สรุปเนื้อหา บทที่ 1224 ความคิดที่คาดเดาไม่ได้ – สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel
บท บทที่ 1224 ความคิดที่คาดเดาไม่ได้ ของ สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ในหมวดนิยายโรแมนติก เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย GoodNovel อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“ข้าเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว นั่งกินข้าวก่อน พ่อเจ้าออกไปสักพักแล้ว น่าจะกลับมาเร็วๆ นี้”
กงซวินฮูหยินรีบให้สาวใช้ยกอาหารเข้ามา ขณะที่พูดเฮ่อฉางเฟิงก็เข้ามาแล้วเช่นกัน เมื่อเขารู้ว่าทั้งสองกำลังจะจากไป ก็รีบมาเกลี้ยกล่อมพวกเขา
“น้องเล็กได้กลับมาที่นี่ทั้งที ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องอยู่นานๆ สิบวันครึ่งเดือน ท่านพ่อตัดสินใจสละทางสู่วิถีแห่งสวรรค์แล้ว ทั้งสองสำนักจะหารือรายละเอียดร่วมกัน น้องเล็กไม่ต้องการเห็นท่านพ่อกับผู้อาวุโสเหมยแก้ไขความเข้าใจผิด ให้เราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวหรอกหรือ”
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งจับมืออินชิงเสวียน แล้วถอนหายใจ “ใช่แล้ว เจ้าเป็นลูกของท่านพี่กับพี่หญิงเหมย ถ้าพี่หญิงเหมยเข้ามา แล้วไม่เจอชิงเสวียน นางจะเสียใจแน่ๆ เจ้ารีบร้อนแค่ไหนก็รอแค่ไม่กี่วัน ถ้าจากไปโดยไม่บอกลา พ่อเจ้าคงไม่มีความสุข”
“ใช่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรน้องเล็กกับน้องเขยต้องอยู่ต่ออีกหลายๆ วัน ในเมืองนี้มีสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย วันนี้ข้าจะพาพวกเจ้าไปเดินเล่น”
ยากที่จะปฏิเสธความมีน้ำใจของสองแม่ลูก อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่จิ่งอวี้
เจ้าผู้ครองแคว้นจะอยู่ห่างจากบ้านเมืองตลอดทั้งปีได้อย่างไร อย่าให้เพราะเรื่องของตัวเอง มาเดือดร้อนคนทั้งแคว้นเลย
เย่จิ่งอวี้รู้ดีว่าอินชิงเสวียนกำลังคิดอะไรอยู่ เสด็จอาของเขากลับไปที่เมืองหลวงแล้ว เขาไม่ต้องการทำให้อินชิงเสวียนเสียใจภายหลังเพราะตัวเขาเอง เขาจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ในเมื่อพวกเราออกมาแล้ว เสวียนเอ๋อร์ก็ไม่จำเป็นต้องใจร้อน จะอยู่ต่อไปอีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไร”
จู่ๆ หัวใจของอินชิงเสวียนก็อบอุ่นขึ้น นางพูดเพียงว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าก็รบกวนฮูหยินแล้ว”
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งพูดด้วยท่าทางรักใคร่เมตตาว่า “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ในบ้านของพ่อเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจเพียงนี้ เรากินข้าวกันก่อน แล้วให้ฉางเฟิงพาพวกเจ้าออกไปเดินเล่น ผู้คนที่นี่เรียบง่าย พวกเจ้าต้องชอบแน่นอน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านน้ากงซวิน”
ทั้งหมดรับประทานอาหารง่ายๆ ในบ้าน บรรยากาศอบอุ่น หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เฮ่อฉางเฟิงก็เชื้อเชิญครอบครัวทั้งสามคนไปเดินเล่นที่อิ๋นเฉิง
ภูเขาและแม่น้ำที่นี่สวยงาม ยอดเขาเขียวขจี มีดอกไม้และพืชแปลกๆ มากมายตามริมถนน คนเฒ่าคนแก่หยอกล้อเด็กๆ ผู้หญิงซักผ้าข้างลำธารอย่างสนุกสนาน ทั้งเรียบง่ายและมีชีวิตชีวา
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงบันทึกสวนดอกท้อที่เถาหยวนหมิงเป็นผู้ประพันธ์ ซึ่งทิวทัศน์ที่สวยงามที่กล่าวถึงนั้นคงไม่ต่างจากที่นี่
จากนั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ”
“นางเล็กชอบก็ดีแล้ว ต่อไปที่นี่จะเป็นบ้านหลังที่สองของเจ้า เจ้าอยากกลับมาเมื่อไหร่ ก็สามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ”
“คนที่นี่...รู้วรยุทธ์กันหมดงั้นหรือ”
อินชิงเสวียนรู้สึกพิศวงงุนงงกับปัญหานี้มาโดยตลอด
นี่ดูไม่เหมือนสำนักวรยุทธ์เลยจริงๆ
เย่จิ่งอวี้ก็อยากรู้เกี่ยวกับคำถามนี้เช่นกัน ในความรู้สึกของเขา สำนักวรยุทธ์ควรเป็นเหมือนตำหนักเทพ ไม่ก็เหมือนหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ก็เหมือนสำนักกระบี่สังหาร ที่เหล่าศิษย์สวมชุดเครื่องแบบเดียวกัน เคร่งในกฎ แบบนั้นถึงจะดูเหมือนสำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียง
มุมปากของเฮ่อฉางเฟิงยกขึ้นเล็กน้อย
“แน่นอนว่า ทุกคนในอิ๋นเฉิงฝึกฝนวรยุทธ์ แต่อย่างไรก็ต้องใช้ชีวิต การฝึกฝนวรยุทธ์สามารถต้านทานศัตรูจากต่างถิ่นได้ก็จริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต”
เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะชมเชย “เจ้าเมืองมีความคิดเช่นนี้ได้ ช่างมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลจริงๆ กงซวินฮูหยินก็คงจะเก่งกาจไม่แพ้กัน ไม่เพียงแต่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังมีจิตใจเมตตาปรานี”
เฮ่อฉางเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “น้องเขยยกย่องเกินไปแล้ว ท่านพ่อมักจะบอกว่าคนควรใช่ชีวิตอย่างเต็มที่ บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการ ส่วนแม่ของข้านางเก่งกาจมากจริงๆ”
เฮ่อฉางเฟิงพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “นางไม่เพียงแต่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น ในด้านวรยุทธ์ก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าท่านพ่อ ยังสร้างวรยุทธ์มากมายที่แม้แต่พ่อของข้าและข้าไม่เคยเห็นมาก่อน นางยังฝึกทหารองครักษ์ในเมืองอิ๋นเฉิง พวกเขาทั้งหมดอยู่ภายใต้การบริหารของแม่ข้า ทุกอย่างจึงเรียบร้อยดี”
อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คาดคิดว่ากงซวินฮูหยินที่ดูอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วนางเป็นยอดฝีมือ ดังคำที่ว่า คนจริงไม่แสดงตัวจริงๆ
ทั้งหมดเดินไปพลางคุยกันไปพลาง ตอนที่กลับไปก็ถึงยามเที่ยงวันแล้ว กงซวินฮูหยินไม่อยู่ นางบอกว่าวันนี้มีคนมาตรวจรักษามาก นางจึงไปช่วย
เฮ่อฉางเฟิงถามอีกครั้งว่า “ท่านพ่อกลับมาแล้วหรือ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ คนชุดดำก็โกรธและดุด่าอย่างรุนแรง “แค่เหมยชิงเกอเพียงคนเดียวเจ้าก็ทำอะไรนางไม่ได้ เดิมทีอยากจะสนับสนุนให้เจ้าขึ้นเป็นเจ้าตำหนักเทพ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว”
ฉีอวิ๋นจื่อเม้มริมฝีปากอย่างแรง ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “คืนนี้ข้าจะไปที่ตำหนักเทพอีกครั้ง จะฆ่าเหมยชิงเกอนังแพศยานั่นให้ผู้มีพระคุณอย่างแน่นอน”
คนชุดดำพูดอย่างเย็นชา “เจ้าอย่าเข้าใจผิด เจ้าต่างหากที่ต้องการฆ่าเหมยชิงเกอ ไม่ใช่ข้า”
ฉีอวิ๋นจื่อสะดุ้งเล็กน้อย
“ผู้มีพระคุณต้องการอะไรกันแน่...”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเดาความคิดของข้า เจ้าอยากทำอะไรก็ได้ ข้าแค่เห็นว่าเจ้าน่าสงสาร เจ้าเข้าใจไหม”
“เจ้าค่ะ ขอบคุณผู้มีพระคุณมาก”
ฉีอวิ๋นจื่อกล่าวด้วยความเคารพ
ฉีอวิ๋นจื่อไม่มีทางเดาได้เลยว่าคนชุดดำกำลังคิดอะไรอยู่ คนผู้นี้พูดโดยไม่มีช่องโหว่ เป็นการยากที่จะแยกแยะความตั้งใจที่แท้จริงของเขา
“เฮ่อยวนได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”
คนชุดดำถามอีกครั้ง
ฉีอวิ๋นจื่อไม่กล้าปิดบัง นางก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “เฮ่อยวนถูกฝ่ามือของข้าจริงๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เหมยชิงเกอและฉุยอวี้ก็ถูกวิชาระบำสวรรค์ดาวสีเงินโจมตีเช่นกัน ไม่ทราบว่าวรยุทธ์นี้ร้ายกาจเพียงใด”
คนชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ถ้าอยากรู้ เจ้าก็ไปดูเสียสิ”
คนชุดดำพูดเบาๆ และออกจากหอลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...