ตอน บทที่ 180 ม่ายพรหมจรรย์กลัวหนุ่มผู้ดี จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 180 ม่ายพรหมจรรย์กลัวหนุ่มผู้ดี คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
อินชิงเสวียนใจเต้นตุบตับ
"กระหม่อมไปสนามฝึก จากนั้นก็กลับไปที่บ้าน จากนั้นก็ไปยังบ้านที่ฝ่าบาททรงมอบให้กระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ?"
เมื่อหันหลังกลับมาก็พบว่าเย่จิ่งอวี้ได้ยืนอยู่ด้านหลังของนาง ร่างสูงใหญ่ของเขาปรากฏขึ้นเหนือหัวของอินชิงเสวียน ทำให้รู้สึกถึงความกดดันขึ้นในทันใด
"เจ้าไม่ได้ไปที่อื่นจริงๆ ใช่หรือไม่?"
เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงและมองนาง ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ซึ่งทำให้ไม่กล้าสบตามอง
อินชิงเสวียนครูดถอยหลังหนึ่งก้าว แต่ไร้ซึ่งทางไป นางจึงนั่งลงบนขอบเตียง รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยในใจ
เหตุใดเย่จิ่งอวี้จึงถามเช่นนี้ หรือว่าเขาให้คนสะกดรอยตามตัวเอง?
เมื่อคิดได้ว่าฉินเทียนและหลี่ชีไม่ได้ตามนางไป เพราะเรื่องแบบนี้ดูไม่ใช่วิถีการทำงานของพวกเขา
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง อินชิงเสวียนก็เปลี่ยนคำพูด
"ความจริงกระหม่อมได้ไปอีกที่หนึ่งมา"
นางชี้ไปยังกล่องไม้ที่บรรจุชาคั่ว และก้มหน้าพูดอย่างว่าง่าย "กระหม่อมได้ไปยังจวนอ๋องจิ้ง เพื่อขอบพระทัยท่านอ๋อง"
"หึ เจ้าช่างอยู่เป็นเสียจริง"
"ทั้งหมดเป็นเพราะฝ่าบาททรงสอนไว้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมติดตามฝ่าบาทมานาน แน่นอนว่าต้องเข้าใจหลักการที่มีมนุษยธรรม"
เย่จิ่งอวี้เอามือไพล่หลัง สายตายังคงจับจ้องอินชิงเสวียน
"ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเมื่อครู่จึงไม่พูดออกมา?"
อินชิงเสวียนตื่นเต้นเสียจนหน้าอกเต้นตุบตับ แต่ปากกลับพูดอย่างใจเย็น "กระหม่อมคิดเพียงเรื่องบ้านพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงถามขึ้นมา กระหม่อมจึงนึกขึ้นได้"
"หวังว่าเจ้าจะไม่หลอกข้า ข้าเกลียดการโกหกที่สุดในชีวิต"
เย่จิ่งอวี้เลื่อนสายตาออกไป และมองไปยังเสี่ยวหนานเฟิงที่หลับสนิทอยู่
เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "อย่าหลอกใช้ความโปรดปรานของข้า ดีใจจนลืมตัว ความอดทนของข้าก็มีขีดจำกัดเช่นกัน"
จู่ๆ อินชิงเสวียนก็นึกถึงสิ่งที่เย่จิ่งอวี้เคยพูดในห้องทรมาน หากตัวเองกล้าหลอกเขา เขาก็จะฆ่านาง
จึงอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา
"กระหม่อมไม่กล้า"
สายตาของเย่จิ่งอวี้มองกลับมาบนใบหน้าของอินชิงเสวียน มีความซับซ้อนเล็กน้อยแฝงอยู่ในดวงตา
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลดเสียงลงและพูดว่า "เช่นนั้นก็ดี ขอเพียงเจ้าและเสี่ยวหนานเฟิงอาศัยอยู่ในวังอย่างว่าง่าย ทุกสิ่งที่เจ้าอยากได้ ข้าจะให้"
จู่ๆ หัวใจของอินชิงเสวียนก็เต้นขึ้นอีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นอย่างลืมตัว
เมื่อพวกเขาสบตากัน พื้นที่ตรงนั้นดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง
อินชิงเสวียนรีบก้มหน้าลงทันที
ความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นในใจและเขินอายอย่างอธิบายไม่ถูก
"ฝ่าบาทวางใจได้ กระหม่อมจะอาศัยอยู่ในวังเป็นอย่างดีพ่ะย่ะค่ะ"
เย่จิ่งอวี้ก็ใจลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อมองดูดวงตาที่สดใสคู่นั้นราวกับหยาดน้ำในฤดูใบไม้ร่วง ในใจก็รู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยที่อธิบายไม่ถูก
"เช่นนั้นก็ดี"
เย่จิ่งอวี้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า "ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว เจ้ารีบพักผ่อนเสียเถอะ"
อินชิงเสวียนโล่งใจในทันที
"กระหม่อมทูลลาฝ่าบาท"
เย่จิ่งอวี้เดินออกไปโดยไม่หันกลับมา
หลี่เต๋อฝูกำลังคุยกับเสี่ยวอานจื่อที่ประตู เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้ออกมาก็รีบตามไปในทันที
"ฝ่าบาท จะไม่อยู่ต่ออีกหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
เย่จิ่งอวี้พูดเสียงเรียบ "ไม่แล้วล่ะ"
หลี่เต๋อฝูลังเลครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น "ในเมื่อฝ่าบาทรู้ตัวตนของพระสนมอินแล้ว เหตุใดจึงไม่พูดออกมาให้กระจ่างพ่ะย่ะค่ะ?"
น้ำเสียงของเย่จิ่งอวี้เย็นลงเล็กน้อย
"ในใจของนางไม่มีข้า เจ้าอยากให้ข้าอับอายงั้นหรือ?"
เมื่อก่อนไม่รู้ตัวตนของนางก็ช่างเสียปะไร ตอนนี้รู้แล้ว เช่นนั้นจะทนไหวได้อย่างไร?
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่จิ่งอวี้ก็ถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ได้
"ช่างเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด"
ขณะนั้น จู่ๆ อินชิงเสวียนก็จามออกมา
เสี่ยวหนานเฟิงตกใจจนเตะเท้าน้อยๆ ขึ้นทันที หมัดเล็กๆ ก็สะบัดเล็กน้อย จากนั้นก็หลับไป
อินชิงเสวียนรีบอุดจมูกของตัวเอง พร้อมกับตบที่ต้นขาของเสี่ยวหนานเฟิงเบาๆ รอจนเขาหลับสนิทก็เดินไปกลางห้อง
เย่จิ่งอวี้เจ้าคนซื่อบื้อ สรุปว่าเขารู้ตัวตนของนางแล้วหรือไม่?
หรือว่าข่าวลือเรื่ององครักษ์เงาจะเป็นเรื่องจริง?
หากเป็นเช่นนั้นจริง เช่นนั้นอินสิงอวิ๋นจะไม่ถูกจับได้แล้วหรือ?
เรื่องนี้ดูท่าทางจะเป็นไปไม่ได้ หากเย่จิ่งอวี้รู้ทุกอย่างจริงๆ เขาคงจะนำอินสิงอวิ๋นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมมานานแล้ว
เมื่อนึกถึงคำพูดของอินสิงอวิ๋น สมองก็สับสนอีกครั้ง
เขาอยากพบใครกันแน่?
และต้องการสืบเรื่องอะไร?
เรื่องของตระกูลอิน เย่จิ่งอวี้เป็นคนแต่งเรื่องและแสดงบทบาทเองงั้นหรือ?
แต่เย่จิ่งอวี้ทำแบบนี้ จะมีประโยชน์อะไรต่อตัวเขากันนะ?
แม้อินชิงเสวียนจะไม่รู้จักเขาดีมากนัก แต่ก็อยู่กัยเขามาสองเดือนกว่าแล้ว และคิดว่าเย่จิ่งอวี้ไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องทำแบบนี้
อาจเป็นเพียงคำพูดพล่อยๆ ของอินสิงอวิ๋น ดูท่าทางพี่ใหญ่ที่เจ้าของร่างเดิมให้ความเคารพมาโดยตลอด ไม่ได้น่าเชื่อถือมากขนาดนั้น
เมื่อคิดไตร่ตรองดูแล้ว นางยังคงเลือกที่จะเชื่อเย่จั้น
ผู้ชายคนนี้เฉลียวฉลาดและตรงไปตรงมา เขาดูไม่เหมือนคนโกหก และคำพูดชื่นชมอินจ้งของเขาก็ดูเหมือนพูดออกมาจากใจ
หลังจากคิดอย่างบ้าคลั่งอยู่พักหนึ่ง อินชิงเสวียนก็ขึ้นเตียงเพื่อเข้าเฝ้าพระอินทร์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...