อินชิงเสวียนประสานมือคำนับ ยิ้มและพูดขึ้นว่า “แม่นางช่างมีสายตาแหลมคมทีเดียว เพียงมองปราดเดียวก็จำข้าได้”
วันนั้นนางปลอมตัวเป็นผู้ชายไปที่เรือนจุ้ยหงเพื่อตามหากวนเซี่ยว จึงได้พบกับฟางรั่ว
“เรื่องที่แม่นางอยากซื้อเมล็ดพันธุ์ ไม่ทราบว่าต้องการมากเท่าไรขอรับ?”
ฟางรั่วหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ข้าอยากปลูกไว้ในลานบ้านของข้า ต้องการไม่มากนักหรอก”
หลิวเหล่าไท่ไท่ถามขึ้นอยากแปลกใจ “ครั้งก่อนแม่นางบอกว่า มีเท่าไรก็เอาเท่านั้นไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”
ฟางรั่วพูดขึ้นด้วยความกระอักกระอ่วนใจ “ตอนนั้นข้าอยากซื้อลานบ้านไว้ในเมืองหลวงสักแห่ง จึงอยากปลูกเป็นจำนวนมาก ตอนนี้กลับซื้อลานบ้านไม่สำเร็จ จึงซื้อเมล็ดพันธุ์ได้ไม่มากนัก”
อินชิงเสวียนอดที่จะผิดหวังไม่ได้
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ทว่าของแบบนี้ไม่เหมาะสมที่จะปลูกไว้ในลานบ้าน แม้จะปลูกไปแล้วก็จะได้ผลผลิตไม่มาก แม้นางปลูกผักสดหรือผลแตงจะเหมาะสมมากกว่า”
ฟางรั่วทำเสียงอ๋อ น้อมตัวลงและพูดว่า “ข้ามีคันนาเพียงสองแถวเท่านั้น หากทำไม่ได้ก็คงต้องปลูกอย่างอื่นแล้วล่ะ ต้องขอโทษที่รบกวนด้วย เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
เมื่อมองเงาหลังของฟางรั่ว หลิวเหล่าไท่ไท่ก็รู้สึกงุนงงขึ้นมา
“ครั้งก่อนแม่นางไม่ได้พูดเช่นนี้เสียหน่อย”
อินชิงเสวียนหยักไหล่
“ช่างเถอะ นางไม่เอาก็ช่างปะไร”
เย่จิ่งอวี้บอกว่าเขาขอซื้อไม่ใช่หรือ ขายให้เขาก็ไม่ต่างกัน
อย่างไรการได้ออกมาเดินเล่นนอกวังก็ถือเป็นเรื่องที่ดี และได้โอกาสทำรถเข็นทารกพอดี
“ในเมื่อไม่มีคนซื้อเมล็ดพันธุ์แล้ว ข้าขอตัวไปทำธุระอื่นก่อน”
“เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ”
หลิวเหล่าไท่ไท่ส่งอินชิงเสวียนที่หน้าประตูด้วยใบหน้าที่เคารพ
ฉินเทียนถามขึ้น “คุณชาย พวกเราจะไปที่ใดกันขอรับ?”
อินชิงเสวียนถอนหายใจและพูดขึ้นว่า “สงสัยจะขายเมล็ดพันธุ์ไม่ได้แล้ว พวกเจ้าตามข้าไปบ้านที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้เถอะ ข้าจะไปเอาของเสียหน่อย”
ทั้งสองขานรับพร้อมกัน “ขอรับ”
ไม่นานทั้งสามก็มาถึงคฤหาสน์ที่เย่จิ่งอวี้พระราชทานให้ คนรับใช้คนก่อนก็อยู่ด้วย เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็รีบทำความเคารพ
“ท่านกลับมาแล้ว”
“อืม”
อินชิงเสวียนส่งม้าให้กับคนรับใช้ พร้อมกับบอกฉินเทียนและหลี่ชีว่า “พวกเจ้าไปนั่งรอข้าที่ศาลาสักประเดี๋ยว ข้าไปครู่เดียวก็จะกลับมา”
ฉินเทียนพูดขึ้นด้วยความเคารพ “ไม่รีบขอรับ เชิญคุณชายตามสบาย”
เหนียงเหนียงทำธุระ พวกเขาจะกล้าเร่งเร้าได้อย่างไร จึงเดินไปรอที่ศาลาพร้อมกับหลี่ชี
อินชิงเสวียนเดินเข้าไปในบ้าน และแลกรถเข็นเด็กออกมาจากมิติหนึ่งคัน
เมื่อมีของสิ่งนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงอยู่ตลอด ผู้ใหญ่ไม่เหนื่อย เด็กก็สบายขึ้นด้วย
อินชิงเสวียนยิ่งดูก็ยิ่งชอบ เดิมทีนางต้องการหาเนื้อผ้าจากยุคสมัยนี้มาสวมทับเสียหน่อย แต่เมื่อคิดดูแล้วก็ไม่จำเป็นมากขนาดนั้น หากมีคนถามก็แค่บอกว่าเป็นของจากฮว๋าเซี่ย อย่างไรก็ไม่มีใครหาพบ
ในระหว่างที่อินชิงเสวียนกำลังชื่นชมรถเข็น ฟางรั่วก็กลับมาถึงเรือนจุ้ยหงแล้ว
อินสิงอวิ๋นกำลังยืนอยู่ในห้อง เขาเอามือไพล่หลังไว้ ร่างสูงแฝงไปด้วยความรู้สึกเย็นชาและเคร่งขรึม
เมื่อเห็นฟางรั่ว เขาก็ถามขึ้นเสียงเรียบ “ทำไมจึงกลับมาเร็วนัก?”
ฟางรั่วรีบค้อมตัวลงและพูดว่า “ข้าน้อยได้พบคนที่ขายเมล็ดพันธุ์แล้วจริงๆ เจ้าค่ะ แต่ว่านางคือพระนางเหยาเฟยคนปัจจุบัน ข้าน้อยกลัวว่าจะมีกลลวง จึงสร้างเรื่องโกหกเพื่อกลับมาเจ้าค่ะ”
“ชิงเสวียน?” อินสิงอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย
กวนเซี่ยวเคยพูดไว้จริงๆ ว่า ได้เมล็ดพันธุ์มาจากนาง แต่ว่านางมีเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ได้อย่างไร?
“นางมาพร้อมกับใคร?”
ฟางรั่วก้มหน้าแล้วพูดว่า “ทหารองครักษ์สองคน ข้าน้อยคิดว่าพระนางเหยาเฟยและหลิวเหล่าไท่ไท่ผู้ขายข้าวสาร ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกัน”
“เจ้าไปสืบดูความสัมพันธ์ของเจ้าของร้านขายข้าวและชิงเสวียน อีกอย่าง ต่อจากนี้อย่าเรียกนางว่าพระนางเหยาเฟยอีก”
เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้าย เสียงของอินสิงอวิ๋นแฝงไปด้วยความเยือกเย็นที่เข้ากระดูก
ฟางรั่วกัดริมฝีปากเล็กน้อย ค้อมเอวลงและพูดว่า “ข้าน้อยทราบแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นเรื่องเมล็ดพันธุ์... นายท่านยังคิดทำตามแผนหรือไม่เจ้าคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...