สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 944

บทที่ 944 หากเขาไม่ฟัง ให้บอกข้า

บทที่ 944 หากเขาไม่ฟัง ให้บอกข้า

“ใต้เท้า พวกเราคือกรมกลาโหม หนังสือบันทึกนี้กล่าวถึงปัญหาน้ำท่วม นั่นไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของเรากระมัง?”

“ตอนนี้ไร้สงคราม พวกเจ้าวัน ๆ ไม่มีอะไรทำจึงให้ไปช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม หรือข้าทำให้พวกเจ้าคับข้องใจแล้ว?” ฉีเซียวเอ่ยเบา ๆ “วัน ๆ เอาแต่อยู่ในค่ายทหาร ฝึกซ้อมอย่างโง่งม ดูซิพวกเจ้าฝึกจนมีสภาพอย่างไรไปแล้ว แม้กระทั่งฝึกท่าเริ่มยังเหยาะแหยะ ขืนเป็นเช่นนี้ ต่อไปรังแต่จะกลายเป็นเสือกระดาษกลุ่มหนึ่งแล้ว อย่างที่ข้ากล่าว นำกองกำลังกลุ่มหนึ่งออกไปช่วยเหลือหมู่บ้านในหนังสือบันทึกช่วยพวกเขาแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเสีย”

“ใต้เท้า พระชายาลู่ต้องการพบขอรับ” ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้หนึ่งเดินเข้ามารายงาน

ฉีเซียวโบกมือ ส่งสัญญาณให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถอยออกไปก่อน

“เชิญพระชายาลู่เข้ามา”

มู่ซืออวี่เดินเข้ามาด้วยการนำทางของทหาร

ทันทีที่นางเข้ามาในห้อง นางก็ปัดมือไปมาด้านหน้าจมูกแล้วเอ่ยขึ้น “ในห้องของท่านมีกลิ่นอะไรน่ะ?”

“กำยาน” ฉีเซียวอ่านหนังสือในมือด้วยท่าทีเกียจคร้าน “ลมอะไรหอบพระชายาลู่มาถึงที่นี่ได้?”

“ลมออกใต้ตกเหนือ” มู่ซืออวี่นั่งลงตรงข้ามเขา “ไม่ได้การ กำยานของท่านกลิ่นฉุนเกินไปแล้ว ข้าทนกลิ่นนี้ไม่ไหว ท่านให้ลูกน้องท่านนำออกไปเถอะ!”

ฉีเซียววางบันทึกในมือลง ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังกระถางกำยาน

เขาหยิบน้ำขึ้นมาถ้วยหนึ่งราดลงไปบนกระถางกำยาน ดับกำยานที่เพิ่งจุดไปได้เพียงครึ่งเดียว

“เรียบร้อย” ฉีเซียวเอ่ย “นับวันยิ่งกระบิดกระบวนขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว! เกรงว่าคงมีเพียงอ๋องลู่ถึงทนเจ้าได้”

“เหตุใดท่านไม่เอ่ยเรื่องปัญหาของตนเองเล่า? บุรุษตัวโตผู้หนึ่ง วัน ๆ ชอบกลิ่นหอมยิ่งกว่าสตรีอย่างข้าเสียอีก หากไม่ใช่เพราะมีผู้ใดอยู่ข้างกาย ข้ายังคิดว่า…”

“คิดว่าอะไร?” ฉีเซียวเงยหน้าขึ้น มองนางด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

มู่ซืออวี่ยิ้มกริ่ม “ไม่มีอะไร”

ฉีเซียวแค่นเสียง “หากเจ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหล คอยดูเถิดว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร”

“ครานี้ข้ามาหา ไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับท่าน” มู่ซืออวี่กล่าว “ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันท่านซื้อม้ายี่สิบตัวจากเรือนพักผ่อนบนภูเขาของข้าใช่หรือไม่?”

“คงใช่กระมัง”

“ม้าเหล่านั้นเป็นม้าป่วย ท่านให้คนของท่านส่งม้าเหล่านั้นกลับไปให้ข้าเถอะ ข้าจะส่งม้าที่ยอดเยี่ยมกว่าให้ในภายหลัง”

“เหตุใดม้าจึงป่วยได้เล่า?”

“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน วันนี้ข้าอยู่ที่เรือนพักผ่อนบนภูเขา สาวน้อยสกุลสิงผู้นั้นก็อยู่ที่เรือนพักผ่อนบนภูเขาเช่นกัน นางเอ่ยออกมาแต่ละข้อล้วนมีเหตุผลชัดเจน ข้าเชื่อในการตัดสินของนาง” มู่ซืออวี่เอ่ย “นอกจากนี้ แม้จะเป็นเรื่องผิดพลาด ข้าก็ยินดีจะเชื่อ อย่างไรเสียม้าก็มีความสำคัญยิ่ง พวกเราไม่อาจมองข้ามไปได้”

“ได้ ข้าจะให้พวกเขาส่งม้ากลับไปให้เจ้าประเดี๋ยวนี้” ฉีเซียวเอ่ยแล้วตะโกนออกไปข้างนอก

ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ด้านนอกรุดเข้ามาทันที

ฉีเซียวอธิบายที่มาที่ไปให้ฟังแล้วให้ผู้ใต้บังคับบัญชาส่งม้ากลับไปยังเรือนพักผ่อนบนภูเขา

หลังจากผู้ใต้บังคับบัญชาออกไปแล้ว มู่ซืออวี่ก็ลุกขึ้นยืน

“เจ้ารีบร้อนอะไร?” ฉีเซียวมองนางอย่างไม่สบอารมณ์ “ที่นี่ของข้ามีน้ำเหนือหรือมีสัตว์ร้ายรึ? เจ้าไม่มีเรื่องร้อนใจไม่มาวัด พูดจบก็จะไปแล้วอย่างนั้นหรือ? พวกเราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันนานเพียงใดแล้ว วันนี้เจ้าก็รั้งอยู่ที่นี่ ลองลิ้มรสอาหารกรมกลาโหมของข้าดูว่าเป็นอย่างไร”

“อาหารในกรมกลาโหมของท่าน…” มู่ซืออวี่บ่นพึมพำ “แตกต่างอะไรจากโรงอาหารของมหาวิทยาลัยกัน?”

ฉีเซียววางหนังสือลง คิ้วขมวดอย่างหมดความอดทน

“อารมณ์ของท่านไม่ค่อยดีนัก” มู่ซืออวี่เอ่ย “มีอะไร? งานในมือจัดการได้ยากหรือ?”

“ไม่มีอะไร” ฉีเซียวกล่าว

“สีหน้าของท่านไม่สู้ดี” มู่ซืออวี่มองเขา “ข้าแนะนำให้เชิญหมอหลวงสักคนมาตรวจอาการดู”

“ไม่จำเป็น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย