สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 426

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง

อินชิงเสวียนจับมือของเย่จิ่งอวี้ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ตอนนี้ฝ่าบาทเป็นผู้ควบคุมทั่ว ราชโองการเพียงฉบับเดียวก็สามารถเรียกตัวจิ้งอ๋องกลับมาได้แล้วเพคะ ไม่จำเป็นต้องกังวลใจเพราะเรื่องนี้เลย”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ข้ารอคอยให้เสด็จอากลับเมืองหลวงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ในราชสำนักไม่มีผู้ใดมาแทนตำแหน่งของเสด็จอาได้ หากเขาออกจากเมืองซุ่ยหาน เป่ยมู่ต๋าต้องเกิดเรื่องไม่คาดฝันแน่นอน”

“นับตั้งแต่เริ่มมีปฐมจักรพรรดิ ทุกพระองค์ล้วนแล้วแต่เน้นบุ๋นละบู๊ ใช้การปกครองอย่างมีเมตตาธรรมมาโดยตลอด ขุนนางฝ่ายบู๊จำนวนมากต้องผลัดเปลี่ยนไปเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ตอนนี้แม่ทัพในราชสำนักมีระดับที่สูงต่ำแตกต่างกัน ต่างหมดยุคสมัยไปแล้วทั้งสิ้น จึงทำได้เพียงกินบำเหน็จรอความตายเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะการถ่ายเทน้ำที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ข้าคงออกไปพิชิตเจียงวูกลุ่มน้อยด้วยตัวของข้าเอง”

ขณะที่เย่จิ่งอวี้กล่าววาจาเช่นนี้ ออร่าของฮ่องเต้ก็แผ่กระจายออกมาจากด้านใน พลังอำนาจยิ่งใหญ่มหาศาล

เมื่อมองใบหน้าที่อ่อนวัยและเข้มแข็งนี้ อินชิงเสวียนก็สามารถรับรู้ถึงความลำบากใจของเขา

ขุนนางในราชสำนักตอนนี้ นอกจากท่านพ่อของเจ้าของร่างเดิมและจอมพลเฒ่ากวน ก็ไม่มีผู้ใดที่สามารถใช้งานได้อีกแล้ว

เฉกเช่นพวกขี้เมาหยำเปอย่างโหวเหนือ ไปแล้วก็เหมือนไม่ไป หากต้องการพลิกเปลี่ยนสถานการณ์ปัจจุบัน ทำได้เพียงรวบรวมกำลังสรรพาวุธขึ้นมาใหม่ รวมทั้งการบ่มเพราะผู้ที่ใช้งานได้จริง

นางนึกบางอย่างได้จึงพูดออกมา “หากฝ่าบาทต้องการบ่มเพาะแม่ทัพที่มีความสามารถ พระองค์สร้างโรงเรียนสอนการต่อสู้ขึ้นมาได้นะเพคะ เชิญผู้มีวิชาการต่อสู้จากทั่วทุกมุมโลกมาที่เมืองหลวง และให้จอมพลเฒ่ากวนเป็นผู้บ่มเพาะพวกเขาเหล่านี้ พวกเขาต้องผ่านการทดสอบทั้งบุ๋นและบู๊ พวกเราก็จะสามารถเลือกผู้ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง”

“โรงเรียนสอนการต่อสู้งั้นหรือ?”

เย่จิ่งอวี้ฟังดูแปลกใหม่

“สิ่งแตกต่างจากการสอบจอหงวนฝ่ายบู๊อย่างไร?”

อินชิงเสวียนยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “การประลองจอหงวนฝ่ายบู๊ใช้การต่อสู้เป็นหลัก เพื่อตัดสินผลแพ้ชนะ แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ทัพที่มีความสามารถ หากพระองค์เปิดโรงเรียนสอนการต่อสู้ สามารถให้จอมพลกวนเป็นผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งจะเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับทุกคน และเมื่อพวกเขาเล่าเรียนจนสำเร็จวิชาแล้ว ค่อยทำการประลองฝีมือ ผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันอย่างแน่นอนเพคะ”

เย่จิ่งอวี้ฟังแล้วก็พยักหน้าตาม อินชิงเสวียนพูดมีเหตุผลมากทีเดียว

จอหงวนฝ่ายบู๊จัดการสอบสามปีหนึ่งครั้ง แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมาฮ่องเต้องค์ก่อนได้ผู้มีฝีมือมาจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นพวกบ้ากำลังไร้ประโยชน์ พวกเขาแทบไม่เข้าใจวิชาการทหารเลย

เรียกได้ว่ากองทัพทหารพันนายหาได้ง่าย แต่แม่ทัพที่ดีหาได้ยากนัก

หากทำตามวิธีของอินชิงเสวียนก็จะง่ายดายมากขึ้น สามารถเรียนรู้ก่อนแล้วค่อยทำการประลอง ผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันอย่างชัดเจน

เมื่อเกิดความดีใจ เขาอดไม่ได้ที่จะดึงมือนุ่มมาจับเอาไว้

“เสวียนเอ๋อร์ช่างเป็นภรรยาที่แสนดีของข้าจริงๆ”

เมื่อเห็นดวงตาของเย่จิ่งอวี้เป็นประกายอีกครั้ง อินชิงเสวียนก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา

จู่ๆ นางก็พบว่า นางสัมผัสได้ถึงทุกข์สุขของเย่จิ่งอวี้ด้วยเช่นกัน

ไม่แน่ว่า นี่คงเป็นความรักสินะ

เศร้าเพราะเขา และมีความสุขก็เพราะเขา!

เย่จิ่งอวี้เวยหน้าขึ้น และเห็นดวงตาที่เป็นประกายแวววาวคู่นั้น หัวใจของเขาเหมือนถูกทำให้สั่นไหวอย่างรุนแรงด้วยมือที่มองไม่เห็น ราวกับจะหยุดเต้นไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อนึกถึงท่าทางเขินอายแกมหวาดกลัวของนางเมื่อครู่ หัวใจก็สั่นไหวรุนแรงมากขึ้น แต่เมื่อนึกถึงเสด็จอาที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ ก้อนไฟในท้องของเขาก็ค่อยๆ มอดดับลง

เขาจูงมืออินชิงเสวียนเดินมาที่เตียง และถอนหายใจเบาๆ

“ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เสวียนเอ๋อร์รีบพักผ่อนเถอะ”

จากนั้นก็ใช้มือดับไฟ และหลับตานอนกอดนาง

ผิวกายของทั้งสองแนบชิดกัน แต่ในใจกลับไม่รู้สึกถึงความละมุนละไมแม้แต่น้อย

การได้พักพิงในอกกว้าง อินชิงเสวียนรู้สึกสบายใจอย่างมาก ไม่นานก็หลับไป

เมื่อฟังเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาของสาวน้อยในอ้อมออก เย่จิ่งอวี้กลับนอนไม่หลับ

เขานึกถึงเย่จั้น และนึกถึงอาซือหลานด้วย จากนั้นก็นึกถึงเสด็จแม่ที่สิ้นพระชนม์ไป รวมทั้งฮวาเชียนผู้นั้นที่หนีออกจากวัง สุดท้ายก็นึกถึงเวลาที่กระพรวนทองส่งเสียงดังขึ้น มักเกิดภาพจินตนาการในสมองของเขา ทุกเรื่องต่างพรั่งพรูเข้ามาในหัวของเขา ทันใดนั้นเขาก็ปวดขมับขึ้นมาในทันที

เย่จิ่งอวี้ไม่กล้าคิดอีกต่อไป จึงรีบไล่คนและเรื่องราวในหัวของเขาทิ้ง และฝืนตัวเองให้นอนหลับ

ทันทีที่ผ่านช่วงเวลาตีสาม หลี่เต๋อฝูก็ถือชุดคลุมมังกรเข้ามา

เพื่อไม่ให้รบกวนสาวน้อยที่อยู่ในอ้อมออก เย่จิ่งอวี้จึงปล่อยมือด้วยความระวัง เขามายังห้องโถงด้านนอกเพื่อสวมชุดคลุมมังกรและมาลามงกุฎ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์