สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 296

สรุปบท บทที่ 296 อาฆาตแค้น: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์

ตอน บทที่ 296 อาฆาตแค้น จาก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 296 อาฆาตแค้น คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติก สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ ที่เขียนโดย GoodNovel เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เมื่อออกจากตำหนักฉู่เยว่ ฟ้าก็มืดลงแล้ว

อินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไปที่ตำหนักเฉิงเทียน

เมื่อรู้ว่าเย่จิ่งหลานเคยทำการผ่าตัดให้สัตว์เพียงเท่านั้น นางก็อดเป็นห่วงไม่ได้

เย่จิ่งหลานช่างไร้ความน่าเชื่อถือจริงๆ อย่าได้มีโรคแทรกซ้อนตามมาเลยนะ!

เมื่อนึกได้ว่าหลายวันนี้เย่จิ่งอวี้เอาแต่กินข้าวโจ๊ก ในใจก็ไม่อาจทนได้

เห็นว่าเขาช่วยนางมาหลายครั้ง อินชิงเสวียนตัดสินใจทำแป้งถั่วเหลืองให้เขาแทน

เมื่อแยกตัวออกจากอวิ๋นฉ่ายและเสี่ยวอานจื่อ อินชิงเสวียนก็เข้าไปในมิติ

นำแป้งถั่วเหลืองห่อในกระดาษมัน ห่อเสร็จก็นำไปที่ตำหนักเฉิงเทียน

หลี่เต๋อฝูกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็ยิ้มและพูดว่า

“เหยาเฟยเหนียงเหนียงเสด็จมาแล้วหรือ”

“ใช่ ฝ่าบาทบรรทมแล้วหรือยัง?”

“ยังพ่ะย่ะค่ะ พระสนมสวีเพิ่งมาเมื่อครู่ และกำลังพูดคุยกับฝ่าบาทอยู่ด้านใน”

เมื่อได้ยินว่าสวีจือย่วนอยู่ด้วย อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้ว

มาได้เร็วทันเวลาพอดี

“เข้าไปได้หรือไม่?”

หลี่เต๋อฝูยิ้มและพูดว่า “ได้สิพ่ะย่ะค่ะ ไม่มีคำว่าไม่ได้สำหรับเหยาเฟยเหนียงเหนียง กระหม่อมจะไปทูลเดี๋ยวนี้”

ไม่นานนัก หลี่เต๋อฝูวิ่งออกมาด้วยความดีใจสุดขีด

“เหนียงเหนียงรีบเข้ามาเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอบใจมากนะ”

อินชิงเสวียนเปิดประตูเดินเข้าไปในตำหนัก

เย่จิ่งอวี้นอนพิงอยู่บนเตียง เส้นผมสีดำสยายอยู่บนไหล่ ทำให้ใบหน้าที่คมกริบนั้นดูนุ่มนวลขึ้นมาก แต่กลับขาวซีดเพราะอาการป่วย

สภาพจิตใจของเขาดีขึ้นมาก ดวงตาสดใสภายใต้แสงไฟ

ข้างเตียงมีสาส์นกราบทูลนับสิบเล่ม ในมือถือไว้หนึ่งเล่ม ซึ่งกำลังเปิดอ่านอยู่

สวีจือย่วนนั่งอยู่ข้างเตียง บนโต๊ะข้างๆ คือน้ำซุปเนื้อที่ตุ๋นมาอย่างดี

เมื่อเห็นอินชิงเสวียน สวีจือย่วนก็ลุกขึ้นในทันที

“หม่อมฉันขอถวายบังคมเหยาเฟยเหนียงเหนียง”

“ล้วนเป็นพี่น้องกัน พระสนมสวีไม่ต้องเกรงใจ”

อินชิงเสวียนพูดจบก็เดินมาข้างเตียง นั่งลงบนเก้าอี้ที่สวีจือย่วนเคยนั่ง

สวีจือย่วนไม่มีที่นั่ง จึงทำได้เพียงยืนอยู่อีกด้าน ความไม่พอใจในดวงตาเกิดขึ้นแล้วมลายหายไป

จากนั้นก็ยิ้มแล้วถามว่า “ดึกขนาดนี้แล้ว เหยาเฟยเหนียงเหนียงออกมาทำไมเพคะ?”

“พระสนมสวีก็ไม่กลัวเวลาดึกเหมือนกันไม่ใช่หรือ พวกเราต่างทำเพื่อฝ่าบาททั้งนั้น จะมาพูดเรื่องเวลาทำไมกัน”

อินชิงเสวียนยิ้มแล้วเหลือบมองสวีจือย่วน จากนั้นก็หยิบสาส์นกราบทูลในมือของเย่จิ่งอวี้ออก

พร้อมพูดตำหนิว่า “ข้าบอกให้ฝ่าบาทพักผ่อนไม่ใช่หรือ เหตุใดยังอ่านสาส์นกราบทูลอยู่อีก หากฝ่าบาทยังเป็นเช่นนี้ จะให้หม่อมฉันวางใจได้อย่างไร”

เย่จิ่งอวี้หรี่สายตามอง มีความหยอกล้ออยู่ในแววตา

มาเพื่อแสดงอำนาจงั้นหรือ?

เขาชอบ!

มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย เอื้อมมือไปจับมือของอินชิงเสวียนที่ขาวราวกับหยก

“หากเสวียนเอ๋อร์เป็นห่วง ข้าไม่อ่านแล้วก็ได้ เจ้าเอาอะไรมาด้วยงั้นหรือ?”

อินชิงเสวียนยกมือขึ้น และยิ้มจนคิ้วโค้งโก่ง

“แป้งถั่วเหลืองเพคะ หม่อมฉันกลัวว่าฝ่าบาทจะหิว เพราะหลายวันนี้เสวยพระกายาหารได้น้อย จึงนำมาให้ฝ่าบาทแก้หิวเพคะ”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มและถามว่า “อร่อยหรือไม่?”

“เอาไว้ดื่มเพคะ”

อินชิงเสวียนลุกขึ้นไปหยิบแก้วมา ใช้ช้อนตักแป้งถั่วเหลืองออกมาเล็กน้อย และรินน้ำร้อนใส่ จากนั้นก็คนให้เข้ากัน พร้อมกับยื่นให้เย่จิ่งอวี้

“ฝ่าบาทลองชิมดูไหมเพคะ?”

เย่จิ่งอวี้รับแก้วมา ทันใดนั้นก็ได้กลิ่นหอมเข้มข้นของถั่ว จึงอดไม่ได้ที่จะชิมสักอึก

เย่จิ่งอวี้ดึงแขนของนางไว้ ให้อินชิงเสวียนนั่งลงข้างตัวเขา

“ออกจากวังครั้งนี้ เสวียนเอ๋อร์มั่นใจหรือไม่?”

อินชิงเสวียนคิดดูแล้วพูดว่า “น่าจะประมาณแปดส่วนเพคะ”

เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะเหยียดนิ้วออกและลูบไล้แก้มที่เรียบเนียนราวกับผ้าดิ้น

“ยังมีอีกสองส่วนที่ไม่แน่ใจ เจ้าจะให้ข้าวางใจได้อย่างไร?”

นิ้วมือที่สัมผัสราวกับหนอนน้อยที่คลานอยู่บนใบหน้า ทำให้รู้สึกจั๊กจี้ อินชิงเสวียนจับเอามือข้างนั้นเอาไว้ และกำไว้แน่นในมือของนาง

พลางพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ “ฝ่าบาทวางใจได้ แปดส่วนที่ว่าเป็นเพียงการประมาณค่าเท่านั้น หากระดมกำลังได้อย่างเหมาะสม บางทีเราอาจจับพวกเขาได้ทั้งหมด”

“ความจริงข้าไม่อยากให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายนี้เลย”

จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกผิด เมื่อครู่ไม่ควรตอบตกลงเลย

“หม่อมฉันมีความสามารถในการปกป้องตัวเอง ความจริงแล้วหม่อมฉันพอรู้วิชากำลังภายในอยู่บ้าง”

อินชิงเสวียนเอาคำพูดที่ใช้หลอกเย่จั้น มาใช้กับเย่จิ่งอวี้

จากนั้นก็เอียงศีรษะ ยิ้มแล้วพูดว่า “รอให้ฝ่าบาทหายดี หม่อมฉันคิดจะให้ฝ่าบาทสอนวิชาการต่อสู้แก่หม่อมฉัน จะได้ไม่ต้องวิ่งหนีอุตลุด ให้ผู้อื่นต้องหัวเราะเยาะ”

เย่จิ่งอวี้หรี่สายตาลงเล็กน้อย

“ไม่นึกว่าจะมีวิชาแปลกประหลาดแบบนี้ด้วย มีข้อจำกัดหรือไม่?”

ก่อนหน้านี้ที่แท่นบูชา เขาเคยตกใจกับวิชาโจมตีที่แปลกประหลาดของอินชิงเสวียนมาก่อน ตอนนี้ฟังในสิ่งที่นางพูด เขาจึงเชื่อย่างง่ายดาย เพียงแต่ยังสงสัยในวิชาแปลกประหลาดเหล่านี้อยู่

ครูสอนวิทยายุทธ์เคยบอกเขามาก่อนว่า บนโลกนี้มีปรมาจารย์กำลังภายในในโลกอยู่จริงๆ ซึ่งสามารถเปิดเส้นลมปราณได้ทั้งหมด และเปลี่ยนเป็นกำลังภายในเพื่อไว้ใช้เอง แต่เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับพลังงานภายใน และยังมีข้อจำกัดการใช้

อินชิงเสวียนยักไหล่ และพูดอย่างทำอะไรได้ “เป็นดังนั้นจริงเพคะ ทุกๆ วันหม่อมฉันมีเวลาจำกัดในการใช้ แต่ไม่มีปัญหาในการป้องกันตัวเอง”

เย่จิ่งอวี้พยักหน้า

“รอให้แผลข้าหายดีก่อน ข้าจะสอนวิชาการต่อสู้ให้เจ้า”

อินชิงเสวียนรีบประสานมือคำนับและพูดว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท”

เย่จิ่งอวี้มองหน้านางด้วยความหลงใหล

“ระหว่างเราสองคนจำเป็นต้องขอบคุณด้วยงั้นหรือ? ขึ้นมา เล่าแผนของเจ้าให้ข้าฟังหน่อยสิ...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์