สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 4

ยายหลี่รู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก โค้งตัวคำนับและพูดว่า "บ่าวทราบแล้ว แต่ว่าเราควรจะตั้งชื่อให้พระโอรสก่อนไหมเพคะ"

เมื่อคิดถึงผู้ชายใจร้ายใจดำคนนั้น อินชิงเสวียนก็รู้สึกเย้ยหยัน

"ชื่อว่าหมาน้อยแล้วกัน ชื่อหยาบเลี้ยงโตง่าย"

อวิ๋นฉ่ายเอามือปิดปาก แล้วหัวเราะพรวดออกมา

"พระสนม มีชื่อแบบนี้ที่ไหนกันเพคะ"

ยายหลี่เองก็หัวเราะตาม ชื่อนี้ไม่น่าฟังมากเกินไปแล้ว

อินชิงเสวียนกลับเข้าห้องไปแล้ว อย่างไรเสียเด็กน้อยก็เป็นลูกของผู้ชายคนนั้น รอได้ออกจากวังแล้ว ค่อยตั้งชื่อใหม่ให้เด็กน้อยแล้วกัน

ตอนนี้เธอก็ไม่อยากเสียเวลาคิดเรื่องนี้ด้วย

กลับมาถึงห้อง อินชิงเสวียนก็เข้าไปในช่องว่างอีก เธอดื่มน้ำพุวิญญาณเล็กน้อย แล้วเริ่มเพาะปลูกต่อ

พื้นที่ในช่องว่างไม้ใหญ่นัก คงราวๆยี่สิบร่องแปลง แต่ละร่องแปลงอย่างมากสุดก็ยาวแค่ยี่สิบเมตร อินชิงเสวียนปลูกผักไปสองแปลง ส่วนที่เหลือเธอปลูกข้าวสาลี

ตอนที่กลับออกมา ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว

อินชิงเสวียนออกไปดูข้างนอก ก็พบว่ายายหลี่กับอวิ๋นฉ่ายนอนหลับไปแล้ว

เจ้าหมาน้อยก็เป็นเด็กดีเช่นกัน ตาคู่เล็กหลับพริ้มปิดสนิท

ตั้งแต่ที่ใช้น้ำพุวิญญาณชงนม เจ้าหมาน้อยก็เปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน

ครั้งแรกที่อินชิงเสวียนเห็นเขา เนื้อหนังผิวพรรณเหี่ยวย่น แต่ตอนนี้ใบหน้าเนียนใสดุจหยก และผิวขาวเนื้อแน่นแล้ว

อินชิงเสวียนรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา

หากสวรรค์ไม่ได้มอบช่องว่างให้เธอ เด็กทารกเล็กๆ แบบนี้จะเลี้ยงให้รอดคงยากจริงๆ

เธอเลิกคิดแล้วเดินไปด้านนอกประตู หลังทำกิจส่วนตัวเสร็จก็ลุกยืนขึ้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงซู่ซ่าดังมาจากพุ่มหญ้า เธอรวบรวมความกล้าและถามออกไป "ใคร?"

เธอเพิ่งพูดจบ อะไรบางอย่างที่มีสีขาวก็กระโดดออกมาจากพุ่มหญ้า อินชิงเสวียนถูกมันผลักล้มลงบนพื้นในทันที เธอส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ

ยายหลี่และอวิ๋นฉ่ายได้ยินเสียงดังก็รีบหยิบตะเกียงวิ่งออกมา เมื่อแสงสีเหลืองนวลส่องมา ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็มองเห็นสุนัขสีขาวตัวใหญ่ตัวหนึ่ง

หน้าตาของมันดูคล้ายๆ กับโกลเดินรีทรีฟเวอร์ในปัจจุบัน แต่ขนาดตัวใหญ่กว่ามาก เกือบเท่าลูกม้า มิน่าถึงผลักอินชิงเสวียนล้มด้วยขาข้างเดียว

สุนัขตัวนี้กลับดูเหมือนไม่ได้มุ่งร้ายอะไร มันเลียมือเลียแขนของอินชิงเสวียนและกระดิกหางไปมา

อวิ๋นฉ่ายพูดด้วยความตกใจ "นะ...นี่มันขององค์รัชทายาท อ๊ะ ไม่สิ มันคือไป๋เสวี่ยของฝ่าบาทมิใช่หรือ มันมาที่วังเย็นได้อย่างไร?"

เมื่อได้ยินอวิ๋นฉ่ายว่าดังนั้น อินชิงเสวียนก็เหมือนจะนึกออกด้วย

รู้สึกว่าเจ้าคนเฮงซวยแซ่เย่จะมีสุนัขตัวใหญ่แบบนี้อยู่ตัวหนึ่ง ได้ยินมาว่าเขาเก็บมันได้ตอนที่ไปทำสงครามกับแคว้นเจียงวู ก็เลยพามันกลับเมืองหลวงด้วย

มิน่าสุนัขตัวนี้ถึงรู้จักตนเอง

ตัวอินชิงเสวียนเองก็ค่อนข้างชอบสุนัขอยู่แล้ว เธอยื่นมือไปลูบหัวขนาดใหญ่ของมัน

ทันใดนั้นเจ้าสุนัขก็เกิดดีใจขึ้นมาอีก มันเอามือมั้งสองข้างพาดไปบนไหล่ของอินชิงเสวียน และพยายามกระโดดขึ้นไปบนตัวเธอ

อินชิงเสวียนรับน้ำหนักมันไม่ไหวจริงๆ จึงออกแรงดันมันออกไป

ยายหลี่ที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจและพูดว่า "นึกไม่ถึงว่าไป๋เสวี่ยยังจำพระสนมได้ ไม่เสียทีที่พระสนมเคยให้อาหารมันเพคะ"

แต่อวิ๋นฉ่ายกลับทำท่าทางสงสัย

"กำแพงวังเย็นสูงขนาดนี้ ไป๋เสวี่ยคงกระโดดข้ามมาไม่ได้ แล้วมันเข้ามาได้อย่างไรกัน?"

ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของอินชิงเสวียน หรือว่าจะมีรูบนกำแพงวังเย็น?

เธอจึงแหวกหญ้าแห้งทางที่สุนัขมุดเข้ามาดู มันมีรูใหญ่บนกำแพงอย่างที่คิด ด้านนอกของรูมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ข้างๆ มีหญ้าที่สูงเท่าเอวขึ้นอยู่ไม่น้อย นอกจากอ้อมมาด้านหลังต้นไม้ มิเช่นนั้นจะมองเห็นรูนี้ได้ยาก

การค้นพบครั้งนี้ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกตื่นเต้น มันหมายความว่าพวกเธอสามารถหนีออกจากวังเย็น ไปจากสถานที่แย่ๆ แบบนี้ได้แล้วใช่ไหม?

ไม่ได้ เธอจะวู่วามไม่ได้

พระราชวังมีทหารนับไม่ถ้วน คิดจะหนี จะต้องวางแผนทุกอย่างให้ดี...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์