อินชิงเสวียนมีมิติสำหรับปกป้องตัวเอง แต่นางเป็นห่วงบาดแผลของเย่จิ่งอวี้
“สุขภาพของฝ่าบาท...ได้หรือ”
เย่จิ่งอวี้ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร บาดแผลเกือบจะหายดีแล้ว อีกอย่างอาจไม่ได้เผชิญหน้ากับนักฆ่าทุกครั้งหรอกกระมัง”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด อินชิงเสวียนกลับยิ่งกังวลมากขึ้น
ถึงอย่างไรก็ยังจับตัวอาซือหลานไม่ได้ เขาอยู่ในเมืองหลวง จะต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวในวังตลอดเวลาอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้ก็จับไหล่ของนางไว้
พูดอย่างอบอุ่น “หากเจ้าเป็นกังวล ข้าจะให้ทหารรักษาพระองค์ตามไปเยอะๆ”
“ได้เพคะ!”
พาคนไปเยอะ ป้องกันไว้ก่อนจะได้รู้สึกอุ่นใจ
ทุกคนจึงขนของมุ่งหน้าออกจากเมือง หนึ่งชั่วยามต่อมา ก็มาถึงเขตชานเมือง
เมื่อยืนอยู่บนเนินเขา ยังคงมองเห็นหลุมลึกที่เกิดจากการระเบิดครั้งล่าสุดได้
“ต้องทำอย่างไร ข้าจะให้คนมาช่วยเจ้า” เย่จิ่งอวี้เอามือไพล่หลังแล้วถามขึ้น
อินชิงเสวียนสั่งอย่างเป็นระเบียบ “ขั้นแรกต้มดินดินประสิว แร่กำมะถันก็ต้องบดเป็นผงด้วย จากนั้นส่งคนไปเผาถ่าน”
ส่วนตัวนางก็หยิบผ้าหยาบออกมา แล้วบิดเป็นสายชนวน
ทหารรักษาพระองค์ถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม จากนั้นก็ไปเตรียมวัสดุตามที่อินชิงเสวียนบอก
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ทุกอย่างก็เตรียมพร้อม
อินชิงเสวียนผสมวัสดุต่างๆ ตามสัดส่วน สั่งให้คนนำสิ่งเหล่านี้ไปใส่ในถุงผ้าหยาบที่เย็บไว้ ใส่สายชนวนไว้ แล้วมัดถุงให้เรียบร้อย แล้วถุงห่อระเบิดอย่างง่ายๆ ก็เสร็จสมบูรณ์
มีวัสดุเพียงพอ คราวนี้จึงทำถุงห่อระเบิดได้ค่อนข้างใหญ่ ขนาดกว้างยาวประมาณสิบนิ้ว
เย่จิ่งอวี้มองดูห่อเล็กๆ ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส แล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย
“ของสิ่งนี้ มีอานุภาพขนาดนั้นจริงๆ หรือ”
ฉินไห่ฉิวที่ติดตามอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกสงสัยในวัตถุนี้เช่นกัน
อินชิงเสวียนพยักหน้าอย่างมั่นใจ
“เลือดเนื้อทั่วไป ยากที่จะต่อกรด้วยได้”
ฉินไห่ฉิวเหลือบมองถุงห่อระเบิดอีกครั้ง แล้วถอยออกมาเงียบๆ พลางคิดในใจว่า เจ้าของแค่นั้นจะมีอานุภาพขนาดนั้นได้อย่างไร
เมื่อเห็นความมั่นใจของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้ก็ตั้งตารออยู่มิวาย พูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นข้าจะต้องดูให้ดีแล้ว”
อินชิงเสวียนยักไหล่ “ประเดี๋ยวฝ่าบาทอย่าอ้าปากค้างล่ะ”
นางยื่นถุงห่อระเบิดให้หลี่ฉี บอกให้เขาจุดสายขนวน จากนั้นก็รีบวิ่งหนีไปให้ไกล
หลี่ฉีเชื่อใจอินชิงเสวียนมาก ทันทีที่ผ้าถูกจุดเขาวิ่งขึ้นไปบนเนินดินทันที
ทันทีที่เท้าหน้าของเขาก้าวขึ้นไปบนเนินดิน ก็ได้ยินเสียงระเบิดที่อยู่ข้างหลัง ทำให้หลี่ฉีตกใจจนตัวสั่น เมื่อเขาหันกลับไป ก็เห็นกลุ่มควันหนาทึบและฝุ่นละอองลอยฟุ้งอยู่ไกลๆ
เย่จิ่งอวี้แทบหยุดหายใจ จากแรงดันอันมหาศาลนี้ เขาสัมผัสได้ถึงอานุภาพของดินปืน ซึ่งไม่ธรรมดาจริงๆ
เมื่อควันจางหายไป เย่จิ่งอวี้ก็ลงจากเนินดินทันที เขาเห็นหลุมขนาดใหญ่อยู่บนพื้น ดอกไม้และพืชพรรณใกล้เคียงทั้งหมดถูกเผาด้วยแรงอัดอันมหาศาลนั้น พลังนี้ไม่สามารถหยุดได้ด้วยพลังของมนุษย์ธรรมดา
เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้หรี่ลง เอ่ยชมเชย “สิ่งที่เสวียนเอ๋อร์สร้างขึ้นนั้น ร้ายกาจจริงๆ”
“ฝ่าบาททรงชมเกินไปแล้ว”
อินชิงเสวียนพูดถ่อมตัว แต่แววตากลับไม่สามารถซ่อนความภาคภูมิใจได้
เย่จิ่งอวี้เหลือบมองนางแวบหนึ่ง แล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
เขาชอบมองสาวน้อยคนนี้แสดงท่าทางโอ้อวด ดูร่าเริ่งและมีชีวิตชีวา
“หากเราสามารถกำหนดอัตราส่วนผสมได้ ก็จะสามารถศึกษาและผลิตได้ทันที ทันที ดินปืนชุดนี้จะต้องถูกส่งไปยังเจียงวูโดยเร็วที่สุด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...
มีคนเล่นตุกติกกับชุดของเด็กแล้วอยู่ในวังต้องระมัดระวังก็รู้อยู่นะคราวนี้ผ่านมาทางคนที่สนิท...
ดีจริงแทนที่จะเสียคะแนนได้คะแนนมาเพิ่มอีก...
ทางด้านกลยุทธ์น่าจะได้แต่ทางด้านวรยุทธหรือพละกำลังน่าจะไม่ไหวดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเอง...
อายุยังไม่ทันถึง 6 เดือนเลยละมั้งทำไมพูดคุยได้แล้วเก่งจริง...
โกหกครั้งหนึ่งก็ต้องโกหกต่อๆไป...
ความแตกแล้วมั้งเนี่ย...
เกือบไปแล้ว...