สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 128

สรุปบท บทที่ 128 เสด็จพี่รีบไปตามหาเขาสิ: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

ตอน บทที่ 128 เสด็จพี่รีบไปตามหาเขาสิ จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 128 เสด็จพี่รีบไปตามหาเขาสิ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”

อินชิงเสวียนโค้งคำนับและหนีไปได้อีกครั้ง

ขอเพียงไม่ต้องรับใช้เย่จิ่งอวี้ ได้รับบาดแผลเล็ดน้อยก็ถือว่าคุ้มค่า

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเย่จิ่งอวี้ไม่ได้ใจร้าย คิดจะให้ตำแหน่งขุนนางฝ่ายใน และยังตบรางวัลเป็นบ้านหลังใหญ่ให้ ขอเพียงนางพยายามต่อไป ไม่แน่ว่าจะพาเสี่ยวหนานเฟิงออกไปได้

เมื่อกลับถึงที่พักของขันที เสี่ยวอานจื่อและคนอื่นๆ ยังไม่กลับมา

เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุด คืนนี้คงไปเล่นสนุกที่ไหนสักที่

เหล่าขันทีไม่มีความบันเทิงใดๆ ในวังหลวง ความสุขเดียวที่มีก็คือการเดิมพัน

อินชิงเสวียนรู้ว่าเมื่อพวกเขาไม่มีอะไรทำก็จะมารวมกันเขย่าลูกเต๋า ไม่ถือเป็นเรื่องแปลกตาอีกแล้ว

เมื่อไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ก็รีบหยิบมือถือสับปะรดออกมา

เมื่อเปิดหน้าจอมือถือก็เห็นภาพกล้องวงจรปิดห้าภาพทันที รวมถึงมุมทั้งสี่ของวังเย็นและห้องโถงใหญ่ที่ตัวเองอาศัยอยู่ด้วย

เสี่ยวหนานเฟิงกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง โดยมีหมัดเล็กๆ สองหมัดยกขึ้นเหนือศีรษะราวกับกำลังยอมแพ้ น่องเล็กๆ งอเหมือนกบตัวน้อย โดยให้ฝ่าเท้าหันเข้ากัน

คิดว่าคงมีแต่เด็กเท่านั้นที่ทำท่ายากๆ ได้ อินชิงเสวียนยิ้มด้วยความเอ็นดู และจูบลงที่หน้าจออีกครั้ง

แม้ว่านางไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดของของเสี่ยวหนานเฟิง แต่เด็กคนนี้ยังคงเป็นชิ้นส่วนหนึ่งในร่างกายของนาง และในตอนนี้ก็เกือบจะเหมือนกับลูกชายของนางเอง นอกจากนี้ เดิมทีอินชิงเสวียนก็ชอบเด็กมากอยู่แล้ว จึงรักเสี่ยวหนานเฟิงมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อมองดูใบหน้ากลมๆ และคิ้วทั้งสองที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตนก็นึกถึงเย่จิ่งอวี้อีกครั้ง

แม้ว่าเสี่ยวหนานเฟิงจะยังไม่โต แต่มองจากใบหน้าของเขา รูปลักษณ์เหมือนกับพ่อของเขามาก

เมื่อนึกถึงนิ้วเย็นของเย่จิ่งอวี้ที่สัมผัสใบหน้าของนาง อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทิ้ม

เป็นมอข้างเดียวกัยกับที่บีบคอเสี่ยวฮว๋ายจื่อจนตาย!

วันหนึ่งเขาจะรัดคอตัวเองตายด้วยหรือไม่

อินชิงเสวียนลูบที่ลำคอของนางโดยไม่รู้ตัว และรีบเก็บมือถือสับปะรด

แขนยังมีอาการปวดตื้อๆ จึงทำให้นอนไม่หลับเลย

อินชิงเสวียนเปลี่ยนท่าทาง ก็นึกถึงสวีจือย่วนขึ้นมา

ไม่น่าแปลกใจที่นางตื่นเต้นมาก เมื่อรู้ข่าวการเสียชีวิตของเจ้าของร่างเดิม รักใครก็รักคนของเขาด้วย

เพียงแต่นางอยากปลดแอกให้กับอินสิงอวิ๋น แต่เป็นไปได้ยากมากจริงๆ

เมื่อดูจากความถี่ของเย่จิ่งอวี้ที่ไปยังหอสุ่ยอวิ้น เขาน่าจะชื่นชอบสวีจือย่วนมากพอควร ไม่แน่ว่าคืนไหนอาจให้นางไปปรนนิบัติ

สวีจือย่วนมีนิสัยเงียบๆ และไม่สู้รบปรบมือกับใคร เป็นทางเลือกที่ดีในการใช้ชีวิตในวังทั้งชีวิต

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อินชิงเสวียนก็ถอนหายใจเบาๆ ออกมาอีกครั้ง

หากต้องการค้นหาเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับอินสิงอวิ๋น เกรงว่าจะต้องเปิดเผยตัวตนของตัวเอง

ทุกวันนี้ผู้คนในวังรู้จักตัวตนของนางมากขึ้นเรื่อยๆ หากวันหนึ่งถูกเย่จิ่งอวี้รู้เข้า ผลที่ตามมาจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้

อินชิงเสวียนยิ่งคิดก็ยิ่งว้าวุ่น

ชีวิตในวังที่ซับซ้อนแบบนี้ ยากเกินไปสำหรับคนที่ไม่ชอบใช้สมองอย่างนาง

เมื่อถ่มน้ำออกมา อินชิงเสวียนตัดสินใจนอนพักผ่อนก่อน

ถึงฟ้าจะถล่ม การนอนหลับที่ดีก็ช่วยได้

ณ ตำหนักเฉิงเทียน

เย่จิ่งอวี้ได้เปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมชั้นกลางที่สะอาด

เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยเท้าเปล่า จ้องมองเสี่ยวเหลียงจื่อด้วยสีหน้าเรียบๆ

เสี่ยวเหลียงจื่อรู้สึกถึงหนามบนหลัง และเหงื่อเย็นก็ไหลออกมา

“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่รู้อะไรจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้เขาไม่พูดอะไร ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแสนเย็นชา

สาวราวรางกับมองทะลุเสี่ยวเหลียงจื่อไป และมองไปยังที่อื่น

หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลุกขึ้นและพูดว่า “ข้ายกโทษให้ ออกไปเถอะ”

เสี่ยวเหลียงจื่อแสดงความดีใจและโค้งคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทันที

“กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาท วันนี้ไม่มีผู้ใดอยู่รับใช้ กระหม่อมจะอยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”

“ข้านึกขึ้นได้ว่าต้องไปส่งของที่หอสุ่ยอวิ้นให้แก่นายหญิง เมื่อคืนพวกเจ้าเล่นสนุกกันถึงดึกสินะ รีบนอนเถอะ”

เสี่ยวอานจื่อหัวเราะแหะๆ และหยิบตั๋วเงินออกมาจากหน้าอกสองร้อยตำลึง

“เมื่อคืนข้าโชคดีมากทีเดียว ชนะพนันได้เงินมาสี่ร้อยตำลึง ข้าให้เจ้า”

อินชิงเสวียนอบอุ่นหัวใจ ยิ้มและพูดว่า “ข้าไม่เอา เจ้าเก็บไว้เถอะนะ”

เสี่ยวอานจื่อยัดเข้าไปในแขนเสื้อของนาง พูดด้วยน้ำเสียงเฉียบคม “รับไว้เถอะ ถือเป็นน้ำใจที่ข้าให้กับเด็กๆ หากเจ้าไม่รับไว้ ก็จะถือว่าไม่เห็นข้าเป็นพี่น้อง”

อินชิงเสวียนต้องรับไว้อย่างปฏิเสธไม่ได้ ต่อไปมีโอกาสค่อยตอบแทนเสี่ยวอานจื่อ หรือให้เงินเขามากขึ้นในตอนที่เขาต้องการมัน

“เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ ไม่อยากให้พระสนมต้องรอ”

“ไปเถอะๆ”

เสี่ยวอานจื่อถอดรองเท้าออก และขึ้นไปนอนลงบนเตียง

ณ วังชิงฮว๋า

เย่ไห่ถังกำลังเล่นว่าวอยู่ในลานบ้าน เย่จิ่งอวี้นั่งอยู่ในศาลาด้านข้าง มองดูน้องสาวด้วยรอยยิ้ม

ไม่นานนัก ว่าวก็ถูกแขวนติดอยู่บนต้นไม้

เย่ไห่ถังโกรธมากจนกระทืบเท้า นางทำหน้ามุ่ยแล้วพูดว่า “ว่าวตัวนี้เล็กเกินไป ต้านลมไม่ได้เลย”

นางเดินมาด้านหน้าศาลา ดึงแขนของเย่จิ่งอวี้แล้วพูดว่า “เสด็จพี่ เสี่ยวเสวียนจื่อที่อยู่กับท่าน บอกว่าจะส่งว่าวตัวใหญ่ให้ข้า บังเอิญวันนี้ไม่มีอะไรทำพอดี ท่านให้เขานำมาส่งให้ข้าเถอะ และจะได้ทำเปี๊ยะกินด้วยนะเพคะ”

เย่จิ่งอวี้เหยียดนิ้วออกและเกาสันจมูกของน้องสาว

เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เอ็นดู “เจ้าแมวน้อยจอมละโมบ ข้าเกรงว่าวันนี้คงไม่ได้แล้ว แขนของเขาได้รับบาดเจ็บและเขาคงทำเปี๊ยะไม่ได้”

เย่ไห่ถังอ้าปากเล็กๆ ด้วยความตกใจ

“หา! ผู้ใดช่างกล้าทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ”

เย่จิ่งอวี้พูดด้วยรอยยิ้ม “เขาล้มเองโดยไม่ได้ตั้งใจ”

เย่ไห่ถังทำเสียงอ๋อ และพูดขึ้นอย่างออดอ้อน “เช่นนั้นให้ว่าวกับข้าได้หรือไม่ เสด็จพี่โปรดส่งคนไปตามหาเขาด่วนเพคะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์