เมื่อมองดูแผ่นหลังตระหง่านผึ่งผายกำยำ ที่จู่ๆ ก็หดเล็กลง หัวใจของอินชิงเสวียนคล้ายจะถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็นคว้าไว้ รู้สึกเจ็บปวดจวนจะหายใจไม่ออก
“อาอวี้!”
อินชิงเสวียนตะโกนด้วยความเจ็บปวด หยัดกายลุกขึ้นยืน
ขอบตาแดงก่ำคู่นั้นมองไปยังชายชราที่สวมหน้ากากด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ผู้อาวุโสกล้าประมือกับข้าอีกสามฝ่ามือหรือไม่ หากข้ามีชีวิตรอดได้ ท่านก็ปล่อยสามีข้าไป”
ชายชราที่สวมหน้ากากแค่นเสียงขึ้นจมูกเบาๆ ทันทีที่สะบัดข้อมือ เย่จิ่งอวี้ก็ล้มแน่นิ่งลงกับพื้นราวกับถูกจี้สกัดจุด
ชายชราหรี่ตามองเขา แล้วพูดด้วยความดูหมิ่น “สตรีในโลกนี้ล้วนมีจิตใจอ่อนโยน แม้ว่าความรักของพวกเจ้าจะสะเทือนฟ้าดิน แต่แล้วอย่างไรล่ะ เมื่ออายุมากขึ้น ผู้ชายก็จะเปลี่ยนใจ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นฮ่องเต้ ใจจืดใจดำที่สุด เจ้ารับรองได้หรือว่าเขาจะรักเจ้าไปตลอดชีวิต”
อินชิงเสวียนเป็นห่วงเย่จิ่งอวี้ เหลือบมองเขาอย่างไร้สุ้มเสียง กระวนกระวายใจดังไฟแผดเผา
นางสบตากับชายชราแล้วพูดว่า “นั่นเป็นเรื่องของข้า ขอถามแค่ว่าผู้อาวุโสรับปากหรือไม่”
ชายชราที่สวมหน้ากากพูดเบาๆ “ไม่รับปากก็เป็นเรื่องของข้า แม่หนูน้อย เจ้ารีบตื่นรู้เสียเถิด”
ก่อนที่จะพูดคำสุดท้าย เย่จิ่งอวี้ก็ถูกยกลอยขึ้น และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อมองไปที่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ อินชิงเสวียนรู้สึกหน้ามืด โลกหมุนเคว้ง ตัวอ่อนปวกเปียก แล้วนางก็คุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง
ชั่วขณะหนึ่ง หัวใจก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เย่จิ่งอวี้ถูกพาไปที่ไหนกันแน่
เหตุใดชายชราแปลกประหลาดคนนี้จึงต้องการพาเขาไป
นางต้องไปที่ใดถึงจะตามหาตัวเย่จิ่งอวี้พบ?
แม้จะตามจนพบตัว แต่จะสามารถพาเขากลับมาได้หรือไม่
“อินชิงเสวียน เจ้าเป็นอะไรไป”
เด็กชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาจากด้านหลัง อินชิงเสวียนหันหน้าไปมอง ก็เห็นเย่จิ่งหลานที่กำลังวิ่งพลางกระโดดเข้ามา
เมื่อเห็นอินชิงเสวียนมองตัวเองอย่างว่างเปล่า เย่จิ่งหลานก็ตกใจ เอื้อมมือไปแตะหน้าผากของนาง
เดิมทีเขาต้องการมากับพวกคนญี่ปุ่น แต่กลัวว่าจะถูกเปิดเผยฐานะ ถึงอย่างไรเขาไม่รู้วรยุทธ์ หรือวิชาตัวเบา กระบองไฟฟ้าทำให้พวกเขาหวาดกลัวชั่วคราว เมื่อเวลาผ่านไป ความลับก็จะถูกเปิดโปง จึงหาข้ออ้างในการเดินทางมาที่นี่อยู่ ใครจะคิดว่าเมื่อมาถึงที่นี่ก็เห็นเหตุการณ์เช่นนี้
เสื้อคลุมสีขาวของเย่จั้นเปื้อนเลือด เขานอนหมดสติอยู่บนพื้น ข้างๆ มีกองเลือดเนื้อกระดูกที่ถูกสับจนเละ อันเป็นภาพที่น่าพะอืดพะอม
บริเวณภายนอกมีกลุ่มองครักษ์เงาที่ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นหรือตาย และฟางรั่วที่มีเลือดออกทั้งเจ็ดทวาร ทั่วทั้งสนามรบเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและไอสังหาร
“อินชิงเสวียน อินชิงเสวียน อย่าทำให้ข้าตกใจสิ เจ้าเป็นอะไรไป”
เมื่อเห็นสายตาทึมทื่อของนาง เย่จิ่งหลานก็รู้สึกกระวนกระวายใจ
อินชิงเสวียนเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ค่อยๆ รู้สึกตัว นางยิ้มอย่างขมขื่น พูดด้วยน้ำเสียงคล้ายคนละเมอ “จบแล้ว จบสิ้นแล้ว”
“อะไรจบ เจ้ารีบบอกมาเร็วๆ”
เย่จิ่งหลานจับไหล่ของนางเขย่าอย่างแรง
อินชิงเสวียนตื่นตระหนกทันที
เรื่องที่ฝ่าบาทถูกจับตัวไปห้ามไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะวุ่นวาย
นางลุกขึ้นยืนทันที
“เร็วเข้า พาจิ้งอ๋องไปรักษาที่มิติรักษา เรารีบกลับวังกันเถอะ”
เย่จิ่งหลานฟังไม่ได้ศัพท์และไม่เข้าใจเรื่องราว แต่ก็รู้ว่าอินชิงเสวียนมีไหวพริบ ที่นางทำเช่นนี้ นางต้องมีเหตุผลของนางแน่นอน
แล้วจึงรีบนำเย่จั้นเข้าสู่มิติรักษา อินชิงเสวียนผิวปาก เรียกหนิงซวงและไป๋เสวี่ยมาหา
แล้วนางกับเย่จิ่งหลานก็ขี่ม้าตัวเดียวกัน มุ่งหน้ากลับวังหลวงอย่างรวดเร็ว
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนมีทักษะด้านวรยุทธ์มากกว่าองครักษ์เงาด้วยซ้ำ เห็นเย่จั้นถูกทุบตีเช่นนี้ เย่จิ่งหลานก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา
“ข้าก็ไม่รู้ เป็นชายชราสวมหน้ากาก ความสามารถของเขาน่าเกรงกลัวมาก ข้าไม่สามารถแม้แต่จะเข้าไปในมิติได้ด้วยซ้ำ”
อินชิงเสวียนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เย่จิ่งหลานฟังทั้งหมดโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย เย่จิ่งหลานได้ฟังก็ตกตะลึงพรึงเพริด
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”
“อืม ข้ารู้สึกได้ว่าอากาศรอบตัวเหมือนถูกเขาผนึกไว้ ร่างทั้งร่างเหมือนติดอยู่ในหล่ม น่ากลัวมากจริงๆ”
เมื่อคิดถึงความรู้สึกเมื่อครู่ อินชิงเสวียนยังคงหวาดกลัวอยู่
เย่จิ่งหลานขมวดคิ้ว
“แล้วควรทำอย่างไรดี หรือว่า...เจ้าจะให้เย่จั้นปลอมเป็นเย่จิ่งอวี้ต่อ?”
อินชิงเสวียนพยักหน้า
“บ้านเมืองไม่อาจปราศจากกษัตริย์แม้แต่วันเดียว และผู้ที่คุ้นเคยกับงานราชสำนัก และเย่จิ่งอวี้มากที่สุดก็คือเย่จั้น เจ้ารีบเข้าไปตรวจรักษาอาการของเย่จั้นในมิติเถอะ”
เย่จิ่งหลานไม่ได้พูดพร่ำทำเพลง เขายื่นมือเรียกใช้งานมิติรักษา
เมื่อมองเข้าไปข้างใน นอกจากหวังซุ่นแล้ว ยังมีเป่าเล่อเอ่อร์ที่ได้รับการช่วยเหลือในวันนั้นด้วย
เมื่อสบตากัน อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถามคำถามเหล่านั้น นางแค่อยากรู้ว่าเย่จั้นเป็นอย่างไรบ้าง
โครงการผันน้ำจากใต้สู่เหนือเพิ่งสำเร็จ ราษฎรย้ายกลับบ้านเกิดแล้ว แต่กระนั้นก็ยังมีปัญหาอีกมากมายที่ต้องสะสาง โรงเรียนสอนการต่อสู้และสำนักศึกษาหลวงก็ต้องดำเนินไปตามแนวทางที่ถูกต้อง การสอบภาคฤดูใบไม้ผลิในปีหน้าก็ถึงเวลาที่ต้องตรวจสอบแล้ว จำเป็นต้องมีคนประคับประคองราชสำนัก
จ้าวเอ๋อร์ยังเด็ก ไม่สามารถแบกรับภาระอันหนักอึ้งได้เลย ตัวนางก็ไม่สามารถฟังงานบ้านเมืองจากหลังม่านได้ เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย นางจะไปตามหาเย่จิ่งอวี้ ไม่ว่าเขาจะเป็นหรือตาย นางก็ต้องตามหาให้พบ
ตอนนี้อินชิงเสวียนสามารถระงับความเศร้าในใจได้ชั่วคราว สร้างเสถียรภาพภายในวัง รอให้เย่จั้นฟื้นตัว รับช่วงต่อในราชสำนัก ถึงเวลานั้น นางก็สามารถจากไปอย่างสบายใจได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...