สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 470

บทที่ 470 มีคนปล้นคุก!

บทที่ 470 มีคนปล้นคุก!

จ้าวซือโยวคุกเข่าลงกลางกลุ่มคน มองโลงศพตรงหน้า

หลีหวางเฟยร้องไห้เสียใจอย่างหนัก หากไม่มีแม่นมเฒ่าคอยพยุงอยู่ข้างกาย เกรงว่ากระทั่งแม้แต่เรี่ยวแรงจะเดินคงไม่มี

วันนี้เป็นวันฝังหลีอ๋อง

ถึงแม้ว่าจ้าวซือโยวจะไม่ใช่จวิ้นจู่แห่งจวนหลีอ๋องอีกต่อไปแล้ว นางก็ยังคงเป็นเครือญาติของจวนหลีอ๋องอยู่ดี ในวันสำคัญเช่นนี้จึงต้องเข้าร่วม เพียงแต่ตำแหน่งของนางถูกผลักไปไว้ข้างหลัง เบียดเสียดกับผู้คนจนไม่รู้สึกถึงความสำคัญของการมีตัวตนเลยแม้แต่น้อย

เมื่อมองดูโลงศพตรงหน้า คืนวันเหล่านั้นที่นางได้ใช้ร่วมกับหลีอ๋องก็ผุดขึ้นมาในหัว

เขาไม่ใช่บิดาผู้ให้กำเนิด ทว่าเขาเป็นบิดาคนเดียวที่อยู่ในห้วงความทรงจำของนาง บิดาที่แท้จริงของนางไม่เคยมาหานางเพียงลำพังหรือมอบของขวัญให้ แน่นอนว่าฮูหยินจ้าวมาพบนางบ่อยครั้ง บางครั้งยังส่งของขวัญมาให้นาง หากนางไม่ได้ยินบทสนทนานั้นเข้าโดยบังเอิญ นางคงไม่สามารถบอกได้ว่าสกุลจ้าวเป็นครอบครัว เพราะท่านอ๋องและหลีหวางเฟยดีต่อนางมากจริง ๆ

“ยังมีบางคนคิดว่าตนเป็นจวิ้นจู่อยู่อีกหรือ!” มีคนกระซิบกระซาบกันเบา ๆ “หวางเฟยไม่มองนางแม้แต่น้อย ไม่มีสถานะจวิ้นจู่แล้ว นางก็ไม่ใช่ดีเด่อะไร”

จ้าวซือโยวหลุบตาลง

คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นบุตรีครอบครัวผู้มั่งมีสกุลจ้าวที่ยังไม่ได้ออกเรือน

ก่อนหน้านี้เมื่อพบนาง แต่ละคนล้วนต้องค้อมคำนับ แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ไร้พิษสง แทบจะอดใจรอยกนางขึ้นไปบนฟ้าไม่ไหว แต่ยามนี้เมื่อนางตกต่ำ นิสัยที่แท้จริงของอีกฝ่ายก็เผยออกมา

ลู่อี้และฟ่านหยวนซีก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน

ลูกน้องของเขาเดินเข้ามากระซิบลู่อี้และและฟ่านหยวนซี “มีคนบุกเข้ามาปล้นคุกขอรับ โชคดีที่คนของเราระแวดระวังไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงวางกลไกไว้ ไม่ปล่อยให้พวกเขาหนีรอดไปได้”

“จับคนที่มาปล้นคุกผู้นั้นได้แล้วหรือยัง?” ฟ่านหยวนซีเอ่ยถาม

“จับได้แล้วขอรับ”

“ดี รอเรื่องทางนี้เสร็จแล้ว พวกเราไปดูสักหน่อย” ฟ่านหยวนซีเอ่ยกับลู่อี้

ลู่อี้พยักหน้าน้อย ๆ

เจี๋ยตู้สื่อหลิ่วเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง เขาดูองอาจและกล้าหาญ ไม่เกรี้ยวกราดหากแต่ทรงพลัง ตอนนี้เขากำลังทำตามพิธีการเพื่อส่งหลีอ๋องเป็นครั้งสุดท้าย

“ในตอนนั้น ฮ่องเต้องค์ก่อนรักพระโอรสองค์เล็กผู้นี้มากที่สุด เอ่ยอย่างไม่ปิดบัง ข้าเป็นคนของกษัตริย์องค์ก่อน ฝ่าบาทวางไว้ข้างกายหลีอ๋อง เป้าหมายคือเพื่อปกป้องเขา แต่ฮ่องเต้ปัจจุบัน… โหดเหี้ยมเกินไป หลีอ๋องมีความเมตตากรุณา ไม่ใช่คู่ต่อกรของเขา หากไม่ใช่เพราะพระราชโองการของฮ่องเต้องค์ก่อน เกรงว่าเขาจะอยู่มาไม่ถึงวันนี้ หลายปีมานี้หลีอ๋องเสื่อมอำนาจลง แม้ลูกจะตายไปคนแล้วคนเล่า เขาก็ไม่ได้กระทำบุ่มบ่าม เขาไม่อยากให้โลกต้องวุ่นวาย ไม่อยากให้คนต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างระส่ำระส่าย คนเช่นนี้ไม่อาจเป็นเจ้าแห่งแผ่นดินได้ เพราะเขาอ่อนแอเกินไป…”

“ข้าเกลียดความอ่อนแอของเขา หากไม่ใช่เพราะเขา ข้าคงไม่เสียลูกชายทั้งสองคนไป ต่อมาข้าช่วยบุตรชายเขาคนนี้ไว้ได้ แต่อีกฝ่ายกลับกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง นี่แย่กว่าสองคนที่ตายตั้งแต่ยังเยาว์เสียอีก…”

หลีหวางเฟยมองโลงศพค่อย ๆ ลงสู่ผืนดิน โดยมีผู้ใต้บังคับบัญชาคอยกลบ

ผู้อื่นอยู่ไกลออกไป จึงไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาเอ่ย

คำกล่าวที่ ‘ผิดอย่างร้ายแรง’ เช่นนี้ เจี๋ยตู้สื่อหลิ่วกล้าเอ่ยเพียงที่นี่เท่านั้น หากออกจากที่นี่แล้ว เขายังคงต้องใช้ชีวิตให้ดีต่อไป

หลังจากฝังหลีอ๋อง ลู่อี้และฟ่านหยวนซีก็ดำเนินการเรื่องที่ทำอยู่ต่อไป

ในเมื่อความชอบครั้งนี้ควรยกให้เจี๋ยตู้สื่อหลิว เช่นนั้นก็ควรมอบจ้าวจื่อโม่ให้เขาจัดการเช่นกัน จ้าวจื่อโม่จะถูกส่งไปยังเมืองหลวง พวกเขาเองก็ต้องกลับไปยังเมืองหลวงเสียที อย่างไรการบรรเทาทุกข์ก็ลุล่วงไปนานแล้ว หากพวกเขายังไม่รีบกลับ ประเดี๋ยวคนขี้หวาดระแวงในวังหลวงผู้นั้นจะคิดว่าพวกเขากำลังสร้างพรรคพวกอยู่ข้างนอกเอาได้

“ครั้งนี้สูญเปล่าแล้ว” ลู่อี้เอ่ย

“ผู้ใดบอกว่าสูญเปล่าเล่า?” ฟ่านหยวนซีเอ่ย “ข้าได้บางอย่างแล้ว”

“เช่นนั้นดียิ่ง”

“เจ้าคิดจะทำอะไรต่อไป? ส่งฮูหยินของเจ้ากลับเมืองฮู่เป่ยก่อนหรือ?”

“แน่นอน ข้าต้องเห็นนางกลับถึงบ้านจึงจะสบายใจ ไม่เช่นนั้นจิตใจข้าคงไม่สงบ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย