“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
อินชิงเสวียนโค้งคำนับและหนีไปได้อีกครั้ง
ขอเพียงไม่ต้องรับใช้เย่จิ่งอวี้ ได้รับบาดแผลเล็ดน้อยก็ถือว่าคุ้มค่า
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเย่จิ่งอวี้ไม่ได้ใจร้าย คิดจะให้ตำแหน่งขุนนางฝ่ายใน และยังตบรางวัลเป็นบ้านหลังใหญ่ให้ ขอเพียงนางพยายามต่อไป ไม่แน่ว่าจะพาเสี่ยวหนานเฟิงออกไปได้
เมื่อกลับถึงที่พักของขันที เสี่ยวอานจื่อและคนอื่นๆ ยังไม่กลับมา
เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุด คืนนี้คงไปเล่นสนุกที่ไหนสักที่
เหล่าขันทีไม่มีความบันเทิงใดๆ ในวังหลวง ความสุขเดียวที่มีก็คือการเดิมพัน
อินชิงเสวียนรู้ว่าเมื่อพวกเขาไม่มีอะไรทำก็จะมารวมกันเขย่าลูกเต๋า ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกตาอีกแล้ว
เมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก็รีบหยิบมือถือสับปะรดออกมา
เมื่อเปิดหน้าจอมือถือก็เห็นภาพกล้องวงจรปิดห้าภาพทันที รวมถึงมุมทั้งสี่ของวังเย็นและห้องโถงใหญ่ที่ตัวเองอาศัยอยู่ด้วย
เสี่ยวหนานเฟิงกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง โดยมีหมัดเล็กๆ สองหมัดยกขึ้นเหนือศีรษะราวกับกำลังยอมแพ้ น่องเล็กๆ งอเหมือนกบตัวน้อย โดยให้ฝ่าเท้าหันเข้ากัน
คิดว่าคงมีแต่เด็กเท่านั้นที่ทำท่ายากๆ ได้ อินชิงเสวียนยิ้มด้วยความเอ็นดู และจูบลงที่หน้าจออีกครั้ง
แม้ว่านางไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดของของเสี่ยวหนานเฟิง แต่เด็กคนนี้ยังคงเป็นชิ้นส่วนหนึ่งในร่างกายของนาง และในตอนนี้ก็เกือบจะเหมือนกับลูกชายของนางเอง นอกจากนี้ เดิมทีอินชิงเสวียนก็ชอบเด็กมากอยู่แล้ว จึงรักเสี่ยวหนานเฟิงมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อมองดูใบหน้ากลมๆ และคิ้วทั้งสองที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตนก็นึกถึงเย่จิ่งอวี้อีกครั้ง
แม้ว่าเสี่ยวหนานเฟิงจะยังไม่โต แต่มองจากใบหน้าของเขา รูปลักษณ์เหมือนกับพ่อของเขามาก
เมื่อนึกถึงนิ้วเย็นของเย่จิ่งอวี้ที่สัมผัสใบหน้าของนาง อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทิ้ม
เป็นมอข้างเดียวกัยกับที่บีบคอเสี่ยวฮว๋ายจื่อจนตาย!
วันหนึ่งเขาจะรัดคอตัวเองตายด้วยหรือไม่
อินชิงเสวียนลูบที่ลำคอของนางโดยไม่รู้ตัว และรีบเก็บมือถือสับปะรด
แขนยังมีอาการปวดตื้อๆ จึงทำให้นอนไม่หลับเลย
อินชิงเสวียนเปลี่ยนท่าทาง ก็นึกถึงสวีจือย่วนขึ้นมา
ไม่น่าแปลกใจที่นางตื่นเต้นมาก เมื่อรู้ข่าวการเสียชีวิตของเจ้าของร่างเดิม รักใครก็รักคนของเขาด้วย
เพียงแต่นางอยากปลดแอกให้กับอินสิงอวิ๋น แต่เป็นไปได้ยากมากจริงๆ
เมื่อดูจากความถี่ของเย่จิ่งอวี้ที่ไปยังหอสุ่ยอวิ้น เขาน่าจะชื่นชอบสวีจือย่วนมากพอควร ไม่แน่ว่าคืนไหนอาจให้นางไปปรนนิบัติ
สวีจือย่วนมีนิสัยเงียบๆ และไม่สู้รบปรบมือกับใคร เป็นทางเลือกที่ดีในการใช้ชีวิตในวังทั้งชีวิต
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเบาๆ ออกมาอีกครั้ง
หากต้องการค้นหาเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับอินสิงอวิ๋น เกรงว่าจะต้องเปิดเผยตัวตนของตัวเอง
ทุกวันนี้ผู้คนในวังรู้จักตัวตนของนางมากขึ้นเรื่อยๆ หากวันหนึ่งถูกเย่จิ่งอวี้รู้เข้า ผลที่ตามมาจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้
อินชิงเสวียนยิ่งคิดก็ยิ่งว้าวุ่น
ชีวิตในวังที่ซับซ้อนแบบนี้ ยากเกินไปสำหรับคนที่ไม่ชอบใช้สมองอย่างนาง
เมื่อถ่มน้ำออกมา อินชิงเสวียนตัดสินใจนอนพักผ่อนก่อน
ถึงฟ้าจะถล่ม การนอนหลับที่ดีก็ช่วยได้
ณ ตำหนักเฉิงเทียน
เย่จิ่งอวี้ได้เปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมชั้นกลางที่สะอาด
เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยเท้าเปล่า จ้องมองเสี่ยวเหลียงจื่อด้วยสีหน้าเรียบๆ
เสี่ยวเหลียงจื่อรู้สึกถึงหนามบนหลัง และเหงื่อเย็นก็ไหลออกมา
“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่รู้อะไรจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
เย่จิ่งอวี้เขาไม่พูดอะไร ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแสนเย็นชา
สาวราวรางกับมองทะลุเสี่ยวเหลียงจื่อไป และมองไปยังที่อื่น
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลุกขึ้นและพูดว่า “ข้ายกโทษให้ ออกไปเถอะ”
เสี่ยวเหลียงจื่อแสดงความดีใจและโค้งคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทันที
“กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาท วันนี้ไม่มีผู้ใดอยู่รับใช้ กระหม่อมจะอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...