สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 487

บทที่ 487 ลู่ฉาวอวี่กลายเป็นสหายร่วมศึกษา

บทที่ 487 ลู่ฉาวอวี่กลายเป็นสหายร่วมศึกษา

มู่ซืออวี่ลงมือทำอาหารมื้อค่ำมากกว่าสิบอย่างด้วยตนเอง

ผู้ใหญ่สองสามคนค่อย ๆ ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศกับสุราชั้นเยี่ยม มื้อค่ำในจวนตระกูลลู่ดำเนินไปอย่างช้า ๆ

หลังลู่ฉาวอวี่ลุกจากโต๊ะ เขาตั้งใจจะกลับไปอ่านตำราที่ห้อง อย่างไรเสีย อีกไม่กี่วันก็ต้องไปสำนักบัณฑิตหลวงแล้ว เขาต้องอ่านตำราให้มากขึ้นจะได้ไม่ห่างชั้นจากบัณฑิตคนอื่น ๆ ซึ่งเรียนที่นั่นมาตั้งแต่ยังเล็ก

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องลู่ฉาวอวี่ต้องไปที่สำนักบัณฑิตหลวง ก็ต้องเท้าความไปถึงฟ่านเหยี่ยน อีกฝ่ายขอให้ฉาวอวี่เป็นสหายร่วมศึกษาของตน ลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานจึงกลายมาเป็นสหายร่วมศึกษาขององค์ชายห้าในที่สุด

มู่ซืออวี่ไม่อยากให้ลู่ฉาวอวี่ไปยังสำนักบัณฑิตหลวง นางรู้ว่าที่นั่นล้วนมีแต่ลูกหลานเชื้อพระวงศ์และบุตรหลานขุนนางใหญ่โตเรียนอยู่ จะต้องมีเรื่องถูกผิดมากมายเป็นแน่ ลู่ฉาวอวี่บอกนางว่าต้องการไปเรียนที่นั่นเพราะมีตำราที่ไม่อาจเห็นข้างนอกรวบรวมไว้มากมาย เพียงข้อนี้ก็คุ้มค่าแล้ว และยังมีอาจารย์หนึ่งคนที่เขาชื่นชมเป็นพิเศษด้วย อาจารย์ผู้นี้แม้แต่ท่านอาจารย์เหวินยังยกย่องเขาไม่ขาดปาก

“น้องหญิง” ลู่ฉาวอวี่เดินเข้ามาหาลู่จื่ออวิ๋น

ลู่จื่ออวิ๋นนั่งอยู่บนชิงช้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ เมื่อนางได้ยินเสียงฉาวอวี่ก็เงยหน้าขึ้นมา

“ท่านพี่”

“วันนี้เจ้าลงไม้ลงมือกับผู้อื่นมาหรือ?” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยถาม

ลู่จื่ออวิ๋นกะพริบตาปริบ ๆ “ลงไม้ลงมืออะไรกัน? ท่านพี่ ท่านพูดถึงเรื่องอะไรน่ะ?”

ลู่ฉาวอวี่คว้าแขนน้องสาวมาเลิกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นรอยช้ำบนข้อมือของนาง

“รอยนี้ข้าไม่ระวังเองจึงได้รับบาดเจ็บ”

“เจ้าอยากให้ข้าสาธยายความแตกต่างระหว่าง ‘รอยช้ำเพราะอุบัติเหตุ’ กับ ‘แผลที่เกิดจากการทะเลาะวิวาท’ หรือไม่?”

“ไม่ต้องหรอก” ลู่จื่ออวิ๋นยกยิ้มอย่างน่ารัก “ท่านพี่ อย่าบอกท่านแม่เลย ท่านแม่เป็นคนใจดีที่สุด หากนางรู้ว่าข้าทะเลาะกับผู้อื่นจะต้องไม่ให้ไปที่หอซือเปาอีกเป็นแน่”

“หากที่นั่นไม่เหมาะกับเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องไปที่นั่น ด้วยความเฉลียวฉลาดของเจ้าแล้ว เหตุใดต้องเป็นนางเย็บปักด้วยเล่า?”

“ท่านพี่ ข้าไม่อยากได้ยินท่านพูดแบบนี้ ท่านแม่ชอบสร้างบ้านทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่กิจของสตรี ส่วนข้าชอบทำงานเย็บปักถักร้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่หญิงส่วนใหญ่เชี่ยวชาญ ท่านแม่ของเรามักจะกล่าวอยู่เสมอว่า สามร้อยหกสิบศาสตร์ ย่อมมีสักศาสตร์ที่เราชื่นชอบและทำได้ดี ท่านคงไม่อาจดูแคลนความชอบของข้าได้กระมัง?”

“หากเจ้าถูกคนรังแกก็บอกข้า” ลู่ฉาวอวี่ลูบหัวนาง “น้องสาวของข้า ผู้ใดก็คิดรังแกไม่ได้ เข้าใจหรือไม่?”

หลังจากดื่มไปได้ไม่กี่จอก ลู่เซวียนก็เปิดปาก “ท่านพี่ พี่สะใภ้ ข้ามีบางอย่างจะบอก”

“อะไรหรือ?” ลู่อี้ถาม

“ข้าอยากแต่งงานกับคุณหนูสกุลเหมียว” ลู่เซวียนเอ่ย “ใต้เท้าเหมียวเป็นสหายร่วมงานข้า เรามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เขาตั้งใจจะยกน้องสาวให้ข้า ข้าเองก็เคยได้พบนางแล้ว นางเป็นสตรีที่เยี่ยมยอดผู้หนึ่ง ดังนั้น…”

มู่ซืออวี่มองลู่เซวียน

เซี่ยคุนเอ่ยกับอันอวี้ “ฮูหยิน ข้าปวดหัวเล็กน้อย ช่วยพยุงข้ากลับไปที่ห้องที”

อันอวี้เชื่อเขาอย่างสนิทใจ “ได้ ๆ”

จือเชียนเองก็หาข้ออ้างปลีกตัวออกไป

ที่โต๊ะอาหารจึงเหลือเพียงพวกเขาสามคน

“เจ้าคิดดีแล้วหรือ?” ลู่อี้เอ่ย “หากสู่ขอแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายหน้า ตราบใดที่ไม่ใช่ความผิดทางฝั่งสตรี พวกเราไม่อาจถอดถอนการหมั้นหมายได้”

“ข้าคิดมานาน ข้าตัดสินใจดีแล้ว” ลู่เซวียนเอ่ย

“การแต่งงานเป็นไปตามคำสั่งของพ่อแม่ ตามการชักนำของแม่สื่อ พ่อแม่สามีจากไปเร็ว ดังนั้นพี่ชายของเจ้าและข้าต้องช่วยพิจารณาเรื่องนี้” มู่ซืออวี่เอ่ย “พวกเราค่อย ๆ สังเกตคุณหนูเหมียวผู้นี้ไปก่อนดีหรือไม่ หากรู้สึกว่านางไม่เลวจริง ๆ และเจ้ายืนกรานว่าจะแต่งกับนาง พวกเราจะเตรียมการให้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย