จูอวี้เหยียนกลอกตา เหลือบมองหญิงสาวเหล่านั้น แล้วหัวเราะเบาๆ “พวกเจ้าจงรักภักดีต่อข้า?”
ทุกคนคุกเข่าลงอย่างลนลาน
“พวกบ่าวไม่มีทางคิดไม่ซื่อต่อราชครู”
จูอวี้เหยียนยังคงยิ้มอยู่ นางหยิบยาลูกกลอนสีเขียวหลายเม็ดออกจากแขนเสื้อ แล้ววางลงบนโต๊ะ
“ในเมื่อพวกเจ้าภักดีต่อข้า เช่นนั้นก็กินยานี่ ต่อไปทุกวันที่หนึ่งของเดือน ข้าจะให้ยาแก้พิษกับพวกเจ้า”
หญิงสาวเหล่านั้นต่างมองหน้ากัน แล้วทยอยเดินไปหยิบยาทุกคน
จูอวี้เหยียนเงยหน้าขึ้นมอง
“ฟางรั่ว ถึงตาเจ้าแล้ว”
ใบหน้าของฟางรั่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามด้วยเสียงแผ่วต่ำ “บ่าวก็ต้องกินด้วยหรือ”
จูอวี้เหยียนพูดด้วยรอยยิ้มแต่แววตาไม่ยิ้ม “ฟางรั่ว เจ้าไม่ใช่หน่วยกล้าตายของอาซือหลานอีกต่อไปแล้ว เป็นข้าที่ช่วยเจ้าไว้ เจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้าไปตลอดชีวิต เจ้าคิดว่าเจ้าควรกินหรือไม่เล่า”
ฟางรั่วเม้มริมฝีปากแรงๆ แล้วหยิบยาเม็ดหนึ่งใส่เข้าไปในปาก
ในอีกด้านหนึ่งของหน้าจอโทรศัพท์ อินชิงเสวียนกำลังดูภาพในหอซีอวิ๋น
สำหรับความคิดเห็นของเย่จั้น นางไม่มีความหวังมากนัก แต่ในตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเฝ้าจับตาดูจูอวี้เหยียนก่อน แล้วค่อยหาข้อพิรุธให้เจอ
และความกังวลของเย่จั้นนั้นใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเสียทีเดียว จูอวี้เหยียนเป็นผู้ใช้กู่ ไม่มีใครรู้ว่าถ้านางตายแล้ว จะมีผลกระทบอะไรต่ออินสิงอวิ๋นและเย่จิ่งอวี้หรือไม่
จนกว่าสถานการณ์จะชัดเจน นางไม่สามารถทำอะไรโดยพลการได้
เมื่อเห็นนางปฏิบัติต่อสาวใช้หลายคนเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็ตื่นเต้น นี่อาจเป็นช่องโหว่อย่างหนึ่งก็ได้
พอนึกถึงท่าทางที่ไม่เต็มใจของฟางรั่ว อินชิงเสวียนก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น สาวใช้หลายคนก็ถอยกลับไปแล้ว
จูอวี้เหยียนนั่งขัดสมาธิบนเตียง กระตุ้นหนอนกู่ในร่างกายของอินสิงอวิ๋น
ตระกูลอิน
อินจ้งกำลังนั่งอยู่ในห้องโถง คิ้วขมวดมุ่น
อินปู้อวี่นั่งอยู่ข้างเขา พูดกระซิบ “ท่านพ่อ นี่ก็ดึกแล้ว รีบกลับไปนอนเถอะขอรับ”
อินจ้งถอนหายใจหนักๆ
“พี่ใหญ่ของเจ้านอนหลับมาหลายวันแล้ว จะให้พ่อสบายใจได้อย่างไร”
อินปู้อวี่แนะนำว่า “น้องหญิงใหญ่กำลังคิดหาทางแก้ไขอยู่แล้ว เราควรเชื่อใจน้องหญิงใหญ่ รอข่าวจากวังอย่างสบายใจเถอะ”
อินจ้งพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ไม่รู้ว่าการถูกเสกกู่ใส่นานแค่ไหนแล้ว ส่งผลต่อร่างกายหรือไม่ ดูพี่ใหญ่ของเจ้าผอมลงทุกวัน พ่อรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ”
อินปู้อวี่ปลอบเขาด้วยเสียงอ่อนโยน “พี่ใหญ่เป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ มีร่างกายที่แข็งแรงมาก เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา กินข้าวไม่กี่วันก็กลับมาแข็งแรงดังเดิมแล้ว ท่านพ่อไม่ต้องห่วง”
อินจ้งถอนหายใจแล้วพูดว่า “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ อินปู้อวี่ก็รีบเข้ามาประคองทันที
อินจ้งโบกมือพูดว่า “ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนพ่อแล้ว เจ้ารีบไปนอนเถอะ”
“ลูกยังไม่ง่วง”
อินปู้อวี่ช่วยพยุงอินจ้งออกจากห้องโถงใหญ่ กำลังจะเดินไปที่เรือนด้านหลัง ทันใดนั้นก็เห็นร่างผึ่งผายยืนอยู่กลางลานบ้าน
ก่อนที่ทั้งสองจะมองชัดว่าเป็นใคร คนผู้นั้นก็แทงใส่ด้วยมีดสั้นแล้ว
อินปู้อวี่ดึงกระบี่ยาวที่เอวออกมาทันที สกัดกั้นมีดสั้นไว้ได้ทัน แสงกระบี่ไหววูบ เผยให้เห็นใบหน้าซูบตอบและหล่อเหลาดวงนั้น
“พี่ใหญ่”
ดวงตาของอินสิงอวิ๋นว่างเปล่า ไม่พูดไม่จา และก็โจมตีเข้าใส่อินปู้อวี่อีกครั้ง
สองพ่อลูกรู้ว่าเขาถูกควบคุมด้วยพิษกู่ มีการระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว อินจ้งสับขาหลอก และโยกหลบไปสับหลังคอของอินสิงอวิ๋น แล้วอินสิงอวิ๋นก็ล้มลงในทันที
อินปู้อวี่มารับร่างพี่ชายของเขา แล้วเงยหน้าขึ้นมองอินจ้ง
“ท่านพ่อ...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...