สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 315

บทที่ 315 ท่านยายมาเยี่ยม

บทที่ 315 ท่านยายมาเยี่ยม

เหยาซื่อเก็บผักมาสองกำ แล้วสั่งให้ลู่เหม่ยฉินส่งไปให้บ้านครอบครัวหูซื่อ

ลู่เหม่ยฉินเพิ่งผูกผ้าผูกผมชิ้นใหม่ จึงอยากจะเอาไปอวดหวงอันหนิงและหวงอันจิ้ง นางเดินไปหาบ้านหูซื่อด้วยความร่าเริง

ไม่นานนัก ลู่เหม่ยฉินก็กลับมา

“ท่านแม่ บ้านป้าหูมีแขกมาล่ะ” ลู่เหมยฉินบอก “ได้ยินอันหนิงและอันจิ้งเรียกว่าท่านยาย ยายของอันหนิงและอันจิ้ง เช่นนั้นใช่ยายของอวิ๋นเอ๋อร์หรือไม่?”

เหยาซื่อกำลังล้างผัก ตั้งใจว่าหลังจากล้างเสร็จจะผึ่งให้แห้ง พรุ่งนี้เช้าค่อยส่งให้มู่ซืออวี่ที่ศาลาว่าการ

หลังจากได้ยินคำพูดของลู่เหม่ยฉิน นางพลันหยุดมือจากสิ่งที่กำลังทำ ก่อนจะเอียงหัวแล้วครุ่นคิดพักหนึ่ง “ยายของอันหนิงและอันจิ้งก็คือแม่ป้าหูของเจ้า แม่ป้าหูของเจ้าก็คือแม่เลี้ยงถงซื่อ”

“แม่เลี้ยงหรือ เช่นนั้นก็ไม่ใช่ยาย!” ลู่เหม่ยฉินยกมือขึ้นลูบอกตัวเอง “โชคดี ท่านยายคนนั้นดูค่อนข้างดุร้ายทีเดียว ไม่ใช่ยายของอวิ๋นเอ๋อร์ก็ดีแล้ว”

“แม่เลี้ยงก็เป็นแม่เช่นกัน เจ้าเห็นหลี่จวินในหมู่บ้านหรือไม่ แม่ของเขาก็เป็นแม่เลี้ยง เจ้าก็เห็นว่าเขาถูกแม่เลี้ยงทรมานแทบตาย” เหยาซื่อเอ่ย “แปลกจริง นางมาทำอะไรที่นี่? นางไม่ได้มาที่หมู่บ้านเราหลายปีแล้ว”

“ข้าไปส่งผักสองกำที่นั่น เดิมทีข้าดีใจมาก เห็นบ้านพวกเขามีแขกข้าจึงกลับมา แต่อันหนิงกับอันจิ้งมีท่าทางหวาดกลัวมาก ราวกับว่ากลัวท่านยายคนนั้นสุดหัวใจ”

“เรื่องครอบครัวผู้อื่น พวกเราไม่ต้องไปยุ่งแล้ว ช่างมันเถิด เจ้ามาช่วยข้าล้างผัก พรุ่งนี้นำไปส่งศาลาว่าการ ส่งให้พี่สะใภ้อี้ของเจ้ากิน”

“ศาลาว่าการหรือ ข้านึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะได้ส่งผักไปศาลาว่าการ เจ้าหน้าที่ทางการในนั้นสุภาพกับเรามาก พี่อี้มาเป็นนายอำเภอช่างดีจริง ๆ กระทั่งพวกเรายังได้ความเคารพด้วย”

“คิดอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด มีครอบครัวมู่นั่นเป็นตัวอย่างแล้ว ไม่ต้องเป็นแม่หรอก ต่อให้เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันแต่หากทำความผิดก็จบไม่ดี” เหยาซื่อกล่าว

ณ บ้านครอบครัวหวง

หวงอันหนิงยกไข่ตุ๋นน้ำตาลควันกรุ่นออกมา ประคองด้วยสองมือส่งให้แม่เฒ่าซ่ง

แม่เฒ่าซ่งปรายตามองแวบเดียว ก่อนจะเอ่ยด้วยความรังเกียจ “เหตุใดจึงมีเพียงสองฟอง?”

หวงอันหนิงไม่กล้าเปิดปากพูด เพียงถอยไปสองสามก้าวก่อนจะวางมันลง

หูโม่ลี่ตากผ้าของนางเสร็จก็เริ่มเก็บกวาดข้าวของในลานบ้าน

ในห้องมีเสียงไอดังออกมา เสียงไอขาด ๆ หาย ๆ ราวกับพยายามกลั้นไว้ ทว่ายิ่งกลั้นไว้เท่าใด เสียงที่ดังขึ้นยิ่งทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจเท่านั้น

“เจ้าคนป่วยนั่นยังมีชีวิตอยู่อีกหรือ?” แม่เฒ่าซ่งถามด้วยความรังเกียจ

“ท่านแม่!” หูโม่ลี่เอ่ยด้วยความโกรธ “นั่นเป็นสามีของข้า ลูกเขยของท่านนะ กล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร?”

“ข้าพูดผิดตรงไหน เขามีชีวิตอยู่รังแต่จะเป็นตัวถ่วงเจ้า หากเขาตายไปแล้ว เจ้ายังสามารถหาสักคน…”

“ท่านแม่!” หูโม่ลี่โยนไม้กวาดในมือลงบนพื้นด้วยความโกรธ “ท่านมาเยี่ยมข้า ข้าขอบคุณท่านมาก ตอนนี้ท่านทานอะไรแล้วก็ไปเสียเถอะ ก่อนที่ฟ้าจะมืด ถนนหนทางยังพอเดินได้ง่าย หากล่าช้าไปจะเดินได้ยากแล้ว”

“นี่เจ้าไล่ข้ารึ?” แม่เฒ่าซ่งโยนตะเกียบในมือทิ้งด้วยความโกรธ “ข้าเป็นแม่แท้ ๆ ของเจ้า เจ้ามันลูกสาวอกตัญญู ไม่ได้พบหน้ากันหลายปี ถึงกลับกล้าไล่แม่แท้ ๆ ไป!”

“ไม่ได้พบหน้ากันหลายปีแล้ว ท่านแม่กลับด่าลูกเขยทันทีที่มาถึง ไม่คิดถึงจิตใจของข้าเลยหรือ?”

“แต่ก่อนนิสัยใจคอราวกับซาลาเปา ไม่ว่าข้าจะบีบจะคั้นเพียงใดก็ไม่กล้าเถียงข้ากลับ ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งแล้ว กล้าเถียงข้ากลับแล้ว” แม่เฒ่าซ่งตะคอกใส่หวงอันหนิงและหวงอันจิ้ง “ไม่เห็นว่าตะเกียบของข้าหล่นหรือ? ไม่รู้จักไปเอาคู่ที่สะอาดมาให้ข้าบ้างเลยหรือ?”

“ข้าจะไปเอามาเจ้าค่ะ” หวงอันหนิงวิ่งเข้าไปในห้องครัว

หูโม่ลี่สูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะลดเสียงลงแล้วเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านบอกข้าเถอะว่าเหตุใดจึงมาที่นี่”

หลายปีมานี้ไม่ได้เห็นแม่เฒ่าซ่งเลย หากคิดห่วงใยลูกสาวคนนี้จริง ๆ นางคงไม่รอจนกระทั่งตอนนี้ถึงค่อยออกมา

หญิงชราสามารถหาหมู่บ้านสกุลลู่พบได้ หมายความว่านางรู้ความเป็นไปของลูกสาวเป็นอย่างดี ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ นางกลับไม่แสดงออกเลยว่าเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวอย่างไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย