สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 543

สองพ่อลูกเล่นสนุกกันกว่าหนึ่งชั่วยาม เสี่ยวหนานเฟิงก็เริ่มขยี้ตา

เมื่อเห็นลูกชายง่วงนอน อินชิงเสวียนก็รีบอุ้มไปกล่อมนอน เมื่อมองกูลูกชายที่เติบโตอวบอ้วนมากขึ้น อินชิงเสวียนใช้แรงในการอุ้มอย่างมาก เย่จิ่งอวี้จึงรับเจ้าเด็กอ้วนมาอุ้มไว้

“ข้าจะเล่านิทานให้เข้าฟัง เสวียนเอ๋อร์นั่งอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว”

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สองพ่อลูกจะได้ใกล้ชิดกัน อินชิงเสวียนก็รู้สึกดีใจและผ่อนคลายมาก นางเห็นว่าเย่จิ่งอวี้อุ้มจ้าวเอ๋อร์วางลงบนขา และพูดราวกับกำลังสวดมนต์ “ในอดีตมีภูเขาอยู่หนึ่งลูก บนภูเขามีวัดแห่งหนึ่ง มีพระชราและพระเด็กอยู่ในวัด พระชราพูดกับพระเด็กว่า ในอดีตมีภูเขาอยู่หนึ่งลูก บนภูเขามีวัดแห่งหนึ่ง...”

อินชิงเสวียนไร้คำจะพูด คิดว่าตอนเด็กๆ เย่จิ่งอวี้คงได้ฟังนิทานแบบนี้มาก่อน ช่างทรมานคนฟังเสียจริง

เมื่อฟังวนสองรอบ ก็ทนต่อไปไม่ไหว จึงพิงลงที่ขอบเตียงและหลับไป

ระหว่างที่กำลังสะลึมสะลือก็รู้สึกเหมือนมีคนมาอุ้มตัวเอง และวางลงบนหมอนเบาๆ

อินชิงเสวียนเบิกตากว้าง ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่มีกรอบหน้าชัดเจนทันที

“ฝ่าบาท...”

เย่จิ่งอวี้ห่มผ้า และพูดราวกับกำลังปลอบลูก “เป็นเด็กดีนะ รีบนอนได้แล้ว หลายวันนี้เสวียนเอ๋อร์คงเหนื่อยมากแน่เลย”

อินชิงเสวียนเบิกดวงตาที่กำลังปรือ และถามด้วยน้ำเสียงเนือยๆ “ฝ่าบาทไม่มีเรื่องที่อยากถามหม่อมฉันหรือเพคะ?”

เย่จิ่งอวี้กอดนางไว้ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าไม่รีบร้อน”

อินชิงเสวียนซุกหน้าลงที่หน้าอกของเขา และพูดราวกับกำลังละเมอ “สถานที่ที่หม่อมฉันให้ฝ่าบาทพักคือมิติอิสระแห่งหนึ่ง หม่อมฉันได้รับมิตินี้มาโดยบังเอิญ ก่อนหน้านี้ข้าวและแป้งสาลีต่างก็ได้มาจากมิติทั้งหมด หม่อมฉันไม่ได้รู้จักพ่อค้าอะไรเลย เพราะหม่อมฉันโกหกฝ่าบาทเพคะ”

เย่จิ่งอวี้หันหน้ามา และจูบเบาๆ ลงบนหน้าผากที่เรียบเนียนหนึ่งที

พร้อมพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ข้ารู้นานแล้วว่าไม่มีพ่อค้าอยู่จริงๆ หากมีแคว้นที่น่าอัศจรรย์อย่างฮว๋าเซี่ยอยู่จริงๆ ข้าต้องเคยได้ยินแน่นอน”

อินชิงเสวียนพูดพึมพำว่า “เรื่องนี้หม่อมฉันไม่ได้โกหกฝ่าบาทเพคะ ฮว๋าเซี่ยมีอยู่จริงๆ...”

เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความรักและเอ็นดู “เอาล่ะ ข้าเชื่อเจ้า”

เมื่อก้มศีรษะลง อินชิงเสวียนก็ผล็อยหลับไปแล้ว

เมื่อมองคิ้วงามที่ขมวดแน่นของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกปวดใจ จึงยื่นนิ้วออกมาบีบนวดที่ระหว่างหัวคิ้วให้นางเบาๆ

เมื่อคิ้วหัวคิ้วที่คล้ายจันทร์ครึ่งเสี้ยวคลายออกช้าๆ เย่จิ่งอวี้ก็ค่อยๆ หลับตาลง

วันถัดมา

อินชิงเสวียนลืมตาขึ้น และสบตากับนัยน์ตาสีดำสนิท นางตกใจอย่างมาก จึงรีบหดตัวกลับทันที

นางจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้ที่จับคางด้วยมือเดียวและจ้องมองที่ตัวเองไม่ใช่ใครอื่น ผู้นั้นคือเย่จิ่งอวี้

“วันนี้เป็นวันหยุดอาบน้ำ ข้าจะอยู่กับเจ้า”

เมื่อเห็นว่าขาของตัวเองยังเกาะอยู่ที่เอวของเย่จิ่งอวี้ สีหน้าของอินชิงเสวียนก็แดงระเรื่อเล็กน้อย และรีบลุกปีนขึ้นมา

“ฝ่าบาทคงหิวแล้ว หม่อมฉันจะให้พวกนางเตรียมมื้อเช้าให้ฝ่าบาทเดี๋ยวนี้เลยเพคะ”

“ข้าไม่รีบ”

เย่จิ่งอวี้โอบเอวบางที่นุ่มนิ่มของอินชิงเสวียน และดึงตัวนางเข้ามากอด

“เจ้าเคยได้ยินคำว่าสวยจนอยากกลืนกินหรือไม่ ข้าได้มองเสวียนเอ๋อร์ก็พอแล้ว”

เย่จิ่งอวี้ก้มหน้ามองนาง พูดด้วยรอยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม

เมื่อเห็นสายตาที่ดูคลุมเครือครู่นั้น สองแก้มของอินชิงเสวียนก็แดงมากยิ่งขึ้น จึงรีบผลักเขาออก

“คนโบราณกล่าวว่า เวลาเช้าห้ามทำสิ่งอนาจาร ฝ่าบาทลืมแล้วหรือเพคะ?”

เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ

“ข้าคิดสกปรกที่ไหนกัน ข้าเพียงแค่อยากใช้เวลากับเสวียนเอ๋อร์ให้มากขึ้น เมื่อก่อนที่ประชุมราชกิจเช้า ข้าตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง ข้ายังไม่เคยเห็นลักษณะท่าทางของเสวียนเอ๋อร์ตอนตื่นนอน ที่แท้ก็น่ารักแบบนี้นี่เอง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์