ณ หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์
เย่จิ่งอวี้ได้ฟื้นขึ้นแล้ว เมื่อเห็นอินชิงเสวียนที่อยู่ข้างกาย จึงถามขึ้นด้วยเสียงที่สั่นเทา “เสวียนเอ๋อร์ เสวียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลย เจ้าง่วงนอนใช่หรือไม่?”
เซี่ยวอิ๋นหวนพยายามกลั้นน้ำตาและพูดว่า “ท่านตาของเจ้าได้ไปตามผู้อาวุโสสวีแล้ว อวี้เอ๋อร์อย่าตื่นตกใจไปเลยนะ เสวียนเอ๋อร์มีบุญวาสนามาก ต้องแปลงเหตุร้ายให้กลายเป็นดีได้แน่นอน”
เย่จิ่งอวี้ได้ฟังก็เหมือนไม่ได้ยิน เขากอดอินชิงเสวียนเบาๆ ไว้ในอ้อมอก หยิบผ้าที่อยู่ด้านในเสื้อออกมาและเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของนางอย่างพิถีพิถัน ปากก็พูดพึมพำว่า “เสวียนเอ๋อร์ เจ้าเคยรับปากข้าแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า เจ้าโกหกข้าไม่ได้นะ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เคยพูดโกหก หากเจ้าง่วงนอนจริงๆ ข้าจะเล่านิทานให้เจ้าฟัง”
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของลูกชาย เซี่ยวอิ๋นหวนก็น้ำตาไหลออกมาอย่างอดไม่ได้
พูดด้วยเสียงสะอื้นว่า “นางจะต้องไม่เป็นอะไร เจ้าอย่าคิดมากเลยนะ”
เย่จิ่งอวี้เหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เขาแกว่งอินชิงเสวียนเบาๆ ราวกับกำลังกล่อมลูก ปากก็พูดเสียงเบาว่า “นานมาแล้ว มีขันทีน้อยผู้หนึ่งนามว่าเสี่ยวเสวียนจื่อ เขามีความกล้าหาญอย่างมาก เขาหนีออกมาจากวังเย็นผ่านทางประตูสุนัข ไปทำการซื้อขายกับฝ่าบาท ต่อมายังสอนให้ผู้อื่นรู้จักการเพาะปลูก ฝึกทหาร เฉลียวฉลาดอย่างมาก ไม่เพียงเท่านี้ นางยังเปิดโรงเรียนสอนการต่อสู้ และปฏิรูปสำนักศึกษาหลวงขึ้นใหม่...”
เสียงของเย่จิ่งอวี้อ่อนโยนและทุ้มต่ำอย่างมาก ราวกับว่าคนที่อยู่ในอ้อมแขนนอนหลับอยู่จริงๆ กลัวว่าหากเสียงดังมากเกินไปจะทำรบกวนให้นางตื่นได้
เย่จิ่งหลานยืนอยู่อีกด้าน ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างไม่อาจอธิบายได้
คอของเขาแห้งผากและเจ็บปวดเหมือนถูกไฟเผา
โดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรักของเขาสองคน หรือเพราะความรู้สึกอย่างอื่น
ขณะนี้ เขาไม่อยากคิดมากไปกว่านี้แล้ว
เมื่อเห็นเย่จิ่งอวี้ที่ราวกับคนสติวิปลาส จึงเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างอดไม่ได้
พูดเสียงดังว่า “ข้าได้ให้กุ้ยเฟยดื่มน้ำพุวิญญาณแล้ว สามารถช่วยชีวิตนางไว้ได้ เสด็จพี่ไม่ต้องเป็นห่วง หากกุ้ยเฟยฟื้นขึ้นมา และเห็นเสด็จพี่ในท่าทางเช่นนี้ นางต้องโกรธมากแน่ นางเคยบอกข้าว่า ผู้เป็นกษัตริย์ควรมีจิตใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ไม่ควรรับผลกระทบจากเรื่องภายนอก ยิ่งไม่ควรหลงละเลิงในเรื่องส่วนตัว!”
เย่จิ่งหลานอ้าปากพูด กลับพบว่าเสียงของตัวเองแหบแห้งอย่างรุนแรง น่าเกลียดยิ่งกว่าเสียงของขันทีเสียอีก
แต่กลับมีผลลัพธ์ที่ดีอย่างมาก
เย่จิ่งอวี้เงยหน้าขึ้นราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน เพียงแต่ส่ิงที่เขาสนใจกลับไม่ใช่น้ำเสียงที่เข้มแข็งของเย่จิ่งหลาน
แต่เป็นเพราะ...
“เจ้าบอกว่าให้เสวียนเอ๋อร์ดื่มน้ำพุวิญญาณแล้ว เจ้าพูดจริงงั้นหรือ?”
“ข้าจะกล้าโกหกเสด็จพี่ได้อย่างไร หัวใจของกุ้ยเฟยมีการขยับขึ้นลง บางทีอาจเป็นเพราะบาดแผลสาหัสมากเกินไป แม้ว่าดื่มน้ำพุวิญญาณแล้ว ก็จำเป็นต้องใช้เวลาในการพักฟื้น”
เย่จิ่งหลานพูดปลอบใจ เพียงแต่คำพูดนี้ก็เป็นเหมือนคำปลอบใจตัวเองเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...
คนที่แสดงตัวเป็นพี่ใหญ่ไม่น่าจะเป็นตัวจริงเพราะมีพฤติกรรมลับลมคมในเรื่องต่างๆและทำให้เรื่องต่างๆแย่ลง เหมือนว่าจะหลงรักน้องสาวตัวเองเลยไม่รู้ว่าเป็นน้องแท้ๆหรือเปล่า...