สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 458

“ขอบพระทัยท่านอ๋อง! “

อินชิงเสวียนโค้งคำนับกล่าวขอบคุณเขา

เย่จั้นยิ้มอย่างอบอุ่น

“กุ้ยเฟยไม่ต้องเกรงใจ ถ้าจะกล่าวขอบคุณ ควรเป็นข้าที่กล่าวขอบคุณมากกว่า หากไม่มีน้ำถังนั้น ข้าคงไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วเพียงนี้”

“ท่านอ๋องเป็นเสด็จอาแท้ๆ ของฝ่าบาท ข้าต้องช่วยอย่างเต็มที่อยู่แล้ว”

นอกจากนี้อินชิงเสวียนยังเคยสัญญากับเขาไว้ ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา นางจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่ ตอนนี้ก็นับว่าได้ตอบแทนที่เขาได้ดูแลตระกูลอินแล้ว

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้ายังขอบคุณกันต่อไป ฟ้าคงมืดพอดี หากไปนานไม่กลับเสียที ข้าจะเป็นห่วง”

“ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้ว หม่อมหม่อมจะออกจากวังพร้อมกับท่านอ๋องเดี๋ยวนี้”

อินชิงเสวียนยอบกายคำนับเย่‍จิ่ง‍อวี้ และเดินออกจากห้องหนังสือนำไปก่อน

“รบกวนเสด็จอาแล้ว”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้ากับเย่จั้น

“ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ กระหม่อมจะส่งกุ้ยเฟยกลับวังอย่างปลอดภัยแน่นอน”

เย่จั้นประกบมือคำนับ แล้วเดินตามอินชิงเสวียนไป

ขณะมองตามหลังทั้งสองคนไป เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

หวังว่าจดหมายฉบับนี้จะถูกส่งไปถึงโดยเร็วที่สุด ช่วยคุ้มครองอินจ้งสองพ่อลูกด้วย หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา เสวียน‍เอ๋อร์จะต้องเศร้าเสียใจอย่างแน่นอน

หากศัตรูมีคนที่รู้วิธีใช้พิษกู่ ก็เกรงว่าจะจัดการยากสักหน่อย เมื่อนึกถึงพิษกู่ที่กำจัดได้ยาก เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตอนนี้คนชุดดำได้นำพิณการเวกไปแล้ว แม้ว่าอินจ้งจะพาอินสิงอวิ๋นกลับมาได้ แต่ก็เกรงว่าพิษกู่จะไม่สามารถกำจัดออกได้ง่ายๆ ซึ่งปริศนาสำคัญนั้นขึ้นอยู่กับจูอวี้เหยียน

เมื่อคิดได้ดังนี้ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ดีดนิ้วในความว่างเปล่า เจวี๋ยอิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องทันที

“ฝ่าบาท”

เย่‍จิ่ง‍อวี้หันหลังกลับแล้วถามว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสำนักใดเชี่ยวชาญด้านพิษกู่”

เจวี๋ยอิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เท่าที่กระหม่อมทราบ ในยุทธภพมีเพียงอวิ๋นเจียงเท่านั้นที่มีคนเชี่ยวชาญด้านพิษกู่ สำนักนี้เป็นความลับมาก และว่ากันว่าจะไม่ถ่ายทอดวิชาให้คนนอก”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามอีกครั้ง “เจ้าเคยเจอใครที่ใช้พิษกู่ในอวิ๋นเจียงบ้างหรือไม่”

เจวี๋ยอิ่งก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “กระหม่อมไร้ความสามารถ ไม่รู้จักคนที่นั่น”

เย่‍จิ่ง‍อวี้หันกลับมาและพูดเสียงแผ่วเบา “องครักษ์เงาในวังหลวงมาจากทั่วทุกสารทิศ เจ้าไปถามดูว่ามีใครรู้จักคนเหล่านั้นหรือไม่ อีกอย่าง ไปสืบเรื่องของสตรีที่มีนามว่าจูอวี้เหยียนมาด้วย”

เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมน้อมรับบัญชา”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ตอบรับเบาๆ แล้วพูดว่า “เรียกคนที่อยู่ในช่องผาแคบกลับมาได้แล้ว อา‍ซือ‍หลานยังไม่ตายจริงๆ พวกเจ้าไม่ต้องเปลืองแรงค้นหาอีกแล้ว จริงสิ แล้วแม่นางถูกสังหารในหมู่บ้านเป็นอย่างไรบ้าง”

เจวี๋ยอิ่งกล่าวอย่างนอบน้อม “ยามนี้ยังไม่ฟื้น แต่กระหม่อมได้พาหมอหลวงหวังมาตรวจรักษาแล้ว ทั้งยังหาสาวใช้มาดูแลชั่วคราวแล้ว”

“ดีมาก พยายามรักษานางให้หายดี เมื่อนางฟื้นแล้ว ให้ส่งนางไปที่ศาลต้าหลี่ เพื่ออธิบายเรื่องทั้งหมด”

“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมน้อมรับบัญชา”

เย่‍จิ่ง‍อวี้โบกมือ

“ออกไปเถอะ”

หลังจากที่เจวี๋ยอิ่งจากไปแล้ว เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็เรียกหาหลี่เต๋อฝู

“ไปเชิญฉางจี้จิ่วมา ให้เขาเข้าวังทันที”

เขาต้องการทราบว่าบัณฑิตเฒ่าเหล่านั้นเข้ากับเสวียน‍เอ๋อร์ได้หรือไม่ รวมถึงเรื่องที่ว่าพวกเขาเข้าใจทั้งสามวิชานี้ว่าอย่างไร

ในเวลานี้อินชิงเสวียนมาถึงคอกม้าแล้ว ตอนที่ออกจากวังเมื่อเช้านี้ นางขี่ม้าออกไปโดยไม่ได้เลือก เมื่อครู่จู่ๆ ก็จำได้ว่าตัวเองยังมีหนิงซวงอยู่อีกตัวหนึ่ง

นี่คือม้าที่ต่งจื่ออวี๋มอบให้ เป็นม้าที่แสนรู้มาก นางไม่ได้ออกจากวังมาหลายวัน จึงเกือบลืมหนิงซวงไป

หนิงซวงมองเห็นอินชิงเสวียนแล้ว มันกระทืบกีบเท้าด้วยความดีอกดีใจ ท้องร้องลากเสียงยาวไม่หยุด

เด็กเลี้ยงม้ารีบจูงหนิงซวงออกมาทันที เจ้าม้าก็เริ่มถูไหล่ของอินชิงเสวียนอย่างเสน่หา

“ช่างเป็นม้าที่ดีจริงๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์