สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 618

เจวี๋ยอิ่งตกใจมาก ตะโกนเรียกฝ่าบาท และรีบรุดพุ่งเข้าไปพร้อมกับกลุ่มองครักษ์เงา

สำหรับคนธรรมดาทั่วไป พวกเขาเหล่านี้นับเป็นยอดฝีมือจริงๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายชราคนนี้ พวกเขาเป็นเหมือนมดปลวกที่คิดจะสั่นคลอนต้นไม้ใหญ่ เป็นตั๊กแตนตำข้าวที่พยายามขวางรถ ไม่สามารถตอบโต้ได้ด้วยซ้ำ

ชายชราโบกแขนเสื้อ ทุกคนก็ล้มระเนระนาดลงกับพื้นราวกับถูกจี้สกัดจุด

เย่จั้นตกตะลึง รีบคุกเข่าลง

สามารถปราบหน่วยองครักษ์เงาได้หลายสิบคนในคราวเดียว วรยุทธ์ของคนผู้นี้เรียกได้ว่าลึกล้ำอย่างไม่อาจหยั่งรู้ได้

“ผู้อาวุโสโปรดเมตตาด้วย จิ่งอวี้คือเจ้าผู้ครองแคว้น ถ้าผู้อาวุโสต้องการเลือด สามารถใช้เลือดของผู้เยาว์แทนได้”

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้าดีอย่างไรมาเจรจาข้อตกลงกับข้า”

ชายชราโบกแขนเสื้อ ร่างของเย่จั้นก็ลอยละลิ่วออกไปทันที

ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือกฎแห่งสวรรค์เช่นนี้ แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย

เย่จั้นล้มลงกับพื้น ทันใดนั้นก็รู้สึกหมดหนทาง

ยิ่งกว่านั้นชายชราคนนี้ดูเหมือนจะไร้เหตุผล ต้องทำอย่างไรดีนะ

เย่จิ่งอวี้ก็ทั้งกังวลทั้งเดือดดาลเช่นกัน เขาคิดว่าชายชรามาที่นี่เพื่อช่วยตัวเอง แต่จู่ๆ กลับคิดที่จะเอาชีวิตตัวเอง

เขาใช้กำลังทั้งหมดซัดฝ่ามือไปยังหน้าอกของชายชรา

แต่กลับรู้สึกว่าฝ่ามือที่ซัดออกไปนั้นจะเป็นเหมือนสำลี ไร้สุ้มเสียง พลังทั้งหมดก็ถูกขจัดออกไปจนหมดสิ้น

เย่จิ่งอวี้ไม่เคยเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้มาก่อน ความกลัวที่อธิบายไม่ได้ก็พลุ่งพล่านออกมาจากใจ แต่ในไม่ช้าเขาก็ควบคุมความกลัวไว้ได้

เขาเคยดื่มน้ำจากน้ำพุวิญญาณ และเคยได้รับการชำระวิญญาณล้างไขกระดูกมาก่อน วิชายุทธ์ของชายชราคนนี้แปลกไปบ้างนิดหน่อย เช่นเดียวกับคนตงหลิว จึงไม่มีอะไรต้องกลัว

เขาสะกดกลั้นลมหายใจ รวบรวมพลังยุทธ์ที่อาจารย์มอบให้ไปทั่วร่างกาย และซัดฝ่ามือออกไป มีเสียงคำรามของมังกรแผ่วเบาไปตามฝ่ามือ

ชายชราหรี่ตาลง ปล่อยมือ แต่น้ำเสียงยิ่งเกรี้ยวกราดมากขึ้น

“ไอ้เลวนี่ เขาให้พลังยุทธ์นี้กับเจ้าจริงๆ เจ้ากับเขาสมควรตาย”

เขากวาดแขนเสื้อเบาๆ พลังอันท่วมท้นก็แผ่คลุมไปทั่วทั้งศีรษะ ราวกับว่าเขาสามารถเอาชนะเย่จิ่งอวี้ให้กลายเป็นเนื้อบดด้วยการใช้กำลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หากไม่ต้องการเลือดของเขา เขาคงกลายเป็นซากศพไปแล้ว

ดวงตาของชายชราแสดงความเกลียดชัง แต่ก็ยังถอนการโจมตีออกไป

“รอให้ข้าเอาเลือดของเจ้าออกมาหมดก่อนเถอะ แล้วค่อยหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆ”

โดยไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาก้าวเคลื่อนไหวอย่างไร แต่คนได้ปรากฏตัวต่อหน้าเย่จิ่งอวี้แล้ว

“ไม่นะ”

เย่จั้นเหาะเข้าไป ทันทีที่ตวัดกระบี่ ตาข่ายกระบี่ที่มีแสงสีเขียวกะพริบก็แผ่ปกคลุมจุดสำคัญของชายชรา

ชายชราร้องเอ๊ะ

“วิชากระบี่เทียนหยวน เจ้าเป็นศิษย์ของตาแก่บ้านั้น?”

เย่จั้นไม่กล้าพูดฟุ้งซ่าน การเคลื่อนไหวกระบี่เร็วขึ้นเล็กน้อย

ชายชราแค่นเสียงหึอย่างเย็นชาพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าตาแก่บ้านั่นจะยอมรับคนของราชวงศ์เป็นลูกศิษย์จริงๆ หรือว่าเขาอยากเป็นที่ชื่นชอบ ต้องการแปดเปื้อนในธุลีแดงโลกแห่งมนุษย์”

ทันใดนั้นแขนเสื้อก็หมุนกลับมา พันรอบกระบี่ซึ่งคมดั่งเหล็กกล้าที่สามารถตัดทุกสิ่งได้เหมือนโคลน ประหนึ่งถูกล่ามตรวนไว้ด้วยโซ่เหล็ก ที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย

“แม้ว่าอาจารย์ของเจ้ายืนอยู่ตรงหน้าข้า ก็ไม่กล้าผลีผลาม นับประสาอะไรกับเจ้า ยังไม่รีบถอยไปอีกรึ”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เย่จั้นเห็นแขนเสื้อกางออกเหมือนงู จากนั้น รู้สึกว่าถูกฝ่ามืดซัดใส่อก รู้สึกถึงความหวานในลำคอ ทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก

“เสด็จอา!”

เย่จิ่งอวี้ใช้วิชาตัวเบาเข้าไปรับร่างของเย่จั้นไว้ เงยหน้าขึ้นทันที พูดอย่างเย็นชา “ท่านผู้เฒ่า ท่านอย่ากดดันคนอื่นมากเกินไป”

ชายชราหัวเราะเยาะแล้วถามว่า “แล้วอย่างไรเล่า”

เย่จิ่งอวี้ปล่อยเย่จั้นให้ยืนอย่างมั่นคง แล้วพูดเรียบๆ “ผ้น้อยไม่อาจทำอย่างไรได้ แต่ผู้น้อยสามารถปล่อยให้เลือดไหลออกมาจนเหือดแห้ง ไม่เหลือให้ท่าแม้เพียงหยดเดียว”

ใบหน้าของเขาสงบ เรียวตาหงส์วาวกล้า ไม่แสดงความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

เมื่อมองดูใบหน้าคมสันชัดเจน หล่อเหลาเหนือสามัญ แววตาของชายชราก็แสดงความชื่นชม แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“อย่างเจ้าน่ะรึยังกล้ามาข่มขู่ข้า ถ้าข้าต้องการพาเจ้าไป ก็ไม่มีใครหยุดข้าได้”

ชายชราก้าวไปข้างหน้า เสื้อคลุมหลวมๆ พลิ้วไหวโดยไม่มีลมพัด หน้ากากอันเยียบเย็นปล่อยแสงแปลกๆ ออกมาท่ามกลางแสงแดด

ข้าคิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะสามารถควบคุมมิติของเสวียน‍เอ๋อร์ได้ นี่มันตัวประหลลาดแบบไหนกัน

เห็นได้ชัดว่าชายชราเริ่มหมดความอดทน

“ข้าแค่มาหาเขาคนเดียวเท่านั้น ไม่ต้องการทำร้ายใคร ทุกคนถอยไปให้หมดเถอะ!”

“นี่คือสามีของข้า ถ้าผู้อาวุโสต้องการทำร้ายเขา ข้าไม่มีวีนยอมเด็ดขาด”

อินชิงเสวียนยืนขวางหน้าเย่จิ่งอวี้ ใบหน้างามแดงปลั่งอย่างไม่เป็นปกติ เนื่องจากนางเดินทางมาอย่างรีบร้อน

“ถ้าอย่างนั้นให้ข้าทดสอบดู ว่าเจ้ามีความสามารถเท่าไหร่กันเชียว”

ชายชรายกมือขวาไพล่หลัง แล้วใช้มือซ้ายวาดครึ่งวงกลมเหมือนไท่จี๋ กลุ่มอากาศก่อตัวเป็นสสารวงกลม พุ่งตรงไปยังอินชิงเสวียน

เย่จิ่งอวี้รู้ว่าชายชรานั้นแข็งแกร่งแค่ไหน ยิ่งรู้ด้วยว่าอินชิงเสวียนได้รับบาดเจ็บ แล้วจะปล่อยในนางออกมายืนปกป้องตัวเองอยู่ข้างหน้าได้อย่างไร

เขารวบรวมกำลังภายใน จับไหล่ของอินชิงเสวียน แล้วเหวี่ยงนางไปข้างหลัง เมื่อเงยหน้าขึ้น พลังลมปราณก็โจมตีใส่เขาอย่างจังแล้ว

เย่จิ่งอวี้รู้สึกว่าหน้าอกถูกกระแทกอย่างแรง รู้สึกถึงความหวานในปาก และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก

“อาอวี้!”

อินชิงเสวียนวิ่งไปหลายก้าว พยุงร่างกายที่โงนเงนของเย่จิ่งอวี้

เย่จิ่งอวี้คลี่ยิ้มละไม

“เสวียน‍เอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ข้าไม่เป็นไร”

“ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก”

เมื่อเห็นเลือดยังคงไหลออกมาจากมุมปากของเย่จิ่งอวี้ อินชิงเสวียนก็อดตื่นตระหนกเสียมิได้

เขาและเย่จั้นต่างเป็นยอดฝีมือที่หาได้ยาก แต่เมื่อต่อหน้าชายชราคนนี้ พวกเขาไม่มีอำนาจที่จะตอบโต้ด้วยซ้ำ

ช่างน่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้

ขณะที่กำลังสับสนว้าวุ่นใจ ชายชราก็พูดอีกครั้ง

“แม่หนู รีบออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าหาเรื่องให้ตัวเองเลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์