สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 975

“คิดจริงๆ หรือว่า อย่างเจ้าน่ะจะชิงตัวเด็กไปจากข้าได้?”

ผู้อาวุโสหันค่อยๆ เงื้อฝ่ามือขวาที่ว่างขึ้นอย่างช้าๆ แสงสีม่วงเข้มก็เปล่งแสงออกมาจากนิ้วทั้งห้า

“วันนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็น ว่าอะไรคือวิทยายุทธ์ที่แท้จริงของตำหนักเทพ”

อินชิงเสวียนเคยเห็นแสงสีม่วงแบบนี้จากมือของฮั่วเทียนเฉิงมาก่อนแล้ว แต่มันก็ไม่ได้เข้มข้นเท่ากับชายชราที่อยู่ตรงหน้า และแสงสีม่วงที่นางเชี่ยวชาญนั้น ยังห่างชั้นกับทั้งสองคนมาก

นับตั้งแต่กลับมาที่เมืองหลวงก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับสำนักศึกษาหลวงและโรงเรียนสอนการต่อสู้ อินชิงเสวียนยังไม่มีเวลาตั้งใจศึกษาวิทยายุทธ์ที่ตัวเองช่วงชิงมาได้เลย

นางคิดเสมอมาว่าตัวเองออกจากยุทธภพแล้ว ก็จะอยู่ห่างจากข้อพิพาททุกประเภทในยุทธภพ ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไม เหล่าจอมยุทธ์ในสมัยโบราณถึงพูดว่าเมื่อเข้าวงการยุทธภพแล้วออกยาก จากนี้ไปความสงบสุขกลายเป็นอื่น

นางไม่ต้องการก้าวเข้าสู่ยุทธภพ แต่ยุทธภพอาจไม่ปล่อยนางไป!

ความรู้สึกหายใจไม่ออกในตอนนั้นกลับมาอีกครั้ง อินชิงเสวียนต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ

นางกัดฟันพูดว่า “ดี เช่นนั้นผู้เยาว์ต้องขอคำชี้แนะแล้ว!”

นางเรียกมิตินั้น ต้องการนำพิณการเวกที่เจ้าสำนักเซี่ยวฝากไว้กับตัวเองออกมา แต่กลับพบว่าไม่มีการแจ้งเตือนจากมิติด้วยซ้ำ คราวนี้อย่าว่าแต่จะเข้าไปเลย แม้แต่จะนำของออกมายังไม่สามารถทำได้

ช่างเถอะ ถึงเอาออกมา ก็อาจจะใช้ไม่ได้ หากพิณการเวกได้รับความเสียหาย เมื่อได้พบกันในวันหน้า นางก็ไม่สามารถอธิบายกับเจ้าสำนักเซี่ยวได้

อินชิงเสวียนหัวเราะอย่างขมขื่น ผลักมือขวาออกไป ฝ่ามือซ้ายวาดเป็นครึ่งวงกลม ปกป้องที่อกด้านหน้า

เสียงเพลงแผ่วเบาดังออกมาในมิติตามการกรีดกรายนิ้วของอินชิงเสวียน ซึ่งเป็นเสียงที่เสนาะหูมาก

“คิดไม่ถึงว่าวิชาฝ่ามือของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์จะสง่างามเพียงนี้ แม่หนูน้อย ระวังล่ะ!”

ผู้อาวุโสหันยังพูดไม่ทันขาดคำ ฝ่ามือขวาก็ซัดออกไปอย่างแรง

อินชิงเสวียนก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเชื่องช้า นางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และสะบัดมือขวาออกไปเช่นกัน

ฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน เกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ทั้งตำหนักจินหวูสั่นสะท้าน

ทันใดนั้น ฝ่ามือก็แยกออกจากกัน

ทั้งสองคนต่างถอยกลับไปหลายก้าว อินชิงเสวียนรู้สึกถึงความหวานในอก จากนั้นเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปาก

เลือดลมของผู้อาวุโสหันก็พลุ่งพล่านเช่นกัน กลิ่นเค็มพุ่งตรงไปที่ลำคอ ถึงกับรู้สึกว่าพลังของตัวเองลดลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ

อดตกใจเสียมิได้

หรือว่าอินชิงเสวียนเล่นตุกติกอะไรกับตัวเขา?

เขาโคจรกำลังภายในให้ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด

ผู้อาวุโสหันขมวดคิ้วอีกครั้ง

สตรีผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องนำตัวนางกลับไปที่ตำหนักเทพให้ได้

เขานึกในใจ ทันใดนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “วีรบุรุษถือกำเนิดตั้งแต่เยาว์วัยโดยแท้ หากเจ้าเต็มใจไปกับข้าจริง ข้าจะคืนเด็กให้กับเจ้า”

หลังจากที่ผู้อาวุโสหันพูดจบ เขาก็ยกมือขึ้น แล้วโยนเสี่ยวหนานเฟิงไปจริงๆ

อินชิงเสวียนรีบไปรับลูก แต่รู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งที่พุ่งใส่จากด้านหน้า

หากนางหลบหลีก เช่นนั้นเสี่ยวหนานเฟิงจะต้องตกพื้นอย่างแน่นอน

อินชิงเสวียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกัดฟันต้านพลังไว้ กระโจนไปรับตัวเสี่ยวหนานเฟิง พลังมิติที่ปกป้องร่างกายถูกทำลายลงทันที อินชิงเสวียนลอยออกไปเหมือนว่าวสายป่านขาด โดยไม่รอให้นางหยุดลงที่พื้น ภาพเบื้องหน้าพร่ามัว เสี่ยวหนานเฟิงกลับถูกผู้อาวุโสหันดึงตัวกลับไปอีกครั้ง

“ท่าน...”

อินชิงเสวียนกระแทกกำแพงเข้าอย่างจัง อดไม่ได้ที่จะระเบิดโทสะ กระอักเลือดออกมาเต็มปาก

ผู้อาวุโสหันมองดูนางแล้วพูดว่า “เห็นแก่ที่เจ้าเป็นลูกสาวของเหมยชิงเกอ ข้าจะไม่คิดหยุมหยิมกับเจ้า ข้าจะให้เวลาเจ้าวันเดียวเท่านั้น ย่ำค่ำพรุ่งนี้ หากข้าไม่ได้เจอเจ้า สิ่งที่เจ้าจะได้รับ ก็คือศพของเด็กคนนี้ และ...ข่าวการสิ้นพระชนม์ของฮ่องเต้!”

เขาชะลอตัวลง กระแสเสียงกลับมาอ่อนโยนเหมือนเมื่อครู่

“แม่หนู อย่าตำหนิที่ข้าทำเช่นนี้กับเจ้า ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่น เวลาสิบสองชั่วยามนี้ เพียงพอให้เจ้าจัดแจงเรื่องทุกอย่างให้เสร็จ เจ้าเป็นคนฉลาด ข้าเชื่อ ว่าเจ้าจะตัดสินใจเลือกทางที่ทั้งเจ้าและข้าต่างพึงใจ!”

หลังจากที่ผู้อาวุโสหันพูดจบ เขาก็เหาะออกจากลานเรือนไปแล้ว

ท่ามกลางแสงจันทร์สลัว มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา

ผู้อาวุโสหันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ มือซ้ายที่อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงยิ่งกอดแน่นกระชับ

เด็กถูกเขารัดแน่นจนหายใจไม่ออก อดไม่ได้ที่จะดิ้นรนพลางตะโกน “ปล่อยข้านะ คนเลว ถ้ากล้าตีแม่ของลูก เด็จพ่อกับท่านตาของลูก ไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์