ลูกศิษย์หญิงตกใจเล็กน้อย เจ้าสำนักเป็นอะไรกัน?
ผู้ที่สำนักโยกย้ายไปเป็นยอดฝีมือระดับหัวกะทิมาตลอด เหตุใดวันนี้จึงทำการสะเพร่าเช่นนี้?
ระหว่างที่ครุ่นคิด จู่ๆ พลังมหาศาลก็ดูดเข้ามาและคนก็โผบินไปที่ฉุยอวี้อย่างไม่อาจควบคุมได้
ลูกศิษย์หญิงรู้สึกถึงความเย็นที่ต้นคอ และถูกมือใหญ่ที่เย็นยะเยือกคว้าเอาไว้
“เหตุใดจึงยังไม่ไปอีก? หรือว่าเจ้าสงสัยตัวข้า?”
เสียงที่แหบพร่าดังออกมาจากผ้าคลุมสีดำ ลูกศิษย์หญิงหวาดกลัวในทันที
“ลูกศิษย์ไม่กล้า”
ฉุยอวี้ขยับข้อมือ ลูกศิษย์หญิงก็ล้มลงบนพื้นในทันที
ความน่าสะพรึงหลังที่เย็นยะเยือกปล่อยออกมาจากร่างกายของฉุยอวี้ ลูกศิษย์หญิงจึงกลัวจนตัวสั่นอย่างอดไม่ได้ รีบคุกเข่าลงด้วยความลนลานและความเคารพ
ฉุยอวี้ทำเสียงฮึดฮัด
“ออกไปซะ”
“ลูกศิษย์น้อมรับคำสั่ง”
เมื่อรู้สึกถึงความอาฆาตที่น่าสะพรึงกลัว ลูกศิษย์หญิงก็วิ่งคลานออกไปจากห้องลับ
ฉุยอวี้หลับตาลงอีกครั้ง นำลมปราณที่แท้จิตจากการถอนพลังทั้งหมดมาใช้ด้วยตัวเอง
วันถัดมา
ชายฝั่งทะเลเป่ยไห่สว่างสดแจ่มใสอย่างหาได้ยาก ท้องฟ้าสีครามไม่มีเมฆ และน้ำทะเลก็มีสีเดียวกับท้องฟ้า
เวลาเช้าตรู่ ด้านในโรงน้ำชาก็คึกคักเป็นพิเศษอีกครั้ง เมื่อวานฆ่าผีแคระตายไปหลายคน ทำให้ทุกคนต่างก็ฮึกเหิม แต่ก็มีคนที่รู้สึกเป็นกังวล
ครั้งนี้มาเพียงแค่ไม่กี่คน แต่ก็เสียยอดฝีมือของสำนักไปไม่น้อย หากผีแคระโจมตีครั้งใหญ่ ควรต้องทำอย่างไรดี?
ชาวตงหลิวพวกนี้คิดแก้แค้นเรื่องเล็กน้อยมาตลอด เมื่อตัวเองเสียเปรียบเพียงน้อยนิดก็จะไม่มีทางยอมแพ้
ในขณะเดียวกันนั้น คนในสำนักจำนวนมากก็มาถึงที่พักของหมอเทวดาหนิง
เย่จิ่งอวี้ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ใบหน้าของเขาสวมหน้ากากโลหะไว้อยู่ ร่างกายสวมใส่เสื้อผ้าของลูกศิษย์สำนักอวิ๋นซาน และเดินตามหลังซูถูอย่างเงียบๆ
ชุดเสื้อผ้าที่แสนธรรมดาสวมอยู่บนร่างกายของเขา กลับมีพลานุภาพที่ไม่ธรรมดา คนมากมายต่างก็แอบเหลือบมองเขาอย่างอดไม่ได้
ลูกศิษย์หญิงหลายคนปรึกษากันเสียงเบา มีคนได้ยินว่าเขาหน้าตาอัปลักษณ์ จึงอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ เพราะรูปร่างเช่นนี้ เขาควรมีใบหน้าที่หล่อเหลา ช่างมีของดีแต่ไม่มาสามารถแสดงออกมาให้เห็นได้
เย่จิ่งอวี้สายตาราบเรียบ และจ้องท้ายทอยของซูถูอยู่ตลอด ซูถูก็หันหลังกลับไปมองอย่างอดไม่ได้ คิดในใจว่าลูกศิษย์ธรรมดาเพียงคนเดียว เหตุใดจึงมีสายตาเฉียบคนเช่นนี้ หรือว่าเป็นลูกศิษย์ชั้นยอดของใคร?
หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ และยังต้องการเขามาอยู่ข้างกาย เกรงว่าอาจมีปัญหาได้
ความคิดนี้หายไปในพริบตา สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการบีบบังคับให้เจ้าสำนักเซี่ยวมอบพิณการเวก และเอาม้วนตาราเซียวเหยาครึ่งนั้นมาให้ได้
ในสำนักอวิ๋นซาน วิทยายุทธ์ของซูถูไม่นับว่าโดดเด่นกว่าผู้ใด เหตุผลที่เขาได้เป็นผู้อาวุโสก็เพราะเขามีอาจารย์ที่ดีซึ่งเป็นผู้นำสำนัก หลังจากที่อาจารย์ของเขาเสียชีวิต เขาจึงอาศัยคุณสมบัตินี้ในการเป็นผู้อาวุโสของสำนัก
เหตุเพราะความสามารถมีขีดจำกัด ลูกศิษย์ที่สั่งสอนจึงมีแต่คนธรรมดา แม้ว่าซูถูมีอายุมากขนาดนี้แล้ว แต่จิตใจที่อยากเอาชนะแข็งแกร่งมากเช่นกัน เพื่อให้เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งที่มั่นคงในสำนัก เขาจ้องอยากได้ม้วนตำราเซียวเหยามานานหลายปี เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้อาจเปลืองแรงมาก ไม่คิดว่าเจ้าสำนักเซียวเหยาจะหลงกลง่ายเช่นนี้
หากเขาสามารถฝึกวิชาถอนพลังได้สำเร็จ ตำแหน่งหัวหน้าสำนักแห่งสำนักอวิ๋นซานต้องตกอยู่ในมือของเขาแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...