“บ้าเอ๊ย”
เย่จิ่งหลานสบถสาปแช่งเสียงดังลั่น จากนั้นแยกเขี้ยวยิงฟัน ขยับมือขวาไปมา
เจ็บจริงๆ
ถ้าเขาไม่เหลือกำลังภายในไว้ปกป้องแขนของตัวเอง เกรงว่าแขนข้างนี้คงจะพิการไปแล้ว
“นายท่าน ท่านไม่เป็นไรนะ”
หวังซุ่นลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
เย่จิ่งหลานกัดฟันแล้วพูดว่า “ยังไม่ตาย”
เขาสะบัดแขนอีกสองครั้ง จากนั้นใบหน้าที่ดุร้ายก็ค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม จากนั้นก็ล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า จุดอย่างชำนาญ สูดเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ของสิ่งนี้ทุบยากยิ่งกว่าเหล็กกล้า ไม่ใช่ของที่จะจัดการได้ง่ายจริงๆ”
“ใช่ไหมล่ะ ท่านควรจะนั่งพักสักพักดีกว่า ไว้เราค่อยคิดหาทางใหม่”
หวังซุ่นใช้แขนเสื้อเช็ดบนแท่นหินข้างๆ จนสะอาด แล้วค่อยๆ พยุงเย่จิ่งหลานไปนั่งที่หิน
เย่จิ่งหลานไม่ยอมรับความจริง เขาโบกมือ และหยิบสว่านไฟฟ้าแบบชาร์จได้ออกมาจากมิติ
“ข้าไม่เชื่อว่าสิ่งนี้ไม่สามารถงัดแงะเปิดได้ แม้ว่าจะทำจากเหล็ก ข้าก็จะเจาะรูให้ได้”
หวังซุ่นเคยเห็นความร้ายกาจของสิ่งนี้แล้ว ในตอนที่สร้างเรือในเป่ยไห่ เย่จิ่งหลานใช้สิ่งนี้บ่อยครั้ง แน่นอนว่าแลกมาด้วยคะแนนสะสมของอินชิงเสวียน คะแนนสะสมในปัจจุบันของเขา สามารถรักษาสถานการณ์ปัจจุบันในชีวิตได้ก็ไม่เลวแล้ว
เดิมทีอยากลงภูเขาไปหาคนไข้สองสามคน ทำการผ่าตัดหน่อย เสียก็แต่คนในอิ๋นเฉิงมีทักษะด้านการแพทย์ดีมาก ชาวบ้านที่นี่จึงยังมีชีวิตอยู่ และมีสุขภาพดีกันทุกคน
น่าสงสารก็แต่วิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของเย่จิ่งหลาน เมื่ออยู่ที่นี่กลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
จึงทำได้แค่ฆ่าคนเลวสามคนในยุทธจักร เพื่อบรรเทาความขุ่นเคืองในใจ
เมื่อเปิดสว่านไฟฟ้า สว่านก็ส่งเสียงดังรุนแรง เย่จิ่งหลานแหย่ไปที่รอยแตกระหว่างประตูหินทั้งสองอย่างแรง
มีเสียงระเบิดดังกึกก้อง ตามมาด้วยแท่งเหล็กหลุดออกมาจากตัวสว่าน เย่จิ่งหลานสบถว่าบ้าเอ๊ย และหลบทันที แท่งเหล็กที่มีเกลียวนั้นได้พุ่งเข้าหาหวังซุ่น เย่จิ่งหลานกระโดดขึ้นเตะ คนจนล้มคว่ำหน้าลงกับพื้นอย่างแรงเหมือนสุนัขกำลังกินอุจจาระ ท่อนเหล็กนั้นก็พุ่งไปแทงต้นไม้ข้างๆ จนถึงโคนต้นทันที
หวังซุ่นก็ตกใจกลัวจนเหงื่อแตกพลั่กทันที หากสว่านนี้โดนเขา คิดว่าอาจจะถูกแทงตั้งแต่หน้าอกไปจนถึงหลัง เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ
เย่จิ่งหลานก็ตกใจเช่นกัน อดไม่ได้ที่จะกลับไปตรวจสอบประตูหินอีกครั้ง แต่กลับพบว่าไม่มีร่องรอยบนหินเลย
“แปลกจริงๆ สิ่งนี้ทำมาจากอะไรกันแน่”
หวังซุ่นส่ายหัวและมองไปรอบๆ
“แปลกจริงๆ สิ่งนี้สามารถเจาะทะลุเหล็กได้ หินก้อนนี้แข็งกว่าเหล็กงั้นหรือ”
เย่จิ่งหลานหยิบบุหรี่อีกมวนออกมา จุดสูบแล้วพ่นควันออกมา พูดว่า “สุดท้ายข้าก็ต้องยอมแพ้ มิน่าล่ะที่ทั้งเฮ่อยวนและโจรเฒ่าหันจะเปิดประตูนี้ไม่ได้ หากสิ่งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องหลอกลวง งั้นก็ต้องรอโอกาสใหญ่”
“นายท่าน แล้วตอนนี้เราจะทำอะไรต่อ”
เย่จิ่งหลานสงบใจ ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ลงเขาไปหาผู้ป่วย ไม่งั้นเราได้อดตายกันพอดี”
หวังซุ่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถามอย่างระมัดระวัง “ฮองเฮากับฮ่องเต้ลงจากภูเขาไปแล้ว ทำไมนายท่านถึงไม่ไปหาพวกเขาล่ะ”
“ไปหาพวกเขาทำ ไปเป็นก้างขวางคองั้นรึ ข้าไม่ได้ว่างขนาดนั้น”
หลังจากที่เย่จิ่งหลานพูดจบ เขาก็เดินตรงลงจากภูเขา
ณ เรือนสี่ประสาน ที่ใจกลางเมือง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...