อ่านสรุป บทที่ 174 ข้าอาจช่วยเจ้าได้อีกแรง จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ โดย GoodNovel
บทที่ บทที่ 174 ข้าอาจช่วยเจ้าได้อีกแรง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย GoodNovel อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
นางใช้แรงหนีบหลังม้าไว้ แล้วรีบเลี้ยวเข้าไปในตรอกข้างๆ อย่างรวดเร็ว
สรุปว่าจะไปหาจอมพลเฒ่ากวน หรือจะไปจวนอ๋องเพื่อตามหาเย่จั้น
เมื่อมองดูผู้คนที่ผ่านไปมา อินชิงเสวียนรู้สึกลังเลเล็กน้อย
และเมื่อคิดไตร่ตรองดูแล้ว นางตัดสินใจไปยังจวนอ๋อง
เย่จั้นเป็นลุงแท้ๆ ของเย่จิ่งอวี้ และทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก แม้ว่าเย่จิ่งอวี้รู้อะไรบางอย่าง ก็ไม่อาจตัดสินโทษเย่จั้นให้ถึงแก่ความตาย ส่วนตัวเองก็ใช้เหตุผลในการขอบคุณสำหรับชาคั่วเป็นข้ออ้าง
จอมพลเฒ่ากวนกลับไม่เป็นเช่นนั้น เย่จิ่งอวี้มีความสงสัยในตัวเขาแล้ว หากเขาถูกจับได้ คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะปกป้องตัวเอง และเขาอาจจะปล่อยให้เย่จิ่งอวี้ใช้เรื่องนี้เป็นข้อแก้ตัว
อินชิงเสวียนรีบมายังร้านเสื้อผ้าเพื่อซื้อชุดเสื้อผ้าธรรมดา นำม้าไปฝากไว้ยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง และรีบมุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องจิ้ง
ประตูของจวนอ๋อง ทหารเกราะแดงสองนายยืนขนาบทั้งสองข้าง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็รีบพูดขึ้นเสียงเข้ม
"มาทำสิ่งใด?"
อินชิงเสวียนรุดหน้าหนึ่งก้าวและพูดว่า "ข้ามาหาท่านอ๋อง ข้าจะขอพี่ทหารทั้งสองช่วยรายงานด้วย หากท่านอ๋องเห็นสิ่งนี้ พระองค์จะต้องมาพบข้าแน่นอน"
อินชิงเสวียนยื่นผ้าที่มีข้อความให้
หนึ่งในสองคนนั้นยื่นมือมารับ เมื่อเหลือบมองก็พูดขึ้นว่า "รอก่อน ข้าจะไปรายงานให้"
หลังจากนั้นไม่นาน คนนั้นก็วิ่งออกมา
"เชิญตามข้ามา"
"ขอบคุณมาก"
อินชิงเสวียนติดตามทหารชุดเกราะสีแดงเข้าไปในสวนด้านหลัง และเห็น ท่ามกลางท้องพระโรงที่งดงามเฉพาะตัว เย่จั้นกำลังดื่มชาอยู่พอดี
"พวกเจ้าออกไปก่อน"
เขาวางถ้วยชาลง และโบกมือให้กับสาวใช้ข้างกาย
ทุกคนต่างพากันทยอยออกไป และปิดประตูห้องลง
เมื่อเผชิญหน้ากับชายแปลกหน้าเช่นนี้เพียงลำพัง อินชิงเสวียนยังคงตื่นเต้นเล็กน้อย
นางพยายามหายใจให้สม่ำเสมอและพูดอย่างสงบ "คาดว่าท่านอ๋องทรงทราบว่าหม่อมฉันคือผู้ใด เช่นนั้นหม่อมฉันจะพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ทราบว่าท่านอ๋องส่งหนังสือให้หม่อมฉัน หมายความว่าอย่างไรเพคะ?"
เย่จั้นยิ้มเบาๆ และพูดขึ้น "ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ เจ้ากล้ามาพบกับข้า เชื่อว่าเจ้าต้องมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว"
อินชิงเสวียนตื่นเต้นเล็กน้อย "จริงดังนั้นเพคะ... ท่านพ่อให้ท่านอ๋องมอบให้หม่อมฉันงั้นหรือเพคะ?"
เย่จั้นพยักหน้าเบาๆ "เป็นเช่นนั้นแล"
เขาชะงักไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นว่า "หลายวันก่อน แม่ทัพอินได้รับข่าวการเสียชีวิตของเจ้า ทำให้เขาล้มป่วยหนัก เมื่อรู้ว่าข้าจะเสด็จเข้าเมืองหลวง จึงแบกสังขาลที่ป่วยหนักเพื่อมาพบข้า ไม่แน่ว่าเจ้าสองพ่อลูกมีจิตใจเชื่อมโยงกัน เขาไม่เชื่อว่าเจ้าตายไปแล้ว จึงเขียนข้อความลงบนผ้าผืนนี้เพื่อให้ข้านำติดตัวไป"
เย่จั้นเหลือบมองอินชิงเสวียน และพูดต่อ "ข้ามาถึงเมืองหลวงก็คือว่าเจ้าตายไปแล้วจริงๆ แต่คืนนั้นข้าได้พบกับจอมพลเฒ่ากวนโดยไม่คาดคิด จึงได้รู้ว่าเจ้าได้หนีออกจากวังเย็นแล้ว และปลอมตัวเป็นขันทีคอยรับใช้อยู่ข้างกายฝ่าบาท"
จอมพลเฒ่ากวนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาจริงด้วย อินชิงเสวียนถอนหายใจยาวๆ "ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ช่วยท่านพ่อส่งจดหมายฉบับนี้ คิดว่าท่านอ๋องก็เชื่อเช่นกันว่าท่านพ่อหม่อมฉันถูกใส่ร้าย ไม่ทราบว่าท่านอ๋องเต็มใจรับหน้าที่ดูแลเรื่องของตระกูลอินหรือไม่เพคะ"
เย่จั้นส่ายหน้า
"ข้ามาเข้าเฝ้าฝ่าบาทถึงสองครั้ง เจ้าต่างก็อยู่ด้วย ไม่ต้องให้ข้าพูดเจ้าก็เห็นท่าทีของฝ่าบาทที่มีต่อเรื่องนี้ หากเป็นเพียงเรื่องของตระกูลอินก็อาจก็อาจมีการพลิกผันได้ ผิดที่จู่ๆ พี่ชายของเจ้ากลับหนีไปอย่างกบฏ ฝ่าบาทก็ไม่ได้สืบสาวราวเรื่องต่อ จึงเป็นเรื่องยากยิ่ง ตอนนี้อย่าได้คิดถึงเรื่องอื่นเลย"
อินชิงเสวียนถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ "ท่านพ่อของหม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าท่านพี่หนีไปทำไมงั้นหรือเพคะ?"
"ไม่รู้ แต่ว่า..."
เย่จั้นเลิกตาที่คล้ายกับเย่จิ่งอวี้อย่างมาก และพูดขึ้นเสียงเบา "หากเจ้ายอมออกจากเมืองหลวง ข้าอาจช่วยเจ้าได้อีกแรง และนี่ก็เป็นความต้องการของท่านพ่อเจ้า"
เมื่อนึกถึงอินจ้งยืนตากลมหนาวอยู่หน้าประตู และคุกเข่าลงไม่ยอมลุก เย่จั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
อินชิงเสวียนมองไปยังเย่จั้นด้วยความไม่เชื่อ
เดิมทีที่ไม่รู้ว่าควรเปิดปากขอร้องเขาอย่างไร ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาอย่างง่ายดายเช่นนี้
ชั่วครู่หนึ่ง อินชิงเสวียนแทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง
"ท่านอ๋อง... ทรงยอมพาหม่อมฉันไปพบท่านพ่อจริงหรือเพคะ?"
เย่จั้นยิ้มและพูดขึ้น "แน่นอน"
เย่จิ่งอวี้ไม่ใช่ผู้ที่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ สิ่งที่เรียกว่าดาวมงคลของเขา มีไว้เพื่อต่อกรกับไทเฮาจริงๆ งั้นหรือ?
หรือว่า...
เขาเหลือบมองอินชิงเสวียน ความคิดเล็กน้อยเผยในดวงตาที่แคบยาว
"หากว่ามีลูก เกรงว่าต้องคิดเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน"
อินชิงเสวียนพยักหน้ารับ
"ตอนนี้ตำหนักจินหวูถือว่าถูกฝ่าบาทปิดตายแล้ว นอกจากหม่อมฉันและองครักษ์ที่สนิทชิดเชื้อกับฝ่าบาท ก็ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปได้ และหม่อมฉันก็ไม่สามารถนำลูกออกมาได้เช่นกันเพคะ"
เย่จั้นคิดในใจ ตำหนักจินหวูเป็นที่พำนักของเสด็จแม่ของเย่จิ่งอวี้ เย่จิ่งอวี้เอาเด็กไปอาศัยอยู่ที่นั่น แสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญอย่างมาก
หากว่าเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของเด็กและอินชิงเสวียน เหตุใดจึงไม่ทำให้กระจ่าง?
หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเป็นเวลาสองปี ความคิดของหลานชายก็ยากขึ้นที่จะเข้าใจมากขึ้น
"เรื่องนี้ยังต้องใช้เวลาคิดวางแผนอีกนาน โชคดีที่อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดของไทเฮา ให้ข้าลองคิดดูก่อนว่าควรทำอย่างไร"
"เช่นนั้นก็รบกวนท่านอ๋องด้วยเพคะ"
ในเมื่อนางทำอะไรกับเรื่องของตระกูลอินไม่ได้ จึงทำได้เพียงเท่านี้
อย่างมากก็รอให้รวบรวมกำลังคนได้ แล้วค่อยพาลูกชายกลับมาสู้ที่เมืองหลวง
"หม่อมฉันออกมาได้ครู่หนึ่งแล้ว เพื่อไม่ให้ฝ่าบาทสงสัย หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ"
อินชิงเสวียนกำลังจะจากไป ทันใดนั้นหนุ่มรับใช้ก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
"ท่านอ๋อง มีคนอยากเข้าเฝ้าพระองค์ นี่คือของยืนยันของนางพ่ะย่ะค่ะ"
หนุ่มรับใช้นำป้ายแขวนเอวทองคำบริสุทธิ์ออกมา
ขณะนั้น เสียงฝีเท้าอยู่ที่หน้าประตูแล้ว
เย่จั้นสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เขาคว้าแขนอินชิงเสวียน และพาตัวนางไปด้านหลังที่บังลม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...