สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 357

สรุปบท บทที่ 357 เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สรุปเนื้อหา บทที่ 357 เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก – สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย โดย Internet

บท บทที่ 357 เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก ของ สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย ในหมวดนิยายจีนโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 357 เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก

บทที่ 357 เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก

“ข้ากลับมาเอาของ” อันอี้หางกล่าวจบ เขาก็เอ่ยกับอันอวี้ “พี่จะส่งเจ้ากลับ”

“ไม่ต้องล่ะ ท่านพี่” นางส่ายหัว “ข้ากลับเองได้”

อันอี้หางไปส่งน้องสาวที่ประตู แล้วกล่าวว่า “ภายหน้าหากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก เจ้าส่งคนมาเรียกข้าที่สำนักบัณฑิตก็พอ แล้วข้าจะมาเอง”

“เดี๋ยวท่านก็ต้องสอบขุนนางแล้ว เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ข้าไม่อยากให้ท่านมาพะวง ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยแล้ว”

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำเรื่องโหดร้ายอะไรอีก อันอวี้ก็ไม่สนใจแล้ว นางไม่ใช่แม่นางน้อยที่ถูกจูงจมูกง่าย ๆ อีกแล้ว

“น้องเขยดูแลเจ้าได้ดียิ่งนัก” อันอี้หางเอ่ย “พี่วางใจแล้ว”

หลังจากอันอวี้จากไป อันอี้หางก็กลับไปที่ห้องของอวี้ซื่อ เขากล่าวนิ่ง ๆ ว่า “ท่านแม่ ต่อไปหากท่านต้องการสิ่งใดก็ให้มาหาข้า ไม่ต้องไปรบกวนน้องสาวข้า นางแต่งออกไปแล้ว นางมีชีวิตของนางแล้ว”

“นางเป็นลูกสาวข้า ต่อไปจะไม่ติดต่อกับข้าแล้วหรือ?” คนเป็นแม่รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

“หากท่านยังเป็นเช่นนี้ รังแต่จะทำให้นางหมดเยื่อใยเสี้ยวสุดท้ายกับครอบครัว นางเป็นลูกสาวของท่าน ไม่ใช่คนรับใช้ที่ท่านสั่งอะไรก็ต้องทำตาม”

อันอวี้กลับไปยังร้านสาวทอผ้า

ฟ่านอวี๋ประหลาดใจ “เหตุใดเจ้ากลับมาแล้วเล่า? อาการของแม่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“นาง…” อันอวี้หลุบตาลง “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อาจารย์ ข้ามาสายไปพักหนึ่ง ดังนั้นวันนี้ข้าจะกลับช้าเสียหน่อย ข้าจะต้องตามทันอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

ฟ่านอวี๋เห็นอันอวี้มีเรื่องหนักใจก็อดที่จะกังวลไม่ได้

ลู่จื่ออวิ๋นดึงแขนเสื้อฟ่านอวี๋ “อาจารย์ไม่ต้องเป็นกังวลนะเจ้าคะ แม่ของน้าอันมักจะวุ่นวายอยู่เรื่อย ครั้งนี้นางอาจโกหกน้าอันตามเคย ไม่ต้องสนใจนางหรอกเจ้าค่ะ”

“เด็กคนนี้ช่างลำบากจริง ๆ” ฟ่านอวี๋พูดขึ้น

“เดิมทีเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้มีท่านลุงเซี่ยที่รักนางแล้ว นางไม่เป็นทุกข์แม้แต่น้อย” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว

“เจ้านี่นะ อายุยังน้อย เหตุใดจึงมีความคิดมากมายเช่นนี้” ฟ่านอวี๋บีบแก้มของลู่จื่ออวิ๋น “งานที่ได้รับมอบหมายวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? นำมาให้ข้าดูซิ”

ลู่จื่ออวิ๋นหัวเราะคิกคักแล้ววิ่งกลับไปยังกรอบผ้าที่ตนกำลังปักอย่างรวดเร็ว

“อาจารย์” ฮั่วอวิ๋นซิ่วในฐานะศิษย์คนโตของฟ่านอวี๋ นางติดตามฟ่านอวี๋ไปยังที่ต่าง ๆ มามากมาย

แน่นอนว่านางรับรู้หลาย ๆ เรื่องของอาจารย์

ในมืออวิ๋นซิ่วตอนนี้ถือผ้าสองพับไว้

“นี่เป็นผ้าที่ท่านอาจารย์เหวินให้มาเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์เหวินกล่าวว่า เขามีสหายที่ทำการค้าเกี่ยวกับผ้า ไม่นานมานี้จึงได้รับผ้าหายากมาหลายพับ นี่เป็นตัวอย่างที่เขานำมาให้อาจารย์ดูเจ้าค่ะ”

ฟ่านอวี๋รับมาด้วยรอยยิ้ม ความอ่อนโยนปรากฏในแววตาของนาง

“ขอบคุณเขาหรือยัง?”

“ขอบคุณแล้วเจ้าค่ะ”

“อืม”

นางลูบผ้าเหล่านั้นอย่างทะนุถนอม

ฮั่วอวิ๋นซิ่วมองฟ่านอวี๋อย่างเป็นกังวล

ในฐานะคนนอก ฮั่วอวิ๋นซิ่วรู้สึกว่าไม่ควรค่าที่ฟ่านอวี๋จะทำเช่นนี้

เหตุใดนางต้องมาเสียเวลาหลายปีให้กับบุรุษที่ไม่รู้จักความรักระหว่างชายหญิงเช่นเขา เห็นได้ชัดว่านางสามารถมีชีวิตที่สุขสบายได้ ไม่ใช่ชีวิตที่มองไม่เห็นอนาคตเช่นนี้

การสอบฤดูใบไม้ร่วงเดือนแปดเวียนมาถึง ลู่เซวียนและอันอี้หางต่างก็เป็นหนึ่งในผู้เข้าสอบ

เพื่อที่จะได้ดูแลลู่เซวียนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ลู่อี้จึงให้จือเชียนคอยติดตามน้องชายเขาเพื่อดูแลเรื่องที่จำเป็นทั่วไป

ฉู่หลิงมองลู่เซวียนขึ้นไปบนรถม้าและรีบยัดยันต์แผ่นหนึ่งใส่มือเขา “ข้าไปที่วัดเพื่อขอสิ่งนี้มาเชียวนะ เจ้าพกติดตัวเอาไว้”

“ขอบคุณสหายฉู่” ลู่เซวียนกล่าว “ตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าก็อย่าไปสนใจคนในสำนักบัณฑิตเหล่านั้นเล่า”

“ข้ารู้แล้วน่า” ฉู่หลิงเอ่ยรับ “ข้าไม่ได้โง่นะ คนที่พูดจาเรื่องเจ้าเสีย ๆ หาย ๆ ตอนนี้ก็มีไม่มากแล้ว ขอแค่เพียงพวกเขาไม่มายุ่งกับข้า ข้าก็จะไม่วุ่นวาย ข้าว่าง่ายใช่หรือไม่?”

อันอี้หางและลู่เซวียนเดินทางไปด้วยกัน

อวี้ซื่อดึงอันอี้หางไปกล่าวกำชับเรื่องต่าง ๆ ราวหนึ่งพันเรื่องได้

เซี่ยคุนหัวเราะ

เขาแตะแก้มตนเองเบา ๆ ความยินดีฉายชัดอยู่ในแววตา

“อันอวี้ นี่เจ้าเป็นอะไรไปหรือ?” ฮั่วอวิ๋นซิ่วถามด้วยความกังวล “มีคนตามเจ้ามาหรือ?”

อันอวี้รีบโบกมือปฏิเสธทันที “ไม่มี”

“เช่นนั้นเจ้า…”

“ศิษย์พี่หญิงฮั่ว ท่านไม่รู้กระมัง?” หญิงปักผ้าตัวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มกริ่มแล้วกล่าวว่า “นายท่านเซี่ยเพิ่งมาส่งนางเมื่อครู่นี้เอง”

“เช่นนั้นเหตุใดจึงตื่นตกใจเช่นนี้เล่า?” ฮั่วอวิ๋นซิ่วถามต่อ

“โธ่ ศิษย์พี่หญิงฮั่ว รอท่านมีคนที่ชอบก็จะรู้เอง”

“กล่าวเช่นนี้ หมายความว่าเจ้ามีคนที่เจ้าชอบแล้วหรือ?” หญิงปักผ้าตัวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยกระเซ้าขึ้นมา

ดูเหมือนฮั่วอวิ๋นซิ่วจะเข้าใจสถานการณ์แล้ว นางเอ่ยอย่างขบขัน “เอาล่ะ เลิกพูดจาเลอะเทอะได้แล้ว รีบทำงานเถอะ!”

ณ เรือนกรุ่นฝัน มู่ซืออวี่รับตั๋วเงินจำนวนสามร้อยตำลึงมา นางเอ่ยกับลู่เจินเจินที่นำเงินปันผลมาส่งให้ “เจ้ายังมีคำพูดใดที่ยังไม่ได้กล่าวอีกหรือไม่? พวกเราคุ้นเคยกันถึงเพียงนี้แต่เจ้ากลับลังเลที่จะเอ่ย”

“ข้าหมั้นแล้ว”

“จริงหรือ? ครอบครัวไหน?” มู่ซืออวี่หัวเราะออกมา

“ครอบครัวที่มีร้านขายของชำอยู่ในเมือง” ลู่เจินเจินกล่าว “เขาชอบมาทานช่วนช่วนที่ร้านเรา ไม่นานเขาก็ตกหลุมรักข้า พ่อแม่ของข้าคิดว่าเขาก็ไม่เลว จึงรับปากไปแล้ว”

“เช่นนั้นยินดีด้วย” มู่ซืออวี่กล่าว “พริบตาเดียวพวกเจ้าก็เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ!”

“อืม” ลู่เจินเจินพยักหน้า “วันแต่งงานที่ถูกกำหนดไว้คืออีกครึ่งปี”

“ถึงตอนนั้นข้าจะต้องไปอย่างแน่นอน” มู่ซืออวี่ระบายยิ้ม

หลังจากลู่เจินเจินกลับไปแล้ว มู่ซืออวี่ก็วางงานในมือลงแล้วบอกจื่อซูกับจื่อเยวี่ยนว่า “วันนี้ข้าไม่ทำงานแล้ว พวกเราไปซื้อวัตถุดิบทำอาหารสักหน่อยดีกว่า คืนนี้ข้าจะลงมือทำอาหารเอง”

“ฮูหยิน อะไรกระตุ้นท่านให้ลงครัวหรือเจ้าคะ?”

“เจินเจินจะแต่งงานแล้ว ข้าจึงรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน หมู่นี้ข้ายุ่งอยู่แต่กับงาน ไม่ได้ใช้เวลากับลูกนานแล้ว ถึงแม้ว่าลูกแต่ละคนจะยุ่งก็เถอะ แต่อย่างไรก็ต้องใช้เวลาร่วมกับพวกเขาบ้าง ไม่เช่นนั้นไม่นานหากเด็ก ๆ เติบใหญ่และหวนกลับมาคิดถึงช่วงวัยเด็กของตนจะคิดว่าช่างจืดชืด ถ้าเป็นอย่างนั้นคงน่าเบื่อมากไม่ใช่หรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย