สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 400

บทที่ 400 ที่แท้เจ้าก็เท่านี้

บทที่ 400 ที่แท้เจ้าก็เท่านี้

หลายวันต่อมา ศาลาว่าการเปิดการไต่สวนอีกครั้ง

ผู้พิพากษายังคงเป็นลู่อี้ โดยมีหลู่เหยียนเป็นผู้ร่วมพิจารณาคดี

ผู้ที่คุกเข่าอยู่ข้างล่างคือหลี่หงซู

หลี่หงซูแต่งกายในชุดเรียบ ๆ ดูซ่อมซ่อมากกว่าปกติ ราวกับหญิงออกเรือนที่ถูกสามีละเลย

นางคุกเข่าอยู่ตรงนั้น พรรณนาเรื่องที่ฟางโจวอวี่ลุ่มหลงอนุเสียจนทำร้ายภรรยาเอก ทั้งยังบอกวิธีที่เขาช่วยอนุที่รักอย่างเจิ้งซินเยว่จ้างวานนักฆ่าอย่างละเอียดอีกด้วย

ไม่นานหลังจากนั้น เซี่ยคุนจึงนำนักการไปยังเรือนวสันต์ที่โอวหยางเจี๋ยทำตัวเสเพลอยู่นี่นั่น จากนั้นจับฟางโจวอวี่ที่ยังเมามายอยู่กลับมา

“ลู่อี้?!” ฟางโจวอวี่เห็นลู่อี้ในชุดขุนนางจึงเดินโซซัดโซเซเข้าไปตบโต๊ะตรงหน้าเขา “เจ้าเป็นใครกัน? คนที่ไม่ได้แม้แต่สอบขุนนาง อาศัยสิ่งใดถึงมาเป็นขุนนางได้? ลู่อี้ เจ้าอย่าคิดนะว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้ คอยดูเถอะ เจ้ากับข้าจะได้เห็นดีกันแน่”

“นักการ ช่วยทำให้ฟางจวี่เหรินสร่างเมาที” ลู่อี้เอ่ยอย่างเยือกเย็น “โบยสัก… ห้าไม้! อย่างไรเสียก็เป็นคนเมา ไม่จำเป็นต้องลงแรงนัก”

นักการรีบเข้ามาจับฟางโจวอวี่

ฟางโจวอวี่พยายามดิ้นรนขัดขืน “ปล่อยข้า! ปล่อยข้า!”

วันนี้มีคนมากมายมารอฟังการพิจารณาคดี พวกเขาเห็นกับตาตนเองว่านายท่านจวี่เหรินผู้สูงส่งถูกตีเสียจนร้องห่มร้องไห้ ด้วยเหตุผลบางประการ พวกเขาไม่รู้สึกสงสารแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกยินดีในความทุกข์ของอีกฝ่าย

ลู่อี้เอ่ยกับหลู่เหยียนว่า “ใต้เท้าหลู่ ข้าน้อยไม่มีทางเลือกจริง ๆ คนผู้นี้เป็นจำเลย หากเขาเมามายเช่นนี้ย่อมไม่เกิดประโยชน์ต่อการไต่สวนของพวกเรา ดังนั้นจำต้องทำให้เขาสร่างเมาเสียก่อน หากใต้เท้าเห็นว่าวิธีการของข้าใช้ไม่ได้ก็ตักเตือนข้าน้อยนะขอรับ”

“ใต้เท้าลู่ไม่จำเป็นต้องถ่อมตน วิธีนี้ดีมาก คราวหน้าข้าคงต้องใช้บ้างแล้ว” หลู่เหยียนสะบัดมือ แสดงสีหน้าราวกับว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องบอกกล่าว

ดวงตาของลู่อี้ยิ้มอยู่ในที

ตอนแรกเขาได้ยินมาว่าหลู่เหยียนเป็นขุนนางที่ซื่อตรง คร่ำครึ ทำอะไรเถรตรงไม่รู้จักยืดหยุ่น บัดนี้ดูเหมือนว่าคำเล่าลือเกี่ยวกับอีกฝ่ายที่ได้ยินมาจะผิดเพี้ยนไปหมด หรือบางทีเจ้าตัวอาจจะตั้งใจแพร่ข่าวลือเช่นนี้ออกไปเองก็ได้

นี่มันจิ้งจอกเฒ่าที่แสร้งทำเป็นหมูกินเสือ*[1] ชัด ๆ!

หลังจากถูกโบยไปห้าไม้ ฟางโจวอวี่สร่างเมาแทบจะทันที

เขามองลู่อี้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ใต้เท้าลู่ นี่หมายความว่าอย่างไร? ข้าเป็นจวี่เหริน พบขุนนางไม่จำเป็นต้องคุกเข่า นับประสาอะไรกับถูกทรมานให้ยอมรับผิดเช่นนี้”

“ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าคุกเข่าและไม่ได้ทรมานให้ยอมรับผิด” ลู่อี้เอ่ยอย่างเย็นชา “เพียงแต่มีคนต้องการฟ้องร้องเจ้า ในฐานผู้ถูกฟ้องร้อง เจ้าไม่อาจเมามายอยู่ตลอดเวลาได้ ข้าหวังดีอยากให้เจ้าสร่างเมาเร็วขึ้น จะได้รีบแก้ต่างให้ตนเอง”

ทันใดนั้น ฟางโจวอวี่จึงมองเห็นหลี่หงซูที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ

ในใจเขาเกิดลางสังหรณ์เลวร้ายขึ้นมาทันที

“เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่?” ฟางโจวอวี่ถามหลี่หงซู

หลี่หงซูหลุบตาลงแล้วเอ่ยว่า “ข้ามาฟ้องท่านอย่างไรเล่า!”

“ฟ้องข้า? เจ้าจะฟ้องอะไร?” ฟางโจวอวี่เอ่ยอย่างเยือกเย็น “ข้าเป็นสามีของเจ้า ถึงแม้เจ้าจะทะเลาะกับข้าก็ไม่จำเป็นต้องมาศาลาว่าการกระมัง! หากพ่อแม่ของเจ้ารู้ เช่นนั้นคงทุกข์ใจยิ่ง”

หลี่หงซูกำมือแน่น

คนในครอบครัวคือจุดอ่อนของหลี่หงซู เมื่อใดก็ตามที่นางคิดอยากจะหนีไปให้พ้นจากฟางโจวอวี่ ก็จะถูกภาระของตระกูลหลี่กดทับไว้ นางจึงไม่อาจตัดสินใจได้เสียที

ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป

ในเมื่อนางกล้ามาปรากฏตัวที่นี่ หมายความว่านางตัดสินใจได้แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย