เมื่อเห็นว่าถูกซุ่มโจมตี แม่ทัพหลิวจึงสั่งถอนกำลังทหารทันที
อย่างไรก็ตาม ทหารม้าของศัตรูมาถึงแล้ว เสียงกีบม้าที่ดังกึกก้องนำพาให้จิตใจของผู้คนเย็นเยียบ
แม่ทัพหลิวและคนอื่นๆ ถูกโจมตีจนกลัวหัวหดไปหมดแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นกีบเหล็กของศัตรู พวกเขาก็โกลาหลไปเองทันที
หลายคนถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้กีบเหล็ก ล้มระเนระนาด
จังเถี่ยยืนอยู่กำแพงเมือง เช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
“พี่ใหญ่สวี จัดทัพค่ายกลโล่กำแพงเถอะ ไม่เช่นนั้นคนเหล่านี้อาจจะกลับมาไม่ได้แล้ว”
ตั้งแต่พวกเขามาที่ด่านถงกู่ พวกเขาใช้ค่ายกลโล่กำแพงเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เดิมทีค่ายกลโล่กำแพงถูกสร้างขึ้นเพื่อต้านทานทหารม้าของศัตรู ตราบใดที่กองทหารฝ่ายหลังตามทัน พวกเขาก็คงไม่ถึงขั้นพ่ายแพ้ แต่จะทำเช่นไรได้เพราะแม่ทัพหลิวและคนอื่นๆ กลัวว่าพวกเขาสองคนจะขโมยผลงานไป ถ้าอาศัยแค่ค่ายกลโล่กำแพง อาศัยแค่การโจมตีจากหอกในค่ายกลย่อมไม่สามารถต่อสู้กับทหารจำนวนมากได้ ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ค่ายกลโล่กำแพงล้มเหลว
ตั้งแต่นั้นมา ค่ายกลโล่กำแพงก็ถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
สวีเหลียงจดจำความแค้นที่พวกเขาไม่ส่งกองหนุนไปช่วย จึงไม่คิดสนใจเรื่องนี้
จังเถี่ยรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ตัวเขาเองก็เกลียดแม่ทัพที่แซ่หลิวด้วย แต่ถึงอย่างไรทหารที่อยู่ด้านล่างล้วนมาจากต้าโจว พวกเขาต่างก็มีพ่อแม่พี่น้องของตัวเอง จังเถี่ยก็มีครอบครัว ย่อมทนไม่ได้ที่จะเห็นพวกเขาตายอย่างอนาถทั้งๆ ที่บริสุทธิ์เช่นนี้ไม่ได้
“พี่ใหญ่สวี ความแค้นส่วนตัวเก็บเอาไว้ก่อน ที่พวกเราต้องช่วยคือทหารต้าโจว ไม่ใช่คนโง่ไม่กี่คนเหล่านั้น”
สวีเหลียงแค่นเสียงหึขึ้นจมูกอย่างแรง แม้ว่าเขาจะเป็นโจร แต่เขารู้จักคำว่าภักดี ทุกวันนี้เขากินอยู่กับทหาร เริ่มมีความผูกพันขึ้นมาแล้ว เขาขบกรามเป็นสันนูนพูดว่า “เอาล่ะ ส่งทหารโล่ออกไป”
ทั้งสองคนลงจากกำแพงเมืองทันที ทหารโล่รู้สึกตื่นเต้นมากเป็นธรรมดาเมื่อได้ยินว่าพวกเขาจะได้โจมตี
ทุกคนมาที่นี่เพื่อปกป้องบ้านเมือง พวกเขายอมพลีชีพตายในสนามรบ ดีกว่าจะเป็นคนไม่เอาไหนที่ซ่อนอยู่หลังกำแพงเมือง
ทันทีที่ออกคำสั่ง เหล่าทหารก็ออกจากเมืองอย่างรวดเร็ว และสร้างค่ายกลโล่กำแพงหลายค่ายกลในพริบตา
เหล่าทหารฟังคำสั่งแล้วเดินออกไปจนสุดทาง หอกแทงออกมาจากช่องว่างในโล่ยักษ์ แทงทหารม้าจนร้องลั่น ทันใดนั้น ขบวนทหารม้าก็แตกกระเจิง
ในสถานการณ์ที่วุ่นวายเช่นนี้ หากซ้ำเติมไล่ติดตามไป ก็สามารถต่อสู้ได้อีก อย่างไรก็ตาม แม่ทัพหลิวและคนอื่นๆ สนใจแต่การกลับเมืองเท่านั้น แม้ว่าโหวเหนือต้องการไล่ติดตามไป แต่กองกำลังก็มีจำกัด ดังนั้นเขาจึงต้องยอมแพ้
เจียงวู
ในกระโจมทหาร จูอวี้เหยียนหัวเราะเบาๆ ด้วยเสียงใส่กังวานเหมือนกระดิ่งเงิน
“ได้ยินมาว่าศึกครั้งนี้ได้ยึดชุดเกราะและม้ามาจำนวนมาก ถือได้ว่าเป็นชัยชนะโดยสมบูรณ์”
อูเอินพยักหน้าและกล่าวว่า “ต้องขอบคุณแผนการอันน่าอัศจรรย์ของราชครู ข้าจะจดจำความดีความชอบของราชครูไว้แน่นอน”
เขาหยุดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องชายข้า ทำไมไม่มีข่าวมานานแล้ว เขาจริงหรือ...”
ดวงตาคู่งามของจูอวี้เหยียนไหววูบ มองไปยังอูเอินแล้วพูดว่า “ถ้าท่านอ๋องตายจริงๆ ราชาเผ่าจะทำเช่นไร”
อูเอินถามกลับว่า “ราชครูคิดว่าข้าควรทำอย่างไร”
จูอวี้เหยียนกระตุกริมฝีปากขึ้น และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ราชาเผ่าและท่านอ๋องมีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องที่ลึกซึ้ง จะต้องล้างแค้นแทนเขา ยึดด่านถงกู่ให้ได้ในคราวเดียว”
อูเอินมองดูนางแล้วถามว่า “ราชครูไม่เศร้าเสียใจงั้นหรือ”
จูอวี้เหยียนถอนหายใจเบาๆ เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “หม่อมฉันย่อมรู้สึกเศร้าเสียใจอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึงยินดีที่จะเปลี่ยนความเศร้าโศกและความโกรธนี้ให้กลายเป็นเปลวเพลิงแห่งสงคราม พิชิตดินแดนจงหยวนให้ราบคาบ”
อูเอินเงียบไปสักพักแล้วพูดว่า “เมื่อเรายึดเมืองได้แล้วเมืองหนึ่ง เหตุใดจึงต้องก่อสงครามด้วย”
จูอวี้เหยียนหรี่ตาเหมือนแมว และพูดด้วยรอยยิ้ม “ในอดีตตอนที่ต้าโจวโจมตีเจียงวู พวกเขาก็ไม่เคยปรานีเลย”
อูเอินส่ายศีรษะ
“ไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะความเมตตาของโอรสสวรรค์ในรัชสมัยนี้ เจียงวูคงถูกกำจัดจนสิ้นซากไปนานแล้ว”
จูอวี้เหยียนพูดอย่างก้าวร้าว “ผู้บาดเจ็บล้มตายในเจียงวู ก็มีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน”
ลูกกระเดือกของอูเอินขยับขึ้นลง แล้วเขาก็เงียบไป
ในปีนั้นเป็นเสด็จปู่ของเขาที่มีความทะเยอทะยาน ยืนกรานที่จะยึดที่ดินแดนจงหยวน จึงนำไปสู่หายนะของสงคราม ตลอดร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ต้าโจวไม่เคยรุกรานเจียงวูมาก่อนเลย พอมานึกดูตอนนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรนหาที่เอง เพียงแต่เขาไม่สามารถพูดสิ่งนี้ได้
เขาไม่สามารถดูหมิ่นบรรพบุรุษได้
“ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
จูอวี้เหยียนเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “ราชาเผ่าโปรดอย่าลังเลใจ นี่เป็นโอกาสอันดีที่หาได้ยาก หากพลาดโอกาสนี้ ก็จะไม่มีวันมีโอกาสเช่นนี้อีก”
อูเอินไม่ได้พูดอะไร หลังจากที่จูอวี้เหยียนจากไปไม่นาน เขาก็มาที่กระโจมพักของเป่าเล่อเอ่อร์ที่ผู้เป็นน้องสาวของเขา
เป่าเล่อเอ่อร์กำลังเย็บเสื้อผ้าชุดเล็ก เมื่อเห็นพี่ใหญ่นางก็ลุกขึ้นยืนอย่างมีความสุข ใบหน้าดวงน้อยยิ้มแย้มราวกับดอกไม้บาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...