อินชิงเสวียนกระแอมแล้วพูดว่า “ข้าพูดสิ่งใดไว้งั้นหรือ ทำไมข้าจำไม่ได้แล้ว?”
เย่จิ่งอวี้โกรธขึ้นมาทันที
“ไม่รักษาคำพูด จะเป็นปัญญาชนที่ดีได้อย่างไร?”
อินชิงเสวียนเม้มปากยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าไม่ใช่ปัญญาชนเสียหน่อย ข้าไม่สนใจหรอกว่าสิ่งใดเป็นไปได้หรือไม่ได้”
เย่จิ่งอวี้ยื่นมือไปจั๊กจี้นาง อินชิงเสวียนยิ้มและวิ่งหนีทันที
เย่จิ่งอวี้ยกเท้าเตรียมวิ่งตาม จู่ๆ ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
อินชิงเสวียนก็ยืนนิ่งเช่นกัน พร้อมส่งสัญญาณให้ข้า เย่จิ่งอวี้ใจตรงกันและเข้าใจในทันที
เขาเดินสองสามก้าวไปยังอินชิงเสวียน ยิ้มแล้วถามว่า “เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงพิณ เสวียนเอ๋อร์เป็นผู้บรรเลงใช่หรือไม่?”
อินชิงเสวียนเอื้อมมือหยิบพิณการเวกออกมา และพูดด้วยความภูมิใจว่า “เจ้าค่ะ นั่นคือบทเพลงที่ข้าเพิ่งเรียนรู้ใหม่”
เย่จิ่งอวี้เอ่ยชม “บทเพลงนี้สุกสว่างดั่งจันทร์ฉาย ราวกับบทเพลงเซียนเทพที่เข้ามาในหู ทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข เพียงแต่บรรเลงที่นี่คงไม่เหมาะสมนัก”
อินชิงเสวียนอุ้มพิณและถามเสียงอ้อนว่า “เช่นนั้นควรไปบรรเลงที่ใดดีเพคะ?”
เย่จิ่งอวี้ยิ้มด้วยความรัก
“หากมีเสียงคลื่นคอยประสาน นั่นคงเป็นบทเพลงที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง!”
อินชิงเสวียนเห็นด้วยอย่างมาก
“เช่นนั้น... พวกเราไปลองดูไหมเจ้าคะ?”
“ดีสิ”
เย่จิ่งอวี้ยื่มมือไปโอบเอวของอินชิงเสวียน ทั้งสองก็ออกจากหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ไป
ในที่มืด เงาร่างเล็กของคนคนหนึ่งปรากฏออกมา
ซึ่งก็คือโมริตะคาวาสึบาเมะที่กลับสู่ร่างเดิม
การคาดเดาของเย่จิ่งอวี้ไม่ผิดเพี้ยนเลย หลังจากที่โมริตะคาวาสึบาเมะหนีออกไปแล้วก็ตรงไปที่เมืองเติงหลงทันที เมื่อรู้ว่าคนที่ส่งไปตายหมดแล้วก็โกรธเป็นอย่างมาก เขาวางแผนเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน เกือบเอาตัวเองไปตายด้วย ปรากฏว่าสุดท้ายยังคงพ่ายแพ้ ช่างเป็นพวกไร้ประโยชน์จริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
ยังอัพไม่จบเลย หลายเรื่องเลย อัพมาครึ่งทางแล้วทำไมหยุดอัพดื้อๆค่ะ...
จะอัพเมื่อไหร่คะ...
มาต่อเร็วๆนะแอด...
หยุดอีกแล้ว...
กระหม่อม หม่อมฉัน สลับมั่วไปหมด...
มาอ่านต่อกันเร็วๆ แอดกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณค่ะ...
สนุกมาก น่าติดตามมาก เขียนและแปลได้ดีจริงๆ ดีใจที่กลับมาลงต่อ อัพเดตเรื่อยๆ วันละหลายๆ ตอน นะคะ...
หยุดชะงักลงตรงบทนี้ ต่อหรือพอเพียงแค่นี้😁...
หยุดแค่นี้หรือไปต่อ😁...
อัพต่อรออยู่ค่ะ...