สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 689

บทที่ 689 เป้าหมายคือนาง

บทที่ 689 เป้าหมายคือนาง

มู่ซืออวี่ยังคงปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในของเรือรบบางส่วน อีกทั้งยังเพิ่มวิธีการใช้งานที่มากขึ้น ดังนั้นถึงแม้ภาพแบบจะถูกขโมยไปก็ไม่อาจส่งผลกระทบใด ๆ ได้

ขณะที่ฉีเซียวกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการกับฆาตกรวิปริตผู้นั้น มู่ซืออวี่ก็รั้งอยู่ที่โรงต่อเรือ ศึกษาเรือลำใหม่กับนายช่างโดยไม่แม้กระทั่งจะกินจะนอน

“ใต้เท้าฉี โรงต่อเรือเป็นฐานลับ ไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้ามา”

เสียงเฟิงเจิงดังขึ้นขัดจังหวะ

มู่ซืออวี่กำลังกำกับดูแลความคืบหน้าของคนงาน เมื่อเห็นฉีเซียวเดินเข้ามาพร้อมกับคนของเขาจึงเอ่ยกับลูกศิษย์ “เฟิงเจิง ไม่ต้องห้ามแล้ว”

แม้อยากจะห้ามก็ไม่อาจห้ามได้ ไม่สู้แสดงความใจกว้างไปเสียเลยเล่า

เฟิงเจิงถอยออกไปด้วยความไม่สบอารมณ์

ฉีเซียวสาวเท้าเข้ามา ส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้นาง

มู่ซืออวี่รับมันไปด้วยความงุนงงแล้วเปิดออกดู

เห็นเพียงตัวอักษรเขียนไว้ข้างในว่า ‘วันที่ห้า*[1] เอาหัวของเถ้าแก่เนี้ยมู่’

“นี่หมายความว่าอย่างไร?” มู่ซืออวี่หันไปมองฉีเซียว

“ฆาตกรวิปริตผู้นั้นเขียน”

“เขาต้องการหัวข้าหรือ?”

“ไม่ผิด” ฉีเซียวจ้องไปที่ศีรษะของนาง “หัวของท่านกำลังตกเป็นเป้าหมาย”

“วันที่ห้า… เช่นนั้นก็พรุ่งนี้น่ะสิ ระยะนี้ข้าอยู่แต่ในโรงต่อเรือ ในเมื่อคนผู้นั้นรู้แผนการเดินทางของข้า การที่ข้ายังอยู่ในโรงต่อเรือ แล้วเขายังกล้าพูดจาหยิ่งผยองได้ถึงเพียงนี้ ดูเหมือนจะคิดว่าโรงต่อเรือของข้าเหมือนสวนหลังบ้านของตนกระมัง เช่นนั้นกลไกเหล่านั้นคงไม่อาจป้องกันอะไรแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะหาที่สงบ ๆ สักแห่งเพื่อรอเขา”

“ท่านอยากออกไปรอเขาหรือไม่?”

“หากข้ารั้งอยู่ที่นี่ คนผู้นั้นก็จะบุกเข้ามา เช่นนี้จะไม่ดึงผู้บริสุทธิ์เข้าไปพัวพันได้ง่าย ๆ หรือ? สิ่งสำคัญคือที่นี่เต็มไปด้วยความลับ หากเขาเข้ามาขโมยข้อมูลไปสองสามหน้า เช่นนั้นข้าจะไม่ต้องร้องไห้หรือ?”

“ได้ พรุ่งนี้ท่านก็ทำตามแผนของข้าแล้วกัน!”

วันถัดมา รถม้านับสิบคันเคลื่อนออกจากที่พักของสกุลลู่

ทุกคันมีคนสองคนนั่งอยู่ราง ๆ คนหนึ่งเป็นสตรี อีกหนึ่งเป็นบุรุษ บุรุษสวมเครื่องแต่งกายของหน่วยลับ สตรีสวมใส่ชุดกระโปรงและสวมหมวกม่านโปร่งบาง ดังนั้นจึงไม่อาจมองหน้าตาได้ชัดเจน

มู่ซืออวี่เปิดม่านออก มองดูรถม้าค่อย ๆ เคลื่อนออกจากประตูเมือง เมื่อเห็นว่าเริ่มออกมาห่างไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ นางก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “ท่านจะพาข้าไปที่ใด?”

“บนภูเขาเยวี่ยหยางมีวัดแห่งหนึ่ง ชื่อวัดเยวี่ยหยาง ที่นั่นควันธูปเทียนขจรขจายไปไกล อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียง ท่านไม่ได้กังวลว่าจะไปเกี่ยวพันผู้บริสุทธิ์หรือ? ที่นั่นปลอดผู้คน ย่อมไม่ดึงผู้บริสุทธิ์ไปเกี่ยวพันอย่างแน่นอน”

“ในเมื่อเป็นวัด เช่นนั้นย่อมมีภิกษุ หากฆาตกรวิปริตผู้นั้นฆ่าภิกษุเหล่านั้นเล่า จะไม่บาปหรือ?”

“ข้าได้เตรียมการไว้แต่เนิ่น ๆ แล้ว ย่อมไม่เปิดโอกาสให้เขาอย่างแน่นอน”

ครึ่งชั่วยามต่อมา รถม้าก็มาถึงวัดเยวี่ยหยาง

“สารถี เจ้าหาที่พักผ่อนเถอะ”

“ขอรับ!”

มู่ซืออวี่บริจาคเงินเพื่อจุดธูปตามปกติ นางกราบไหว้ขอพรพระโพธิสัตว์ที่นี่ด้วยความศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายก็ไปหาภิกษุรูปหนึ่งฟังบรรยายธรรมและสวดมนต์

ฉีเซียวเอ่ยกับท่านเจ้าอาวาสสองสามคำ ท่านเจ้าอาวาสจึงจัดเตรียมอาหารมังสวิรัติให้พวกเขา

หลังจากนั้น พวกเขาก็ไปชมทิวทัศน์ที่ภูเขาด้านหลัง

ทิวทัศน์ด้านหลังภูเขาสวยงามมาก ใต้หน้าผามีต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวชอุ่ม เพียงแค่มองลงไปจากด้านบนก็เห็นได้ว่าภูมิประเทศมีลักษณะสูงชันเป็นอย่างยิ่ง หากเผลอตกลงไป อาจจะกลายเป็นเนื้อเละได้ง่าย ๆ

ขณะที่มู่ซืออวี่กำลังมองลงไปนั้นเอง ฉีเซียวก็คว้าไหล่ของนางเอาไว้ พร้อมกับดึงกระบี่ออกมาจากเอวเพื่อ แทงผู้ที่กระโจนมาด้านหลัง

ที่นั่นมีบุรุษหน้าตาธรรมดาที่สามารถเห็นได้ดาษดื่นอยู่ผู้หนึ่ง

บุรุษผู้นั้นเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร เขาถือดาบขนาดใหญ่เข้ามาหา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย