สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 545

ระหว่างทาง อินชิงเสวียนมีสีหน้าเคร่งขรึม

เสี่ยวอานจื่อเดินตามหลังนาง และไม่กล้าพูดอะไร

หลังจากนั้นสิบห้านาที สองนายบ่าวก็มาถึงห้องหนังสือ

เย่จิ่งอวี้กำลังพูดคุยอยู่กับหลี่เต๋อฝู เมื่อขันทีเข้ามารายงาน ก็วางแก้วชาลงและเดินออกมาด้านนอก

“ไม่ราบรื่นงั้นหรือ?”

เมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆ ของอินชิงเสวียนมีความบึ้งตึง เย่จิ่งอวี้จึงเดินลงจากบันไดหินและถามด้วยความห่วงใย

“บอกไม่ได้ว่าราบรื่นหรือไม่ราบรื่น เพียงแต่รู้สึกโมโหที่กวนเซี่ยวหลงงมงาย และกิริยาท่าทางของทายาทแม่ทัพนายพล”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มและพูดว่า “ผู้คนมักทำเรื่องที่บ้าบิ่นในช่วงเวลาวัยหนุ่มสาว กวนเซี่ยวอยู่ในวัยที่เริ่มแตกหน่อ เขารักหญิงสาวเป็นครั้งแรก ก็คงลุ่มหลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และเสียสติไปชั่วขณะ”

อินชิงเสวียนกลอกตาให้เขาแล้วพูดว่า “ฝ่าบาทเข้าใจผู้ชายดีทีเดียวนะเพคะ”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มและจับมือของนาง พร้อมกับศีรษะพูดว่า “นั่นเป็นเพราะว่าตอนนี้ข้าเป็นเหมือนกับเขา แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือผู้หญิงที่ข้ารักเป็นผู้หญิงที่อัศจรรย์ ฉลาดและจิตใจกว้างขวาง สามารถช่วยเหลือประชาชนมากมายจากปัญหาความยากลำบาก นี่ก็คือความโชคดีของข้า”

คำสารภาพรักทำให้อินชิงเสวียนหน้าแดงเล็กน้อย จึงพูดด้วยน้ำเสียงง้องอนว่า “อย่าได้ยกยอหม่อมฉันเลย หม่อมฉันไม่ได้ดีเหมือนที่ฝ่าบาทพูดเลยเพคะ”

“ข้าคิดว่าเจ้าดี เจ้าก็ต้องดีที่สุดอยู่แล้ว”

เย่จิ่งอวี้พูดอย่างเอาแต่ใจ และจับมือของอินชิงเสวียนเอาไว้ พร้อมกับเดินเข้าไปในห้องหนังสือ

“หากว่ากวนเซี่ยวมาขอร้องอีก เสวียนเอ๋อร์เตรียมจะทำเช่นไร?”

อินชิงเสวียนถอนหายใจแล้วพูดว่า “หม่อมฉันพูดกับกวนเซี่ยวชัดเจนแล้ว หากต้องการช่วยคนก็ให้จอมพลเฒ่ากวนมาขอร้องด้วยตัวเอง หม่อมฉันคิดว่าเขาคงไม่กล้าทำ จอมพลเฒ่าไม่มีทางอนุญาตให้ผู้หญิงอย่างฟางรั่วเข้าในตระกูลกวนอย่างแน่นอน”

เย่จิ่งอวี้พยักหน้าพูดว่า “เป็นจริงดังนั้น จอมพลเฒ่ากวนเข้มงวดในขนบธรรมเนียมของตระกูล ไม่ยอมก้มหัวให้ความไม่ถูกต้อง เรื่องนี้คงต้องจบลงเพียงเท่านี้”

“เป็นแบบนี้ดีที่สุดแล้วเพคะ หากว่าฝ่าบาทไม่มีเรื่องอื่นแล้ว พรุ่งนี้หม่อมฉันจะไปทำการสอนที่สำนักศึกษาหลวงต่อนะเพคะ”

สองวันนี้มัวแต่ยุ่งเรื่องของเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนจึงไม่ได้ไปสำนักศึกษาหลวงสามสี่วันแล้ว ใต้เท้าเฒ่าเหล่านั้นคงรอจนร้อนใจแย่

“เสวียนเอ๋อร์เหนื่อยหรือไม่?”

เย่จิ่งอวี้ลูบมือเล็กที่เนียนละเอียดคู่นั้นเบาๆ สายตาเต็มไปด้วยความห่วงใย

ตอนนี้เขาคิดเรื่องกล้องวงจรปิด จึงเข้าใจถึงความลำบากใจของอินชิงเสวียน นอกจากความรัก เขาก็นับถืออินชิงเสวียนมากขึ้นด้วย

หากว่าผู้หญิงคนอื่นมาพบเจอเรื่องราวเช่นนี้ อาจจะยอมแพ้ไป และเสียอกเสียใจไปนานแล้ว อินชิงเสวียนกลับหาทางแก้ไขท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบาก สิ่งนี้น่ายกย่องยิ่งนัก

การที่มีผู้หญิงแบบนี้อยู่เคียงข้าง เสด็จแม่ที่อยู่ในสวรรคาลัยคงสบายใจมากไม่น้อย

เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งอวี้จ้องมองตัวเองไม่ขยับ อินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงความไม่เป็นตัวของตัวเอง จึงกระแอมไอเสียงแห้งแล้วพูดว่า “เพียงแต่สอนบทเรียนเท่านั้น ไม่เหนื่อยหรอกเพคะ”

เย่จิ่งอวี้พูดเสียงอ่อนโยนว่า “เช่นนั้นก็ดี อย่าลำบากตัวเองมากนัก ข้ายังต้องการให้เสวียนเอ๋อร์ขยายกิ่งก้านสาขาแก่ราชวงศ์ และให้กำเนิดลูกอีกมากมาย”

อินชิงเสวียนพูดตัดพ้อว่า “ข้าไม่คิดอยากมีเสียหน่อย มีจ้าวเอ๋อร์คนเดียวก็เพียงพอแล้ว”

เย่จิ่งอวี้พูดหว่านล้อมเสียงเบาว่า “อย่างน้อยก็มีองค์หญิงตัวน้อยให้ข้าสักคน อยากน้อยก็มีคนให้ข้าเอาใจ”

“ไม่เอาเพคะ”

อินชิงเสวียนหันหลัง นางไม่คิดอยากมีลูกอีกแล้ว การคลอดลูกในสมัยโบราณ ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายอย่างมาก

เย่จิ่งอวี้กำลังจะพูด แต่ก็ได้ยินหลี่เต๋อฝูพูดว่า “ฝ่าบาท แม่ทัพอินบอกว่ามีเรื่องขอเข้าเฝ้า กำลังรออยู่ที่หน้าตำหนักพ่ะย่ะค่ะ”

อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว กวนเซี่ยวเพิ่งไป อินจ้งก็เข้ามา

“ทำไมหรือ?”

เย่จิ่งอวี้ไม่รู้เรื่องที่อินจ้งมาหาเย่จั้น

อินชิงเสวียนส่ายหน้า

“เรื่องนี้หม่อมฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากเพคะ ท่านพ่อของข้าอ้อนวอนให้ไว้ชีวิตจูอวี้เหยียนมาโดยตลอด หากพูดสิ่งใดผิดไป ขอฝ่าบาทอย่าได้ถือสาเลยนะเพคะ”

“ขุนนางอินมีคุณูปการในการสงบความวุ่นวาย ข้าไม่มีทางตำหนิเขาหรอก เพียงแต่... เหตุใดเขาจึงต้องขอร้องให้ไว้ชีวิตจูอวี้เหยียนด้วยเล่า?”

เย่จิ่งอวี้ไม่เข้าใจต่อส่ิงนี้อย่างมาก

ด้วยนิสัยของอินจ้งที่เกลียดชังศัตรู เมื่อรู้ว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นก็ควรกราบทูลให้ประหารนางถึงจะถูก

อินชิงเสวียนพูดอย่างเบื่อหน่ายว่า “ข้าก็ไม่แน่ใจ ข้าเคยถามแล้ว แต่เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์