กวนเซี่ยวยิ้มและถามว่า “ดูท่าทางวันนี้เจ้าจะอารมณ์ดีทีเดียวนะ?”
ฟางรั่วหยิบกาเหล้าขึ้นมา และรินใส่แก้วเกล้าให้กับกวนเซี่ยว
“ได้พบคุณชายกวน ข้าก็ต้องอารมณ์ดีสิเจ้าคะ”
กวนเซี่ยวสยายชุดคลุมออก และนั่งลงบนเก้าอี้บุผ้า
“ดูไม่เหมือนเจ้าเลยนะ”
ฟางรั่วยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วพูดว่า “เมื่อความไม่จริงเป็นความจริง ความจริงเป็นความไม่จริง เหตุใดจึงต้องหาเหตุผลเฉพาะเจาะจง คุณชายกวนชอบใบหน้าแบบนี้ เหมือนไม่เหมือนจะสำคัญตรงไหนกันเจ้าคะ”
กวนเซี่ยวชนแก้วกับนางหนึ่งที
“คำพูดของเจ้าก็เหตุผลเหมือนกันนะ ขอเพียงข้าชอบ ข้าไม่สนใจเปลือกนอกหรอก”
ฟางรั่วกระตุกยิ้มมุมปากและพูดว่า “ข้าไม่มีสิ่งใดซ่อนไว้ภายใน ดื่มเหล้ากันเถอะเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นกวนเซี่ยวดื่มทีเดียวหมดแก้ว ฟางรั่วก็เม้มปาก จู่ๆ สายตาก็สาดแสงแห่งความเสียใจออกมา แต่ไม่นานก็มลายหายไป
“ไม่ทราบว่าคุณชายใหญ่อินเรียกข้ามาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร?”
กวนเซี่ยววางแก้วเหล้าลง ฟางรั่วก็รินเหล้าให้เขาอีกแก้ว
“เรื่องของเจ้านาย ข้าจะรู้ได้อย่างไร”
นางถอนหายใจเบาๆ และถามขึ้นว่า “การแก้แค้นสำหรับท่าน มีความสำคัญขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ?”
กวนเซี่ยวพูดด้วยน้ำเสียงฮึดฮัด “หากครอบครัวของเจ้าถูกฆ่าตาย เจ้าไม่คิดจะล้างแค้นงั้นหรือ?”
ฟางรั่วได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจเล็กน้อย
ครอบครัวของนาง... ถูกฆ่าตายนานแล้ว และยังตายต่อหน้านางอีกด้วย
นายท่านบอกว่า หากอยากเป็นนักฆ่าที่ดี ต้องตัดเรื่องความรักให้ขาด
ดังนั้น เขาจึงฆ่าพวกเขาต่อหน้าของนาง
ฟางรั่วไม่รู้ว่าตัวเองเป็นนักฆ่าที่ดีหรือไม่ แต่กลับรู้ว่านายท่านไม่เชื่อมั่นในตัวเองอีกแล้ว
หากกลับไปที่เจียงวู ก็จะตกเป็นของเล่นของพวกขุนนางเรืองอำนาจเหล่านั้น
เพื่อความรัก นางไม่คิดถึงความบาดหมางนองเลือดที่ฆ่าครอบครัว แต่ในใจของนายท่าน ไม่มีที่ว่างสำหรับนางตลอดไป
เมื่อนึกถึงภาพการตายที่ทรมานของพ่อแม่ ฟางรั่วรู้สึกถึงความเจ็บปวดเป็นครั้งแรก
มีวูบหนึ่งที่นางอยากพูดกับกวนเซี่ยวว่า ขอเพียงเขาไม่แก้แค้น ตัวเองยอมพเนจรไปกับเขาอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง แต่ฟางรั่วรู้ดีว่า คนคนนี้ไม่มีทางประนีประนอมเพื่อตัวเองอย่างแน่นอน
“การแก้แค้นเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับข้า ไม่ขอพูดดีกว่า”
ฟางรั่วเหลือบมองกวนเซี่ยว จากนั้นก็พูดต่อว่า “ความจริงนายท่านอาจไม่ได้มีเรื่องสำคัญอะไร ท่านกลับไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
กวนเซี่ยวถามขึ้นขณะที่ถือแก้วเหล้า “ทำไมวันนี้เจ้าดูแปลกไป?”
ทันทีที่พูดจบ ภาพตรงหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำ และเขาก็ล้มลงบนโต๊ะเสียงดังตุบ
ฟางรั่วใช้มือกุมแก้วเหล้าไว้แน่น จากนั้นไม่นานก็คลายออก
นางอุ้มกวนเซี่ยวไปบนเตียง ทันทีที่วางลง ชายหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
คนคนนี้ก็คือหวังซุ่น
เขาเหล่ตามองฟางรั่ว และพูดด้วยยิ้มว่า “แม่นางจัดการได้ดีทีเดียว”
เขายื่นมือไปตบบั้นท้ายของฟางรั่ว ฟางรั่วชักมีดสั้นออกมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา
“นายท่านมอบโยวหลานให้เจ้าแล้ว อย่าคิดได้คืบจะเอาศอก”
หวังซุ่นหัวเราะแหะๆ “หญิงงามยิ่งเยอะใครก็ชอบ หากได้แม่นางฟางรั่วมาเชยชม คงจะเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดในชีวิต”
ใบหน้างามของฟางรั่วก็เย็นชาขึ้นอีกมาก
“เจ้าอย่าได้ทำร้ายนายท่านของข้า มิเช่นนั้นข้ายอมตาย เพื่อส่งเจ้าไปยังนรกอเวจี”
หวังซุ่นหัวเราะแห้งๆ แล้วพูดขึ้นว่า “เพียงแค่หยอกเล่นเท่านั้น แม่นางอย่าได้ใส่ใจเลย”
เขาหยิบก้อนที่คล้ายกับแป้งหมี่ออกมาจากอ้อมอก ใช้แรงกดลงบนใบหน้าของกวนเซี่ยว
คิดในใจว่า หากเรื่องนี้สำเร็จ ข้าจะบอกอาซือหลานอีกครั้งให้เอาตัวเจ้าไว้
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน แม่นางฟางรั่ว เราค่อยเจอกันใหม่”
หวังซุ่นพูดจบก็ออกไปด้วยหน้าตาที่อัปลักษณ์
ฟางรั่วมองเขาอย่างโหดเหี้ยม และมองไปที่กวนเซี่ยวที่นอนอยู่กลางห้อง ในใจกำลังคิดว่าควรอธิบายอย่างไรเมื่อเขาตื่นขึ้น แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งดังมาจากด้านนอก ฟางรั่วใจเต้นเร็ว และรีบกระโดดออกไปด้านหลังลานบ้านทันที
ด้านนอกประตู เย่จั้นได้นำทหารเปลวเพลิงแดงกลับมาที่เรือนจุ้ยหง
เขาพลิกตัวลงจากม้า ปลายเสื้อคลุมสีขาวราวกับหิมะของเขาปลิวขึ้น ในขณะที่เขาร่อนลงบนพื้น เผยให้เห็นถึงความสง่างามของนักรบ
“วันนี้ตรวจดูเตียงทุกชิ้นอย่างละเอียด เจาะดูทั้งหมด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...