สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 328

วันถัดมา

ขุนนางทุกคนมาประชุมเช้า แล้วต่างคนก็ต่างถวายฎีกา

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม ทำให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ที่ฟังอยู่ก็รู้สึกง่วงนอน

หลังจากวันนั้นที่กวนเมิ่งถิงพูดถึงตระกูลอินแล้ว ก็ดูเหมือนเขาจะเงียบเหมือนเป็นใบ้ไปอีก

เย่‍จิ่ง‍อวี้เหลือบมองเขา พลางคิดว่าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้อดทนเก่งจริงๆ

เมื่อเห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว ขุนนางทุกคนก็เริ่มปิดปากเงียบ

เย่‍จิ่ง‍อวี้จับเศียรมังกร และลุกขึ้นจากบัลลังก์มังกร

“พรุ่งนี้เป็นวันพักผ่อน ดอกไม้ในสวนบุปผาหลวงกำลังบานสะพรั่งพอดี ข้าเองก็เตรียมจัดงานเลี้ยงในวัง ขึงขอเชิญขุนนางทุกท่านมาเพลิดเพลินกับบุปผา”

ขุนนางทุกคนต่างแสดงสีหน้ายินดีทันที คุกเข่าโขกศีรษะว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แล้วพูดเบาๆ “ทุกท่านลุกขึ้นเถิด หากไม่มีฎีกาถวายแล้ว ก็เลิกประชุมได้ พรุ่งนี้ในยามโหย่ว (17.00น.-19.00น.) เรียนเชิญทุกท่านเข้าวังมาร่วมงานเลี้ยงด้วย”

“พวกกระหม่อมจะเข้าวังมาให้ตรงเวลา ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”

ขุนนางต่างทยอยออกจากตำหนักจินหลวน กวนเมิ่งถิงเลิกคิ้วขึ้นสูง คิดในใจว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะลอบเข้าวัง เขาควรแจ้งอา‍ซือ‍หลานโดยด่วน...

เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนที่ก้าวลงจากบัลลังก์มังกร

หากคนผู้นี้สมรู้ร่วมคิดกับอา‍ซือ‍หลาน บางทีคืนพรุ่งนี้อาจเป็นโอกาสของเขา

เมื่อนั่งเกี้ยวพระที่นั่งมังกรไปยังห้องหนังสือ เขาก็ไม่รู้สึกเจ็บบาดแผลอีก และลมปราณที่มองไม่เห็นในร่างกายของเขาดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย

เย่‍จิ่ง‍อวี้อดไม่วายประหลาดใจ มีความเป็นไปได้มากว่าอาจเป็นเพราะน้ำที่เขาแช่อยู่

แต่อินชิงเสวียนไม่พูด เขาจึงถามมากไม่ได้

ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองผ่อนคลายลงมาก อย่างน้อยนางก็ยอมให้เขาอยู่ในตำหนักจินหวู นี่ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย เย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง เพราะความสงสัยที่ไม่จำเป็นจริงๆ

เขาไม่รู้เลยว่าน้ำที่เขาดื่มในช่วงสองวันที่ผ่านมา ก็ถูกแทนที่ด้วยน้ำพุวิญญาณเช่นกัน

เดิมทีเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ตอนนี้ยังได้รับการชำระวิญญาณล้างไขกระดูกด้วยน้ำพุวิญญาณด้วย จึงได้พัฒนาความแข็งแกร่งภายในโดยกำเนิด ทำให้เขาได้พัฒนาไปถึงระดับที่สูงขึ้นของวรยุทธ์แล้ว

เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกได้เช่นกัน แต่ก็ยากที่จะพิสูจน์ได้

แต่ไม่รู้ว่าตัวเองในตอนนี้จะสามารถเอาชนะคนประหลาดผมขาวคนนั้นได้หรือไม่

เขาส่งคนไปติดตามข่าวเกี่ยวกับคนประหลาดผมขาวผู้นั้น แต่ก็ไร้วี่แวว ดูเหมือนว่าคงได้แค่รอให้เขากลับเข้าวังอีกครั้ง

เย่‍จิ่ง‍อวี้มีลางสังหรณ์ว่าเขาจะต้องมาแน่นอน!

เมื่อนึกถึงคืนนั้น เรียวตาหงส์คู่หนึ่งก็มืดมนลงทันที

บางทีอาจถึงเวลาต้องไปที่ตำหนักฉงหวู่เพื่อยืนยันก่อน

หลังจากถอดมาลามงกุฎแล้ว เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็สั่งว่า “ไปเอาชุดฝึกยุทธ์ของข้ามา”

“ฮะ? ฝ่าบาทจะไปที่ตำหนักฉงหวู่หรือ ไปไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

หลี่เต๋อฝูหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว เกรงว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้จะทำให้บาดแผลปริแตกอีก

“พูดมาก”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ตวัดหางตามองหลี่เต๋อฝู แล้วหลี่เต๋อฝูก็หุบปากลงทันที

ที่ประตูทางเข้าตำหนักฉงหวู่ ทันใดนั้นเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็จำครั้งแรกที่เขาได้พบกับอินชิงเสวียนได้

เมื่อนึกถึงตอนที่นางถูกเขาโยนจนล้มหน้าหงาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาถึงมีความทรงจำตอนที่อินชิงเสวียนสวมชุดขันทีได้ลึกซึ้งเป็นพิเศษ

หลังจากยืนกลางถนน หวนนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็เดินเข้าไปในตำหนักฉงหวู่

ส่วนอินชิงเสวียนกำลังเดินทางไปที่ตำหนักฉู่เย่ว์

เย่จิ่งหลานช่วยนางในการช่วยชีวิตกวนฮั่นหลิน ยังไม่ได้ไปกล่าวขอบคุณเลย เป็นคนต้องรู้จักมีมารยาท จู่ๆ นางก็จามขึ้นมาครั้งหนึ่ง

อวิ๋นฉ่ายพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คงเป็นฝ่าบาทที่คิดถึงพระสนมอีกแล้ว”

อินชิงเสวียนยิ้มแล้วพูดดุ “ให้ตายเถอะ เจ้ารู้อีกแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์