สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 594

เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง กัดมือเล็กแล้วพูดว่า “ขอบพระทัยเด็จแม่~”

เย่จิ่งอวี้ประหลาดใจเล็กน้อย

“เหตุใดจ้าวเอ๋อร์จึงพูดได้มากมายเช่นนี้?”

“ยายหลี่เล่าว่า ตราบใดที่เด็กรู้จักตัวหนังสือแล้ว เขาจะยิ่งพูดได้มากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวเอ๋อร์ของพวกเราที่เฉลียวฉลาดมากขนาดนี้”

อินชิงเสวียนลูบที่เส้นผมอ่อนนุ่มของเสี่ยวหนานเฟิง และพูดกับเย่จิ่งอวี้ว่า “ออกไปกันเถอะเพคะ เดี๋ยวฝูอี้อ๋องจะหาเราไม่พบ”

“ได้สิ”

เย่จิ่งอวี้อุ้มเสี่ยวหนานเฟิง และสามพ่อแม่ลูกก็เดินออกมาจากมิติ

เย่จิ่งหลานเพิ่งเดินออกมาจากด้านนอกประตูพอดี พ่อบ้านที่เพิ่งมาใหม่เดินตามหลังของเขา และใช้เปลหามอย่างง่ายยกหวังซุ่นออกมา

หลังการรักษาด้วยการเย็บแผลแล้ว หวังซุ่นก็ฟื้นขึ้นมาได้สติโดยสมบูรณ์ เมื่อเห็นอินชิงเสวียนก็รู้สึกตกใจในทันที

เขาพูดอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรงว่า “กุ้ยเฟย ไม่ใช่ว่าข้าน้อยไม่ทำงานที่บอก เป็นเพราะคนเหล่านั้นแทบไม่เชื่อข้าน้อยเลย หากข้าน้อยสวมหน้ากากออกมา ก็อาจจะสามารถหลอกลวงพวกเขาได้บ้าง”

เมื่อเห็นหวังซุ่นหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “แผลของเจ้า... พวกเขาเป็นคนทำงั้นหรือ?”

หวังซุ่นพยักหน้าแล้วพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ”

เย่จิ่งอวี้กวาดสายตามองทั่วใบหน้าของหวังซุ่น และถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “นอกจากพิณการเวกแล้ว พวกเขายังมีจุดประสงค์อื่นในการมาที่นี่อีกหรือไม่?”

หวังซุ่นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแอว่า “ข้าน้อยไม่ได้ถามเรื่องอื่น แต่ได้ยินพวกเขาคุยกันว่า จุดประสงค์ในการเดินทางครั้งนี้คือพิณการเวก ว่ากันว่าวัตถุชิ้นนี้เป็นอาวุธสังหารขนาดใหญ่ และเคยคร่าชีวิตของชาวตงหลิวอย่างมากมายเมื่อไม่กี่ปีก่อน”

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นจ้องจะเอาพิณการเวกไปให้ได้ การต่อกรกับชาวตงหลิวได้นับว่าเป็นเรื่องที่ดี

แต่ในเมื่อวัตถุชิ้นนี้สำคัญถึงขนาดนี้ เพราะเหตุใดจึงตกอยู่ในมือของลิ่นเซียว?

และเพราะเหตุใดเขาจึงเอาของสิ่งนี้มอบให้แก่ตัวเองด้วย?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ อินชิงเสวียนก็เกิดความฉงนใจขึ้นมาไม่น้อย

ตอนนี้ลิ่นเซียวหายตัวไปอย่างแปลกประหลาด คาดว่าอาจจะไปที่เป่ยไห่ ตอนนี้จึงยังถามอะไรไม่ได้ในตอนนี้ คงต้องรอพบหน้าก่อนแล้วค่อยถาม

เย่จิ่งอวี้ถามอีกว่า “คนพวกนี้มีวรยุทธ์ที่แปลกประหลาด เจ้ารู้วิธีทำลายจุดอ่อนหรือไม่?”

ตอนนี้มีทั้งคนที่สามารถดำดินหายตัวได้ และคนที่สามารถมองเหตุการณ์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ทั้งสองต่างก็ไม่ใช่ผู้ที่จัดการได้ง่ายๆ

หวังซุ่นหอบหายใจแล้วพูดว่า “พวกเขาใช้วิชานินจาแห่งตงหลิว แต่ว่าทุกคนมีจุดอ่อนที่แตกต่างกัน ข้าน้อยไม่ค่อยรู้เรื่องรายละเอียดมากนัก แต่ทว่าเวลาที่ออกกระบวนท่า มักจะคุ้มกันตำแหน่งนั้นโดยเฉพาะ”

สิ่งนี้ตรงกับที่เย่จิ่งอวี้คิด แต่ไม่ว่าพวกเขาใช้วิชานินจาอะไร การประหารหัวก็ทำให้หมดทางรอดได้แล้ว

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็อยู่รักษาอาการบาดเจ็บที่นี่ก่อน ฝูอี้อ๋องจะพาเจ้าไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย อีกอย่าง...”

อินชิงเสวียนชะงักเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อาซือหลานก็กำลังหาตัวเจ้า เขาคนนี้เป็นคนมีนิสัยขี้สงสัย หากว่าเจ้าและข้ากำลังติดต่อกันอยู่ เขาไม่มีทางไว้ชีวิตเจ้าอย่างแน่นอน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าได้โลเลไปมาไม่มีหลักการที่แน่ชัด ขอเพียงเชื่อฟังตามที่พวกข้าบอก เจ้าถึงจะมีทางรอด”

หวังซุ่นจมดิ่งในความคิด

อินชิงเสวียนพูดได้ไม่ผิดเพี้ยนเลย อาซือหลานเป็นพวกที่ชอบเซ้าซี้มากจริงๆ หากตกไปอยู่ใต้อำนาจของเขา อาจต้องทำหน้ากากตลอดวันคืน หวังซุ่นก็รู้สึกเหนื่อยมากพอแล้ว

ประการสำคัญคือเจียงวูไม่ได้ร่ำรวยเหมือนต้าโจว หญิงงามก็มีไม่มากเท่าที่นี่ เขายังคิดจะไปเที่ยวเล่นที่เรือนจุ้ยหงเมื่อร่างกายหายดีแล้ว

“ฝ่าบาทและกุ้ยเฟยวางใจได้ ท่านทั้งสองและท่านอ๋องช่วยชีวิตข้าน้อยเอาไว้ ข้าน้อยไม่มีทางลืมบุญคุณได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว รบกวนท่านอ๋องนำตัวเขาไปด้วย!”

เย่จิ่งหลานรีบโบกมือทันที เพื่อให้พวกเขายกตัวหวังซุ่นออกไป

เมื่อเห็นว่าอินชิงเสวียนมีทีท่ากำลังจะไป เย่จิ่งหลานก็ร้อนใจขึ้นมา

“น้ำ ท่านยังไม่เอาให้ข้าเลยนะ”

อินชิงเสวียนหัวเราะ

“วางใจได้ ข้าไม่ได้ลืม ให้คนเตรียมถังไว้สองใบด้วย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์