อินชิงเสวียนพลิกตัวลงจากหลังม้า และพยุงจังอวี้จิ่นขึ้นมา
“แม่นางไม่ต้องมากพิธี ต่อไปก็ทำการค้าขายอย่างระวังด้วย อย่าให้ชายหนุ่มที่มีความประพฤติเลวทรามเหล่านี้เข้ามาวุ่นวายได้”
จังอวี้จิ่นกลับไม่ยอมลุกขึ้น แต่คำนับต่ออินชิงเสวียน พร้อมพูดอย่างดื้อรั้นว่า “ในเมื่อคุณชายช่วยผู้ต่ำต้อยเอาไว้ ผู้ต่ำต้อยก็ควรตอบแทนบุญคุณตลอดจนวันตาย คุณชายได้โปรดรับผู้ต่ำต้อยไปด้วย ผู้ต่ำต้อยยอมรับใช้คุณชายไปตลอดชีวิต”
จังอวี้จิ่นเติบโตขึ้นในหมู่บ้านชาวประมง นางไม่เคยได้รับการศึกษา เพียงแต่เคยได้ยินพ่อสอนว่าต้องรู้จักตอบแทนบุญคุณ
เดิมทีนางต้องการตอบแทนผู้ที่ช่วยชีวิตนางไว้ แต่คนเหล่านั้นต่างปกปิดใบหน้า จากนั้นก็ทิ้งเงินให้นางแล้วหายตัวไปทั้งหมด จังอวี้จิ่นใช้เงินเหล่านั้นในการทำมาค้าขาย เป้าหมายก็เพื่อตามหาพวกเขา
เพียงแต่นางไม่เคยเห็นหน้าค่าตาของผู้คนเหล่านั้น จึงไม่รู้ว่าควรเริ่มตามหาจากที่ใด ตอนนี้นางถูกคุณชายท่านนี้ช่วยไว้อีกครั้ง ในใจจึงคิดอยากตอบแทนบุญคุณ วิธีเดียวที่นางคิดได้คือการเป็นบ่าวรับใช้
อินชิงเสวียนใช้แรงมากขึ้น เพื่อพยุงจังอวี้จิ่นให้ลุกขึ้น
“แม่นาง ไม่ต้องคิดมากไป การช่วยเหลือเจ้าเป็นเรื่องน้อยนิด ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองมาลำบากตลอดชีวิต รีบกลับบ้านเสียเถอะ”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘บ้าน’ จังอวี้จิ่นก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องฆาตกรรมที่หมู่บ้านประมง นางตัวสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว น้ำตาก็ไหลออกมาจากเบ้าตา
“ข้า… ข้าไม่มีบ้านแล้ว”
อินชิงเสวียนแปลกใจเล็กน้อย จึงถามลองเชิงว่า “ครอบครัวของเจ้าล่ะ หรือว่า... เจ้าไม่มีครอบครัวแล้วงั้นหรือ?”
จังอวี้จิ่นน้ำตาไหลออกมาในทันที
นางพูดสะอึกสะอื้นว่า “ท่านพ่อของข้าถูกฆ่าตาย คนทั้งหมู่บ้านก็ถูกฆ่าตาย มีเพียงข้าที่มีคนช่วยจนรอดชีวิตมาได้ และพาข้ามายังที่แห่งนี้”
อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว ถูกฆาตกรรมทั้งหมู่บ้าน โหดร้ายมากทีเดียว
“เช่นนั้น... ผู้ที่พาเจ้ามาที่นี่เล่า?”
จังอวี้จิ่นส่ายหน้า
“ข้าไม่รู้ พวกเขาปกปิดใบหน้าไว้ ข้าไม่เห็นหน้าตาของพวกเขา”
แม้จังอวี้จิ่นจะพอรู้เรื่องบ้าง แต่กลับไม่มีที่พักพิงใจ เมื่อได้พบกับอินชิงเสวียนที่มีใบหน้าสง่างาม ท่าทางเป็นมิตร นางจึงพูดเรื่องที่อยู่ในหัวออกมาทั้งหมด
อินปู้อวี่ยืนฟังอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกว่าแม่นางน้อยผู้นี้น่าสงสารมากทีเดียว
แม้น้องเล็กจะผ่านเรื่องราวที่ลำบากในเมืองซุ่ยหานมาก่อน แต่กลับยังมีครอบครัวอยู่เคียงข้างเสมอ อายุของแม่นางก็พอกันกับน้องเล็ก แต่กลับต้องเผชิญเรื่องราวมากมาย จึงพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “หรือว่า... เจ้าก็พานางไปด้วยเถอะ”
จังอวี้จิ่นมีความหวังในทันที จึงพยักหน้าราวกับไก่จิกข้าว
“ข้าทำงานหนักตั้งแต่ยังเล็ก ข้าทำงานได้ทุกอย่าง คุณชายรับข้าไปด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
อินชิงเสวียนไม่ได้ขาดสาวใช้ เพียงแต่ในวังมีกฎระเบียบมากมาย ข้ารับใช้หญิงในวังต้องรอให้มีอายุถึงยี่สิบห้าปีจึงจะออกเรือนได้ การที่ให้สาวน้อยที่งดงามคนหนึ่งต้องรีบความลำบากในวัง น่าเสียดายไปหน่อย
“สถานที่ที่ข้าอาศัยอยู่ไม่ใช่ที่ที่คนธรรมดาจะเข้าไปได้ หากเจ้าไปที่นั่นแล้ว เกรงว่าจะไม่สามารถออกมาได้สักพัก ไม่ได้มีอิสระเหมือนด้านนอก”
จังอวี้จิ่นรีบส่ายหน้าทันที
“ขอแค่ได้ติดตามคุณชาย บ่าวยินดีทำทุกอย่าง คุณชายได้โปรดรับบ่าวไปด้วยเถอะนะเจ้าคะ”
นางไร้ซึ่งที่พึ่งพิงในเมืองหลวง ออกมาค้าขายก็โดนผู้อื่นรักแกอยู่เสมอ การหาเจ้านายจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า เพราะจะได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจ
เมื่อเห็นจังอวี้จิ่นดวงตาแดงก่ำ อินปู้อวี่ก็ยิ่งทำใจไม่ได้
“น้องใหญ่ เจ้าพานางไปด้วยเถอะ คงไม่ลำบากนักหรอก”
เมื่อได้ยินคำเรียกเช่นนั้น จังอวี้จิ่นจึงเงยหน้าขึ้นอย่างประหลาดใจ
อินชิงเสวียนยิ้มให้นางอย่างเป็นมิตร
“ถูกต้องแล้ว ความจริงข้าไม่ใช่คุณชาย”
เป็นผู้หญิงก็ยิ่งดี จังอวี้จิ่นจะต้องเกาะเสานี้ไว้ให้มั่น พร้อมก้มหัวคำนับไม่หยุด
เมื่อนึกถึงชีวิตที่โดดเดี่ยวของแม่นางน้อย มันไม่ง่ายเลยจริงๆ อินชิงเสวียนถอนหายใจและพูดเสียงเบาว่า “ข้าเป็นคนในวัง หากเจ้าติดตามข้าไป เจ้าจะออกมาได้ยาก เจ้าคิดให้ดีล่ะ”
จังอวี้จิ่นตกใจเล็กน้อย
“ท่านคือ... คนในวัง... เหนียงเหนียงหรือเจ้าคะ?”
อินชิงเสวียนอมยิ้มและพยักหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...