เวลาผ่านไปอย่างเร่งรีบ พริบตาเดียวก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว อินชิงเสวียนหาว และวางพิณการเวกไว้ข้างๆ ตัว
“ไม่ฝึกแล้ว ข้าง่วงจัง”
เย่จิ่งอวี้อุ้มนางขึ้นมา แล้วพูดด้วยความรักว่า “เช่นนั้นไม่ต้องคิดอะไรแล้ว นอนกันเถอะ”
อินชิงเสวียนกอดคอของเขาอย่างออดอ้อน
“เช่นนั้นท่านต้องเล่านิทานให้ข้าฟัง”
เย่จิ่งอวี้ยิ้มด้วยความรักเสน่หาและพูดว่า “ไม่มีปัญหา ข้ารู้แค่เรื่องเดียว ถ้าเจ้าไม่รำคาญก็ได้”
เขาวางอินชิงเสวียนบนเตียงหลังใหญ่ ยื่นแขนออกไปให้นางหนุน แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “กาลครั้งหนึ่งมีภูเขาลูกหนึ่ง บนภูเขามีวัดอยู่แห่งหนึ่ง ในวัดมีหลวงจีนเฒ่าและเณรน้อยคนหนึ่ง...”
อินชิงเสวียนเอามือปิดปากของเขาทันที
“ช่างเถอะ ฟังแล้วข้าเวียนหัว”
เย่จิ่งอวี้ฉวยโอกาสคว้ามือเล็กนุ่มนิ่ม กดลงบนเตียง และโน้มร่างลงมาทับไว้
เมื่อมองดูใบหน้าหล่อเหลาที่ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ใบหน้าของอินชิงเสวียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
“ท่าน...ท่านจะทำอะไร”
“ชู่ว์!”
เย่จิ่งอวี้พูดเบาๆ
อินชิงเสวียนคิดว่าเขาได้ยินเสียงบางอย่าง จึงเงี่ยหูฟังทันที วินาทีต่อมา ริมฝีปากบางเย็นชื้นก็ทาบทับลงมาปิดปากนางที่กำลังจะพูด
“อื้อ...”
อินชิงเสวียนพึมพำเบาๆ
เสียงที่ไพเราะและนุ่มนวลนั้นประสานกับน้ำพุวิญญาณ ราวกับเป็นท่วงทำนองอันซาบซึ้งตรึงใจของบทเพลงหนึ่ง ยังทำให้เย่จิ่งอวี้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
วงแขนแกร่งโอบเอวบางของอินชิงเสวียน มือใหญ่อันร้อนผ่าวลูบไล้ไปทั่วตัว
ภายใต้การรุกที่รุนแรง อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน ตอบสนองโดยไม่รู้ตัว ขณะที่เพลิงกำลังจะแผดเผา ร่างของฮวาเชียนก็กะพริบบนหน้าจอใหญ่ในมิติ
“ศัตรูโจมตี ศัตรูโจมตี!”
จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าอันวุ่นวายดังขึ้น
พวกเขาทั้งสองรู้สึกตัวขึ้นทันที รีบจัดเสื้อผ้าของตน และออกจากมิติ
เย่จิ่งอวี้ผลักเปิดประตู ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เกิดอะไรขึ้น”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...