สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 646

บทที่ 646 ฉาวอวี่จากบ้าน

บทที่ 646 ฉาวอวี่จากบ้าน

ครึ่งเดือนให้หลัง ลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานก็เดินทางออกจากเมืองหลวงไปยังที่ที่พวกเขาต้องเข้ารับตำแหน่ง

ทุกคนยืนอยู่ที่ประตูเมือง เฝ้ามองเงารถม้าค่อย ๆ เลือนหายไป

ซูจือหลิ่วหันไปมองมู่ซืออวี่ “ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”

มู่ซืออวี่กล่าวตอบ “ปกติเจ้าเด็กคนนี้ยุ่งยิ่งกว่าพ่อของเขาเสียอีก แต่ละวันไม่ได้ออกมาพบหน้าผู้คน สิบวันครึ่งเดือนยังพูดจาเพียงไม่กี่คำ บัดนี้เขาจากไปแล้ว จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกวูบโหวงขึ้นมา”

“นั่นเป็นเพราะเมื่อก่อนแม้เขาจะยุ่งเพียงใด ท่านก็รู้ว่าเขาจะต้องกลับมาพักผ่อนที่บ้าน เขาจะกลับมาทานขนมฝีมือท่าน เดินตามทางที่ท่านเดิน บัดนี้เขาไปยังที่ที่ไม่คุ้นเคยแล้ว ท่านไม่รู้ว่าที่นั่นจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่าต้องเกิดความรู้สึกกังวล” อันอวี้เอ่ย “เพียงแต่ฉาวอวี่ก็เหมือนกับพ่อเขา ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงแน่นอน นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ท่านรีบทำความคุ้นเคยโดยเร็วเถิด!”

“พวกเรากลับกันเถอะ” ลู่อี้เอ่ย

เวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ภายในพริบตา เสี่ยวฉาวจิ่งก็คลานได้แล้ว

มู่ซืออวี่ได้รับจดหมายจากลู่ฉาวอวี่ ข้างในจดหมายเขียนถึงสิ่งที่น่าสนใจในการเดินทางครั้งนี้ ทั้งยังเอ่ยถึงเรื่องธรรมเนียมประเพณีของอำเภอที่เขาเข้ารับตำแหน่ง

สรุปได้หนึ่งประโยคคือ ‘ข้าสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง’

“เจ้าคนโกหก” มู่ซืออวี่เอ่ยพึมพำ

“ฮูหยิน เหตุใดท่านจึงกล่าวว่านายน้อยโกหกเล่าเจ้าคะ?” ซางจือถามขึ้นมา

“เขาอยากประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่จะไปอยู่ในที่ที่เจริญรุ่งเรืองเช่นนั้นได้อย่างไร? เกรงว่าจะไปในถิ่นทุรกันดารที่แม้แต่นกก็ยังไม่ขี้น่ะสิ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เด็กนั่นจึงจะสามารถแสดงพรสวรรค์ของเขาได้อย่างเต็มที่”

มู่ซืออวี่ป้อนผลไม้บดให้ลู่ฉาวจิ่ง

เมื่อเห็นซางจือมีสีหน้าเข้าใจจึงกล่าวต่อ “ถึงแม้ข้าจะไม่เข้าใจเรื่องในราชสำนัก แต่ข้ารู้หลักการ ค้นหาความมั่งคั่งจากอันตราย เขากับพ่อของเขาคิดว่าจะซ่อนเรื่องนี้จากข้าได้ ข้าดูโง่งมเพียงนั้นหรือไร?”

“ไม่ว่าเรื่องใดฮูหยินล้วนรู้ทั้งสิ้น เหตุใดท่านไม่เปิดโปงคำโกหกของนายน้อยเล่าเจ้าคะ?”

“เขามีความทะเยอทะยาน ทั้งยังมีอุดมการณ์ ข้าจะรั้งเขาไว้ได้อย่างไร? นอกจากนี้ข้าเชื่อความสามารถของพ่อเขา เรื่องอื่นไม่ต้องเอ่ยถึง อย่างไรลู่อี้ย่อมรับรองความปลอดภัยของบุตรชายได้เป็นแน่ ไม่เช่นนั้นก็คอยดูแล้วกันว่าข้าจะจัดการเขาอย่างไร”

ลู่อี้ที่เดินเข้ามาจากด้านนอกเอ่ยยิ้ม ๆ “ฮูหยินรอบรู้ไปเสียทุกสิ่ง ถึงแม้จะเป็นสามีข้าก็เทียบเจ้าไม่ได้”

“หยุดเยินยอข้าได้แล้ว” มู่ซืออวี่มองเขา “เหตุใดวันนี้ท่านถึงได้กลับมาเร็วนัก?”

“ช่วงนี้ข้าได้หยุดพักผ่อน ได้โอกาสพาฮูหยินและลูก ๆ ออกไปเที่ยวเล่นพอดี”

เมื่อลู่อี้ไปยังห้องตำรา มู่ซืออวี่ก็เรียกจือเชียนมาเอ่ยถามสองสามคำถามจึงได้รู้ว่าหมู่นี้ลู่อี้ถูกเซวียนอ๋องและพรรคพวกของเขากดดันในราชสำนัก และถูกควบคุมในทุกทาง

“ระยะนี้เซวียนอ๋องเริ่มเคลื่อนไหวและทำเรื่องราวมากมาย” มู่ซืออวี่เอ่ย “นายท่านไม่ได้เสียเปรียบใช่หรือไม่?”

จือเชียนตอบ “ฮูหยินไม่ต้องกังวล อีกไม่กี่วัน พวกเขาต้องขอให้นายท่านกลับไปเป็นแน่”

ลู่อี้เดินผ่านเรือนของลู่จื่ออวิ๋น เมื่อได้ยินเสียงฉินดังออกมาเขาจึงชะงักฝีเท้ารั้งอยู่ที่นั่น

“ฝีมือดีดฉินของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์นับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”

บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “คุณหนูใหญ่เปลี่ยนท่านอาจารย์สอนดีดฉินห้าท่านแล้ว ท่านอาจารย์คนปัจจุบันเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ดีดฉินที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้า ได้ยินท่านอาจารย์ฉินผู้นั้นกล่าวว่า พรสวรรค์ของคุณหนูสูงเทียมฟ้า ไร้ผู้ใดเทียบเทียม”

ในระยะเวลาสั้น ๆ เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ในวัยสิบสี่ปีนับวันยิ่งงดงามผุดผ่องขึ้นเรื่อย ๆ พรสวรรค์ของนางเป็นที่ประจักษ์ต่อทุกคน

สกุลลู่ในตอนนี้ นอกจากเด็กสองคนที่ยังเล็กแล้ว ผู้อื่นล้วนมีชื่อเสียงโด่งดังทั้งสิ้น

เพียงแต่เรื่องนี้ก็ทำให้มีปัญหาเช่นกัน นั่นเพราะผู้คนที่มาทาบทามสู่ขอคุณหนูใหญ่สกุลลู่นับวันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งเขาเองยังรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

“ช่วงนี้คุณหนูใหญ่มักออกไปนอกบ้านหรือ?”

“ขอรับ คุณหนูเจี่ยและคุณหนูฉินมักชวนนางออกไปเที่ยวเล่น”

หลังจากที่ลู่อี้ผละไปได้ไม่นาน เสียงฉินก็หยุดลง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย