยู่ที่นั่นได้อย่างไร? ข้าอยู่ในลานบ้านและเห็นเหตุการณ์ตอนนั้น! ตอนแรกข้าคิดว่าลูกชายคนเล็กของข้าอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา หากหลิ่วจินเปยพาคนอื่นไป ข้าจะเข้าไปบอกให้พาก้อนทองแก้วตาดวงใจข้าไปด้วย โชคดีที่สวรรค์อำนวยพร นี่เป็นโชคดีของเจ้าก้อนทองของข้า เขาจึงรอดพ้นจากภัยพิบัตินี้”

หลิวจิ่วจู๋สะพายตะกร้าสมุนไพรลงมาจากภูเขา

“จู๋จือ! เจ้าเด็ก เวลานี้ยังมัวไปเก็บสมุนไพรอีก เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” ป้าหลี่ตะโกนบอกหลิวจิ่วจู๋ “เจ้ารีบมานี่เถอะ เกิดเรื่องกับสามีเจ้าแล้ว”

นางเร่งฝีเท้าเสียจนแทบถลาลงไปในแอ่งโคลน

“เกิดอะไรขึ้น?” หลิวจิ่วจู๋ถาม

“หลิ่วจินเปยไม่ได้เข้าร่วมกองทัพตั้งแต่แรก หากแต่โดนคนร้ายจับตัวไป เมื่อครู่พวกเราฉีกเสื้อเขาขาด ร่างกายเขามีแต่รอยแผลเป็นเต็มตัวเชียว คงถูกทุบตีสาหัส ข้าได้ยินว่าก่อนหน้านี้มีคนหลอกคนหมู่บ้านเดียวกันออกไป บอกว่าจะหาเงินได้มากมาย แต่กลับกลายเป็นการลักพาตัว แม้คนหมู่บ้านเดียวกันผู้นั้นไม่อยากไปก็จะถูกทรมานด้วยวิธีต่าง ๆ รวมถึงกินอุจจาระ หักแขนหักขา ตัดลิ้นโยนออกไปเป็นขอทาน”

“ยิ่งพูดก็ยิ่งลึกลับ” คนที่อยู่ข้าง ๆ เผยสีหน้าหวาดกลัว “พวกเขากับคนเหล่านั้นไม่เหมือนกัน พวกเขาไปที่นั่นหลังจากอ่านประกาศจากศาลาว่าการ นอกจากนี้ยังตามคนของทางการไปหลังจากลงทะเบียน”

“บางทีเจ้าหน้าที่ทางการเหล่านั้นอาจเป็นของปลอมก็ได้”

“เป็นไปไม่ได้”

หลิวจิ่วจู๋ได้ยินพวกเขาเริ่มพูดจากระทบกระทั่งกันจึงขัดจังหวะการทะเลาะและเอ่ยถาม “หลิ่วจินเปยผู้นั้นเล่า?”

“หนีไปแล้ว” ป้าหลี่กล่าว “คนในหมู่บ้านหลายคนไปตามจับเขา แต่ยามนี้เขากลับลื่นไหลราวกับปลาเลน”

“ข้าจะกลับบ้านก่อน” หลิวจิ่วจู๋แบกตะกร้าขึ้นหลังแล้วเดินกลับไป

ชาวบ้านมองตามแผ่นหลังของหลิวจิ่วจู๋ เสียงซุบซิบดังไล่หลังนางมา เมื่อป้า ๆ เหล่านั้นมารวมตัวกัน เรื่องที่เอ่ยถึงนางมีเพียงไม่กี่อย่าง เช่น ดวงชะตาขัดแย้งกับญาติทำให้ประสบเคราะห์อะไรเทือก ๆ นั้น

หยางชิงซือวิ่งออกไปจากลานบ้าน เมื่อเห็นหลิวจิ่วจู๋ก็กล่าวอย่างกระวนกระวายใจ “จู๋จือ เจ้าได้ยินหรือยัง? ร่างกายพี่ชายราคาถูกของเจ้าผู้นั้นเต็มไปด้วยบาดแผล ดูเหมือนจะถูกเฆี่ยนตี ไม่ใช่แผลจากการฝึกทหาร”

หลิวจิ่วจู๋พยักหน้าเบา ๆ “ข้าเพิ่งได้ยินมาเมื่อครู่นี้”

“หยางเสี่ยวอวี๋ไปสอบถามข่าวจากหมู่บ้านข้าง ๆ ว่ากันว่าผู้ที่สมัครเข้ากองทัพไม่ได้ไปฝึกที่ค่ายทหาร หากแต่ไปที่อื่น ส่วนไปที่ใดนั้น คนผู้นั้นไม่ได้บอก ตอนนี้หมู่บ้านข้าง ๆ ล้วนกำลังเดือดดาล บอกว่าต้องส่งคนไปหาทางการและถามให้รู้ความว่าเกิดอะไรขึ้น หมู่บ้านข้าง ๆ ไปแล้วสิบคน หมู่บ้านเราไปแปดคน ยังมีหมู่บ้านอื่น ๆ เป็นไปไม่ได้ที่คนมากเพียงนั้นจะหายไปกลางอากาศกระมัง?”

“หัวหน้าหมู่บ้านว่าอย่างไร?”

“เมื่อครู่ข้าเดินผ่านบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน ได้ยินผู้เฒ่าในกลุ่มพูดคุยกันเรื่องนี้ พวกเขาบอกว่าจะไปที่ศาลาว่าการเพื่อสอบถามเรื่องนี้เสียก่อนจะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิด เดี๋ยวจะกล่าวว่าหมู่บ้านเรามีปัญหาเอาได้”

“พวกเราก็ตามไปดูเถอะ”

หลิวจิ่วจู๋ไปเก็บข้าวของแล้วไปที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านกับหยางชิงซือ

ครั้นหัวหน้าหมู่บ้านเห็นเด็กสาวทั้งสอง อย่างไรก็ไม่ยอมให้พวกนางติดตามไปด้วย

“หัวหน้าหมู่บ้าน สามีข้าหายไป ข้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” หลิวจิ่วจู๋ยืนกราน

“แม่นางน้อยผู้หนึ่งจะตามไปทำอะไร? หมู่บ้านเราคนเยอะเพียงนี้ ยังต้องให้เจ้าออกหน้าอีกหรือ? ตอนนี้ยังไม่รู้สถานการณ์ หากมีปัญหาขึ้นมา พวกเรายังต้องดูแลเจ้า เจ้าไม่ต้องไป พวกเราจะจัดการเอง” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว “อีกประเดี๋ยวพวกเราจะไปถามหมู่บ้านข้าง ๆ หากพวกเขาอยากไปก็จะไปด้วยกัน มีคนมากขึ้น ย่อมมั่นใจมากขึ้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ!”

ในเมื่อหัวหน้าหมู่บ้านไม่ให้ติดตามไป หลิวจิ่วจู๋กับหยางชิงซือจึงวางแผนแอบตามพวกเขาไป

หยางเสี่ยวอวี๋ยินดีช่วยพวกนาง เขาไปที่บ้านท่านน้าของเขาเพื่อขอยืมเกวียน

เกวียนบ้านจงซู่เกินถูกหัวหน้าหมู่บ้านยืมไป ตอนแรกท่านป้าจงคิดจะเก็บเงิน แต่หัวหน้าหมู่บ้านโมโหจนถามนางตรง ๆ ว่า นางต้องการลูกชายหรือเงินเพียงไม่กี่อีแปะ หากนางรู้สึกว่าจงซู่เกินไม่คุ้มค่ากับเงินสองสามอีแปะ เช่นนั้นก็จะไม่สนใจช่วยเขาแล้ว

ป้าจงจะเมินเฉยลูกชายของนางได้อย่างไรกัน?

ถึงแม้ลูกชายคนโตของนางจะดูแลนางไปจนบั้นปลายชีวิต แต่นางก็ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูกชายคนรอง เห็นแก่ที่เขาแข็งแรง หากปล่อยเขาหายไปเฉย ๆ นางคงไม่มีที่ให้ร้องไห้ ด้วยเหตุนี้ ป้าจงจึงมอบเกวียนให้พวกเขาใช้

ณ ศาลาว่าการ นายอำเภอโกรธมากเมื่อได้ยินรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา

คหบดีจางที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ย “ท่านน้า คนไม่รู้กฎเกณฑ์เหล่านั้นยังกล้าพลิกโลกอีกหรือ? ท่านปล่อยเขาไปเถอะ หากพวกเขาถามก็บอกว่าเป็นเรื่องของกรมกลาโหม ท่านเป็นขุนนางท้องถิ่น ไม่อาจควบคุมกรมกลาโหมได้”

“พูดเบา ๆ หน่อย หากเกิดการจลาจลขึ้นมา เจ้าจะรับผิดชอบหรือไม่?” นายอำเภอมองคหบดีจาง “ข้าบอกให้เจ้าใจเย็น ๆ หน่อย หมู่นี้เจ้าไม่ได้สร้างปัญหาให้ข้ากระมัง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย